บทที่ 8
กองทัพทหารทั้งหมดได้ออกมาตั้งทัพอยู่นอกเมืองซึ่งมีกำลังคนกว่า 40,000 นาย หยวนหวินและหยินซวนควบม้าออกมาพร้อมทหารม้า 100 นาย แล้วมีเจ้ามือและขณะขุนนางออกมาส่ง หยินซวนมองดูทหารที่รอนอกเมืองก็ประทับใจเป็นอย่างมาก เพราะเพียงวันเดียวก็สามารถหาคนได้ถึงเพียงนี้
" ท่านเจ้าเมือง ข้านั้นดีใจมากที่ท่านสามารถจัดกำลังคนได้มากขนาดนี้ในวันเดียว ความดีความชอบในครั้งนี้ของท่านข้าจะกราบทูลฮ่องเต้อย่างแน่นอน " หยินซวนพูดพร้มยิ้ม
" แน่นอนขอรับข้านั้นทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อให้มันออกมาดีที่สุด ท่านแม่ทัพทั้งสอง ขอให้พวกท่านโชคดี เมื่อเสร็จสงครามแล้วก็แวะมาที่เมืองข้าได้ทุกเมื่อ ข้าจะเตรียมตอนรับพวกท่านเป็นอย่างดีขอรับ " เจ้าเมืองพูดพร้อมยิ้มแก้มปริ ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น หลิวเยียนเฟิงก็ควบม้ามาแต่ไกลหยวนหวินมองเห็นหน้ากากของนางจึงสงสัย
" เหตุใดทหารผู้นั้นถึงใส่หน้ากาก แถมร่างกายเช่นผู้หญิงอีก " หยวนหวินพูด แล้วเจ้าเมืองก็มองไปทางนาง
" อ้อ... ทหารผู้นั้นเป็นผู้หญิงขอรับนามหลิวเยียนเฟิง นางเป็นลูกสาวของอดีตแม่ทัพคนก่อน ซึ่งตอนนี้ปู่ของนางรักษาการแทนอยู่ เหตุที่นางตายก็เพราะนางต่อสู้กับผู้ที่สังหารพ่อของนาง จนนางได้บาดแผลที่หน้าจนหน้าตาอัปลักษณ์นางจึงใส่หน้ากากเอาไว้เพื่อปิดบังความอัปลักษณ์ของนาง อดีตนางเป็นคู่หมั่นของลูกชายข้าแต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว..." เจ้าเมืองพูดพร้อมหน้าตายิ้มแย้ม ไม่นานหลิวเยียนเฟิงก็ควบม้ามาอยู่ต่อหน้าของทั้งสามคน แล้วกุมมือคาราวะ
" คาราวะท่านแม่ทัพและท่านเจ้าเมืองบัดนี้ทหาร 40,000 นาย พร้อมเดินทางแล้ว และข้าหลิวเยียนเฟิงข้าจะเป็นผู้ติดตามพวกท่านไปด้วย ค่ะ " หลิวเยียนเฟิงพูด
" ดี เช่นนั้นก็เดินทางกันได้แล้ว " หยินซวนพูดพร้อมพยักหน้าแล้วควบม้าไปด้านหน้าพร้อมทหารติดตาม เจ้าเมืองและขุนนางกุมมือโค้งคำนับลาแม่ทัพทั้งสอง ซึ่งหลิวเยียนชางและหลิวเทียนฟง ยืนมองหลิวเยียนเฟิงไม่ละสายตา
" ดวงตาของนาง หายดีแล้วเหรอ ดีจริงๆ " หลิวเยียนชางคิดในใจแล้วยิ้มที่มุมปาก
กองทัพใหญ่เดินทางอย่างไม่รีบร้อนและราบรื่น จึงใช่เวลาเพียง 2 วัน ก็สามารถเดินทางมาถึงเมืองอิงโดยมีอ๋องอิงจิ๋วเป็นเจ้าเมือง ซึ่งทางเจียงหลุนก็มาถึงเมืองอิงเช่นกัน โดยนำทหารที่เกณฑ์มาจากเมืองเหวยมาได้ถึง 40,000 นาย ซึ่งเป็นทหารอาสา 10,000 นาย และ ทหารประจำเมือง 30,000 นาย แล้วยังมีเหวยซาน อายุ 24 ปี ลูกชายคนโตของอ๋องเหวยป๋อ เจ้ามืองเหวยอีกด้วย ซึ่งกำลังพลตอนนี้หากรวมกับทหารที่อยู่ในเมืองอิง 65,000 นาย ก็จะมีทหารทั้งสิ้น 145,000 นาย ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากพอสมควร ซึ่งเมืองอิงไม่สามารถรับคนได้มากขนาดนี้จึงสร้างกำแพงไม้ไผ่รอบนอกเพื่อให้ทหารอาสาทุกคนที่มีอยู่ 45,000 นาย อยู่กันรอบนอก ส่วนทหารหลักอยู่ที่รอบในเมืองโดยกระจายกำลังไปทั่วเมือง
เมื่อเหล่าผู้นำกองทัพมารวมกันแล้วได้จัดแจงการป้องกันแล้วก็มารวมกีนที่จวนเจ้าเมืองเพื่อวางแผนในขั้นตอนต่อไป ซึ่งในห้องมี คนแรกเจ้าเมืองอิง อ๋องอิงจิ๋ว อายุ 45 ปี ใส่ชุดเกราะเต็มชุด ซึ่งอ๋องผู้นี้เป็นขุนนางขั้น 2 ระดับ 7 เป็นผู้มีบรรดาศักดิ์สูงที่สุดในนี้ เขาจึงกลายเป็นผู้นำในศึกครั้งนี้จนกว่าทัพหลวงจะมาถึง แล้วผู้ที่ยืนอยู่ด้านขวาอิงจิ๋วคือแม่ทัพหลูเซินเป่า อายุ 43 ปี คนถัดดไปคือ หยินซวน ถัดไปคือ หยวนหวิน ถัดไปคือ หลิวเยียนเฟิง ผู้ที่ยืนอยู่ด้านซ้ายของอิงจิ๋วคือ อิงชิงสือ อายุ 26 ปี ลูกชายเจ้าเมืองอิง คนถัดไปคือ เจียงหลุน ถัดไปคือ เหวยซาน ซึ่งทั้งหมดยืนล้อมกันกับโต๊ะไม้ที่มีแผนที่ยุทธศาสตร์ ซึ่งมีตุ๊กตาไม้วางบอกจุดของตนและข้าศึก ซึ่งในแผนที่ได้บ่งบอกว่าเขตพื้นที่การปรกครองของแต่ละเมืองจะถูกแบ่งเขตด้วยแม่น้ำที่ไหลผ่านซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตของทุกเมืองในแคว้นฉิน ซึ่งทำให้มองออกได้โดยง่ายว่าเขตใครเป็นเขตใคร ซึ่งจากในแผนที่ได้มีตุ๊กตาสีเขียวที่ข้ามเขตจากเมืองเอี้ยมาเขตเมืองอิงแล้ว 5 ตัว ซึ่งอยู่หลายจุด
" อย่างที่ทุกท่านเห็น ศัตรูได้ข้ามมาฝั่งนี้และแบ่งกองกำลังเป็น 5 กอง แล้วตั้งค่ายในจุดต่างๆ ซึ่งทางเราไม่รู้จำนวนกำลังพลของแต่ละค่าย ว่ามีมากน้อยแค่ไหน ส่วนเรื่องผู้อพยบหนีมาจากเมืองเอี้ยเราได้กักตัวไว้แล้ว หากมีอะไรตุกติกเราจะสังหารทันที แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ถือว่าหายห่วงไปเรื่องหนึ่งแล้ว แต่ส่วนเรื่องศัตรู 5 กองนี้ ซึ่งมีฮ่องเต้รับสั่งให้เราคับไล่แล้วยึดพื้นที่ของเราคืนมา พวกท่านคิดเห็นเช่นไร " อิงจิ๋วถามความเห็นของทุกคน
" ข้ามีความคิดอยู่ไม่รู้ว่าพวกท่านจะชอบหือไม่ " หยวนหวินพูดพร้อมยิ้ม
" หากมีแผนดีๆ ก็พูดมาเถอะ ทุกคนรับฟังได้ทั้งนั้น " อิงจิ๋วพูดพ้อมหน้าเคร่งคลึม
" ขอรับ ในตอนนี้เราได้วางทหารป้องกันเมืองอย่างแน่นหนาโดยไร้ช่องโหว่ แล้วข้าได้ส่งทหารออกนอกเมืองจนได้ความว่าศัตรูจัดทัพมาบุกโจมตีเราซึ่งจะมาถึงในไม่ช้า ข้าจึงคิดแผนนี้ขึ้น นั้นคือการรอให้ศัตรูโจมตีเราก่อนแล้วใช้กำแพงไม่ไผ่เป็นโล่แล้วใช้ธนูยิงจนมันแตกพ่ายถอยออกไป หลังจากนั้นเราก็เจัดทัพทหารอาสาทั้งหมด ซึ่งมีจำนวน 45,000 นาย เดินทัพไปยึดค่ายของศัตรู เริ่มจากค่ายที่ใกล้ที่สุดไปก่อนแล้วยึดไปเรือยจนหมด โดยมีทหารหลัก 50,000 นาย เป็นกำลังเสริมในการโจมตี ข้าคิดว่าไม่ช้าเราก็สามารถยึดค่ายทั้งหมดของศัตรูได้แน่นอน ท่านว่าดีหรือไม่ ซึ่งแผนนี้จะทำให้เราเสียทหารหลังน้อยที่สุดเพื่อเป็นกำลังให้กับทัพหลวงได้อีกด้วย " หยนหวินพูดพร้อมยิ้ม
" ข้าไม่เห็นด้วยกับแผนนี้ ทหารอาสาไม่ต่างจากชาวบ้าน ถึงแม้ว่าเราจะสอนการใช้อาวุธแล้วแต่ก็ยังเป็นชาวบ้าน หากทำตามแผนนี้ก็ไม่ต่างจากส่งพวกเขาไปตาย " เจียงหลุนพูด
" ข้าก็เห็นด้วยกับท่านเจียงหลุน แผนนี้จะทำให้เราเสียกำลังคนโดยเปล่าประโยชน์ " หลิวเยียนเฟิงพูดพร้อมกุมมือ
" เดี๋ยวสิท่านทั้งสองนี้คือสงครามทุกคนที่เป็นทหารจะทหารอาสาก็เป็นทหาร หากทำให้เราชนะได้ก็ควรที่จะใช้ แล้วข้าก็คิดว่าแผนของหยวนหวินนั้นดีมาก ท่านอ๋องขอรับ ข้าสนับสนุนแผนนี้ขอรับ " หยินซวนพูดพร้อมกุมมือ
" จริงอยู่ที่ ทหารอาสาเป็นชาวบ้าน แต่สงครามทุกคนที่มาคือทหารคนหนึ่ง แล้วแผนนี้ก็ตรงใจข้ามากที่สุด ถึงแม้จะรู้สึกผิดแต่ก็ต้องทำเพื่อบ้านเมืองแล้ว ข้าจะทำตามแผนนี้ แล้วใครจะเป็นผู้นำทัพทหารอาสาล่ะ " อ๋องอิงจิ๋วพูดพร้อมมองไปทางหยวนซวนก็กุมมือ
" ท่านอ๋องข้าขอเสนอ หลิวเยียนเฟิง เป็นผู้นำทัพอาสาในครั้งนี้ขอรับ " หยวนหวินพูดพร้อมยิ้ม เมื่อหลิวเยียนเฟิงได้ยินอย่างนั้นก็หันหน้าไปมอง
" ข้าก็เห็นด้วยเช่นกันกับหยวนหวินขอรับ ข้าคิดว่านางมีความสามารถมากพอที่จะทำตามแผนนี้ได้ ขอรับ " หยินซวนพูดพร้อมกุมมือ
" เจ้าคือหลิวเยียนเฟิง จากเมืองหานสินะ " อิงจิ๋วพูด
" ใช่แล้วค่ะ ข้าหลิวเยียนเฟิงจากเมืองหาน " หลิวเยียนเฟิงพูดพร้อมกุมมือ
" เจ้าจะรับหน้าที่เป็นผู้นำทัพทหารอาสาหรือไม่ " อิงจิ๋วพูดพร้อมมองมาทางหลิวเยียนเฟิงด้วยแววตาจริงจัง หลิวเยียนเฟิงหันมองคนที่อยู่ในห้องแล้วมองไปที่อิงจิ๋ว
" ค่ะ.. ข้าจะรับหน้าที่เป็นผู้นำทัพทหารอาสาเองค่ะ " หลิวเยียนเฟิงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
" ดีมาก แล้วยศทางการทหารของเจ้าอะไรเหรอ " อิงจิ๋วพูดถาม
" ยศทางการทหารของข้าคือ ขุนพล ขั้น 1 ค่ะ " หลิวเยียนเฟิงกุมมือตอบ
" งั้นเหรอ หลิวเยียนเฟิง ตั้งแต่บัดนี้ไป ยศทางการทหารของเจ้าคือ แม่ทัพ ขั้น 2 ข้าให้การตัดสินใจเด็ดขาดแก่เจ้าในการสั่งทหารอาสา นอกจากเจ้าแล้ว จะไม่มีผู้ได้สั่งทหารอาสาได้อีก และเจ้าไม่ต้องฟังคำสั่งจากผู้อื่น นอกจากข้าผู้เดียวเท่านั้น เมื่อเสร็จศึกครั้งนี้ข้าจะทูลแก่ฝ่าบาทด้วยตัวข้าเอง ข้าหวังว่าเจ้าจะทำงานนี้สำเร็จนะ " อิงจิ๋วพูดพร้อมยิ้ม เมื่อทุกคนได้ยินถึงกับพูดไม่ออก ซึ่งทั้งห้องนอกจากเจ้าเมืองและแม่ทัพประจำเมืองแล้ว ทุกคนมียศทางการทหารคือนายพลนั้นเอง หยวนหวินและหยินซวนที่ไม่คิดว่าอิงจิ๋วจะมอบยศทางการทหารสูงกว่าพวกให้กับผู้หญิงไม่ใช่พวกตน
" ค่ะ ข้าจะทำสุดความสามรถ จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังค่ะ " หลิวเยียนเฟิงพูดด้วยคามภูมิใจ
" ส่วนผู้ที่เป็นผู้นำทัพกำลังเสริม คือ เจียงหลุน หยินซวน หยวนหวิน และเหวยซาน เจ้า 4 คน นำทหาร 50,000 นาย เป็นกำลังเสริม หากมีการขอกำลังเสริมก็ให็รีบไปทันที แต่หากไม่มีก็อย่าพึงทำอะไร พวกเจ้าคงเอาใจสินะ " อิงจิ๋วสั่งเสร็จ ทั้ง 4 คนก็กุมมือรับคำสั่ง
" เอาล่ะแยกย้ายทำตามแผนได้ " อิงจิ๋วพูดจบก็เดินออกจากห้องพร้อมแม่ทัพ หลูเซินเป่า และอิงชิงสือ แล้วหลิวเยียนเฟิงก็จะเดินออกจากห้องเช่นกัน
" แม่นาง.. อย่าตายก่อนที่จะได้รับยศล่ะ " หยวนหวินพูดพร้อมยิ้ม แล้วหลิวเยียนเฟิงก็หยุดเดินแล้วหันมามอง
" ถึงข้าจะไม่ติดยศอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นแม่ทัพ เจ้าก็ควรพูดจาเคารพข้าด้วยนะ ไม่งั้นเจ้าจะถูกทำโทษ ข้อหาที่เจ้าต่อต้านข้า " หลิวเยียนเฟิงพูดพร้อมมองด้วยสายตาที่เยือกเย็น จนทำให้หยวนหวินพูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งเงียบ แล้วหลิวเยียนเฟิงก็เดินออกไปจากห้องไป หยินซวนและหยวนหวินมองตามหลังอย่างไม่พอใจ แล้วทุกคนก็ออกจากห้องเพื่อเตรียมตัวทำตามแผน
ณ กำแพงไม้ไผ่รอบนอก บนกำแพงมีทหารอาสากำลังวิ่งกันวุ่นวายเตรียมธนูในการต่อสู้ พร้อมส่งเสียงเตือนภัยก็ผู้ที่อยู่กำแพงเมืองรอบใน แล้วชุนจินที่ยืนเป็นทหารยามก็มองเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพราะสิ่งที่เห็นอยุ่เบื้องหน้านั้นคือกองทัพขนาดใหญ่กำลังเดินออกจัดทัพยื่นอยู่ตรงหน้า
" เข้ามาแล้วสินะ สงคราม...." ชุนจินคิดในใจแล้วแสยะยิ้ม