บท
ตั้งค่า

บทที่ 2.2

“โอ๊ยเอ็งนี่ กับน้องในไส้ทำเป็นงก ค่าพวกนั้นข้าหาเงินจ่ายให้มันเองได้”

‘แล้วทำไมสามหมื่นแม่ต้องมารบกวนเธอ’ ลัลลินีอยากจะตะโกนถามใจแทบขาด แต่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าพูดไปรังแต่จะทะเลาะกัน เธอกับแม่แทบจะไม่เคยพูดกันดีๆ ถ้าเป็นเรื่องของน้องชาย เพราะแตะไม่ได้ ชีวิตน้องชายเลยไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างทุกวันนี้

“งั้นพรุ่งนี้หนู...”

“โอนมาคืนนี้เลย น้องมันรีบใช้ เอ็งยังไม่กลับไม่ใช่เรอะ”

“แต่นี่ฝนมันตกนะแม่ แล้วหลิน...”

“เอ็งก็ทำทางอินเทอร์เน็ตสิ”

“หลงมันอยู่ข้างๆ เหรอ” เธอถามออกไปเนือยๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้แม่ไม่มีทางพูดเอง “เรียกมันมาคุย...”

“มันนอนแล้ว พรุ่งนี้มันมีสอบ เอ็งก็รีบโอนมา แค่นี้แหละ” เอ่ยธุระเสร็จแม่ก็วางสาย โทร. มาไม่เคยถามสารทุกข์สุกดิบ ห้าทุ่มครึ่งลูกสาวยังตากฝนรอรถเมล์อยู่นอกบ้าน แต่กลับไม่มีแม้แต่ถ้อยคำเป็นห่วง ความน้อยใจแล่นขึ้นมาจุกอก

ครั้งสุดท้ายแล้ว เธอได้แต่ท่องไว้ในใจก่อนจะกดโทรศัพท์โอนเงินผ่านแอปพลิเคชันในมือถือ กำลังจะหย่อนเจ้าเครื่องมือสื่อสารเก็บใส่กระเป๋า เสียงข้อความเรียกเข้าก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบพลิกหน้าจอดู คิดว่าแม่คงส่งข้อความมาบอกว่าได้เงินแล้ว เธอเดาได้เลยว่าน้องชายตัวดีต้องนั่งเฝ้ารอเงินอยู่ข้างๆ แม่จนแน่ใจว่าเธอโอนไปแล้วจึงจะยอมปล่อยเรื่องนี้ อย่างน้อยแม่ก็ยังนึกจะขอบคุณเธอบ้าง ริมฝีปากบางที่กำลังจะขยับยิ้มชะงักค้าง เมื่อเปิดอ่านข้อความข้างใน

ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ คุณได้ทำการโอนเงินจากบัญชี xxx ไปยังบัญชี xxx เมื่อเวลา 23.35 น. ยอดเงินคงเหลือคือ 15.00 บาท

สิบห้าบาท ยังไม่พอค่าข้าวแกงหนึ่งจานเลยด้วยซ้ำ

จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนหลังคาป้ายรถเมล์รั่วเมื่อสัมผัสถึงความเปียกชื้นข้างแก้ม ครั้นยกมือขึ้นลูบก็พบเพียงความว่างเปล่า

ไม่ใช่น้ำฝน แต่เป็นหยาดน้ำตาร้อนจัดต่างหาก

ความอดทนของเธอมาถึงจุดสิ้นสุด ตลอดหลายปีไม่เคยปริปาก ไม่เคยร้องไห้ วันนี้ถึงจุดที่ทนไม่ไหวแล้ว

“สวรรค์! ฉันเหนื่อย ขอเวลาพักก่อนได้ไหม เข้าใจไหมความเหนื่อยอะ” เธอตะโกนก้องพร้อมทั้งน้ำตาไหลเป็นสายอาบแก้ม ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับคนบ้า

“อีสวรรค์บ้า ทำไมฉันต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว แต่ไอ้หลงแค่อ้อนแม่ นั่งๆ นอนๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ทำไมฉันไม่เกิดมาสบายๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรแบบนั้นบ้าง สวรรค์ไม่ยุติธรรม” ในขณะที่เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนถนนก็ปรากฏดวงไฟสองดวง

“ฉันจะยอมให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ปลดภาระนี้ออกไปจากบ่า ต่อไปนี้! ชีวิตนี้! ฉันจะขอลิขิตเอง!”

เด็กสาวมัธยมมองเธอคล้ายคนเสียสติพลางขยับตัวออกห่าง ทว่าไม่รู้เพราะถอยมากเกินไปหรือถนนลื่น จึงทำให้ร่างเล็กๆ นั้นผงะก่อนจะลื่นหงายหลังตกลงไปกลางถนนตอนที่รถเมล์สายนรกกำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ปกติรถเมล์สายนี้ก็วิ่งเร็วราวกับรถแข่งอยู่แล้ว ยิ่งถนนโล่งแบบนี้ คนขับก็ยิ่งเหยียบคันเร่งเต็มฝ่าเท้า ลัลลินีที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรีบทะลึ่งตัวเข้าไปคว้าร่างบางนั้นไว้ ทว่าเพราะถนนลื่นและมีแอ่งน้ำเจิ่งนอง บวกกับความอ่อนเพลียที่สะสมมาหลายวันเริ่มออกฤทธิ์ แขนขาพลันอ่อนแรง แทนที่จะฉุดเด็กคนนั้นขึ้นมา กลายเป็นตัวเองเซถลาลงไปกลางถนน แสงไฟเบื้องหน้าพร่าเลือนจนหัวสมองของเธอขาวโพลน

“เอ่อ... ท่านมหาเทพ” เทพซือมิ่งขยับตัวเข้าไปใกล้เมื่อเห็นอีกฝ่ายโบกมือ

“หือ” ใบหน้าแก่ชราหันกลับมาเลิกคิ้วขาว

“เอ่อ... ทำเช่นนี้อาจมีปัญหากับท่านพญายมได้นะพ่ะย่ะค่ะ” เขาค่อยๆ ยกแขนเสื้อขึ้นซับเหงื่อยามเห็นดวงวิญญาณของสตรีช่างโวยวายหลุดออกจากร่าง กลายเป็นดวงแก้วเล็กๆ ล่องลอยในอากาศ

“เจ้าว่า...” ท่านมหาเทพเอ่ยแล้วก็เงียบไป จนคนรอร้อนใจ

“ว่า...?”

“ระหว่างร่างของพวกนาง ผู้ใด...” นิ้วเรียวสวยดั่งแท่งหยกแกะสลักชี้ไปทางคันฉ่องที่อยู่ริมสุดซึ่งสะท้อนภาพของสตรีสองนางที่กำลังร่วงลงไปในสระบัวคนละสระพร้อมกัน

เทพซือมิ่งหรี่ตามองภาพความวุ่นวายจากน้ำมือบุตรสาวทั้งสามของราชครูจวง

พวกนางพี่น้องช่างสรรหาเรื่องราว ขนาดอยู่กันคนละจุดในสวนกว้าง ยังจำเพาะเจาะจงตกสระบัวในเวลาเดียวกัน

“ท่านมหาเทพทรงหมายถึงพี่น้องตระกูลจวงหรือพ่ะย่ะค่ะ” เขาขยับมือดึงบันทึกดวงชะตาที่เป็นผู้เขียนเองออกมาดู

อ้อ...แหะๆ ขออภัย เป็นตัวเขาที่ปั้นแต่งเรื่องราวขึ้นมาเอง

“อือ แต่เราว่านางเหมาะกับจวงอวี้หลินมากกว่าน้องสาว” เอ่ยจบมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ก็โบกมือดึงดวงวิญญาณของลัลลินีข้ามผ่านคันฉ่องนับพันนับหมื่นแผ่น ชักนำไปยังคันฉ่องที่อยู่ท้ายสุดทันที

“เอ่อ... ท่านมหาเทพ...” ผู้ต้อยต่ำเอ่ยทักท้วง “เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตมนุษย์โดยพลการเช่นนี้เกรงว่า เอ่อ...” ได้แต่กลืนถ้อยคำลงท้องเมื่อสบเข้ากลับสายตาเยียบเย็นพร้อมกับกลิ่นอายโทสะคุกรุ่น จึงรีบเร่งเปลี่ยนถ้อยคำโดยทันที “นับเป็นเรื่องดียิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

แต่ดวงชะตาของจวงอวี้หลินนั้น...

เทพซือมิ่งอึกอักคับข้องใจ ในบันทึกที่แสนจะยาวเหยียด มีเรื่องราวของสตรีผู้นี้เพียงสามบรรทัด อายุขัยของนางช่างสั้นนัก แตกต่างจากพี่สาวน้องสาวของนางที่เขาแต่งเติมเรื่องราวให้ถึงสี่ห้าหน้า กำลังจะอ้าปากอ่าน หางตาพลันสะดุดกับข้อความที่เขียนด้วยลายมือตัวเอง ตัวอักษรสีแดงเด่นชัดบนหน้ากระดาษดวงชะตาของจวงอวี้หลินนั้นพาเอาเหงื่อเย็นไหลเต็มแผ่นหลัง เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร

ที่แท้เหตุผลที่ท่านมหาเทพดูเหมือนจะไม่ว่างก็เป็นเพราะว่าตอนนี้แม่ทัพคู่ใจของพระองค์หาได้อยู่บนสวรรค์ แต่...

“ทะ...ท่านมหาเทพ ทำเช่นนี้... ไม่ใช่แค่พญายม แต่กับ... เอ่อ... กับองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ก็อาจ...อาจ...” ยังเอ่ยไม่ทันจบ เทพชะตาก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างโง่งมเมื่อท่านมหาเทพ ‘ยัด’ ดวงวิญญาณของลัลลินีเข้าไปในร่างของจวงอวี้หลินเรียบร้อยแล้ว ครั้นก้มลงมองบันทึกดวงชะตาในมือก็พบว่าตัวอักษรเบื้องหน้าพลันเลือนหาย หน้ากระดาษว่างเปล่าขาวสะอาด

บัดนี้... สวรรค์ได้ตอบรับคำขอของลัลลินี โชคชะตาต่อไปนี้จะเป็นเช่นไร ให้รอดูผลอันสืบจากการกระทำของนางทั้งสิ้น

ยามเทพซือมิ่งเงยหน้า

“เรื่องในปรโลกก็คงต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว” หากเป็นผู้อื่นได้รับมอบหมายงานจากมหาเทพในตำนาน พวกเขาคงรีบกราบกรานขอบคุณฟ้าดิน บันทึกไว้เป็นเกียรติประวัติแห่งวงศ์ตระกูลเล่าสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน แต่เทพชะตากลับทำได้เพียงยืนบื้อใบ้ อ้าปากค้าง

ซวยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว โธ่ตัวเขา ความอยากรู้อยากเห็นเพียงนิดถึงกับนำเคราะห์กรรมอันใหญ่หลวงมาให้ เดิมทีเขาควรจะเหยียบเมฆเหาะเลยผ่านไป เพียงแค่สงสัยใคร่รู้ว่าเหตุใดมหาเทพผู้ละทิ้งทุกเรื่องราวในสามโลกจึงมาปรากฏกายหน้าคันฉ่องกัลป์กาล เพราะหนอนแห่งความอยากรู้ตัวนั้นแท้ๆ ที่นำคราวเคราะห์มาสู่ตัว

“เอ้า... รีบไปสิ เดี๋ยวทางโน้นส่งเฮยไป๋อู๋ฉาง7 มาเก็บดวงวิญญาณแล้วหาไม่เจอจะเกิดเรื่องวุ่นวาย” พระองค์ตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง จากนั้นจึงยกพระหัตถ์ขึ้นเท้าพระหนุ พระเนตรทอดมองคันฉ่องแฝงด้วยร่องรอยแห่งความรื่นรมย์ ราวกับคนแก่ได้เจอเรื่องสนุกที่หลายพันหลายหมื่นปีจะมีสักหน

เดี๋ยวๆ เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็เพราะพระองค์มิใช่หรือ เทพซือมิ่งได้แต่จ้องมองเบื้องหลังอีกฝ่ายด้วยน้ำตาอาบแก้ม จนด้วยคำพูด ยามกำลังจะปิดสมุดบันทึกลง ลมเย็นเอื่อยๆ พัดตีหน้ากระดาษ เหลือไว้เพียงหน้ากระดาษว่างๆ คู่หนึ่ง

คู่หนึ่ง! ยามนี้มีสองชีวิตได้รับโอกาสให้ลิขิตชะตาตัวเองแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel