บทที่ 5...จอมขวัญเจ้าบััลลังก์ทราย...
เมื่อเดินมาใกล้ถึงหน้าแท่นพิธี บุรุษแต่งกายด้วยสูทสีเทาเข้มร่างสูงเด่นงามสง่าที่สุดในกลุ่มก้าวออกมาข้างหน้า พอมายืนอยู่ใกล้เขาใจของดาริยาห์ก็เต้นระทึกด้วยความประหม่า เขาดูสูงยิ่งกว่าที่มองเห็นจากสายตา เพราะศีรษะของเธอสูงอยู่แค่ปลายคางของเขาเท่านั้น
“เอาละ เมื่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมาพร้อมแล้ว ก็ขอเริ่มพิธีเลย”
ผู้ประกอบพิธีทางศาสนาบอกแก่ทุกคนผู้มาเป็นสักขีพยาน เริ่มด้วยพิธีการเปลี่ยนศาสนาของฝ่ายหญิง ก่อนจะเริ่มพิธีแต่งงานตามศาสนา
“ข้าพเจ้าขอนิกาห์ เจ้าชายฮาริซ บิน ฮัมดาน บิน คอลิฟะห์ มาห์วาน อัล-อัชมา กับบุตรีของข้าพเจ้า เจ้าหญิง ดาริยาห์ บินติ ราฮิม บินติ สุลต่าน อัล-ธูมไทมาร์ ด้วยมะฮัรที่ตกลงกันไว้”
ดาริยาห์ได้ยินเสียงบิดากล่าวขอนิกาห์ตามประเพณีการแต่งงานตามศาสนา
“ข้าพเจ้า เจ้าชายฮาริซ บิน ฮัมดาน บิน คอลิฟะห์ มาห์วาน อัล-อัชมา ขอรับการนิกาห์กับ เจ้าหญิง ดาริยาห์ บินติ ราฮิม บินติ สุลต่าน อัล-ธูมไทมาร์ ด้วยมะฮัรตามที่ตกลงไว้”
พอจบคำตอบรับนิกาห์เจ้าบ่าวก็นำแหวนตราราชวงศ์มาห์วานประดับแซฟไฟร์น้ำงามล้อมเพชรมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าสาว และพระบิดาก็ยื่นแหวนตราแบบผู้ชายมาให้เธอสวมให้เขาเช่นกัน จากนั้นผู้ทำพิธีก็อ่านคัมภีร์กุรอ่านบทที่ว่าด้วยการครองเรือนให้ฟังอย่างรวบรัด และนำเอกสารมาให้คู่บ่าวสาวเซ็นชื่อพร้อมกัน
“อาฝากลูกสาวด้วยนะ ช่วยดูแลเธอแทนอาด้วย” พระราชาธิบดีราฮิมเข้ากอดอำลาคู่บ่าวสาวก่อนกล่าวฝากพระธิดากับเจ้าชายหนุ่มผู้เป็นราชบุตรเขย
“วางใจเถอะพระเจ้าข้า หม่อมฉันจะดูแลเธออย่างดี”
เจ้าของเสียงทุ้มรับคำแข็งขันอย่างมุ่งมั่นจากสัญญาลูกผู้ชายตามข้อตกลงที่มีให้แก่กัน แม้จะเป็นการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน แต่เขาก็เต็มใจทำเพื่อประชาชนและเต็มใจรับเจ้าสาวผู้สูงค่าที่จะมาเป็นมารดาของทายาทสืบสกุล
“ดาริยาห์ลูกรัก ไปกับพี่เขา เชื่อฟังพี่เขานะ พ่อขอให้ลูกปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง โปรดจำไว้ว่า พ่อรักลูกที่สุดรักลูกเสมอ เมื่อเวลาสมควรนั่นมาถึง เราก็จะได้พบกัน...ลูกรัก...”
พระราชาธิบดีราฮิมทรงดึงร่างบางของพระธิดาเข้ามากอดด้วยความรักและอาลัย ทำให้ผู้ถูกล่ำลาน้ำตาไหลพราก
“ค่ะ...ท่านพ่อ...ลูกก็รักท่านพ่อ...รักษาสุขภาพด้วยนะคะ...ลูกจะรอวันนั้นค่ะ...”
ดาริยาห์มองผู้เป็นพระบิดาด้วยนัยน์ตาสวยคลอหยาดน้ำใสดุจอัญมณีที่ซ่อนอยู่หลังผ้าคลุมหน้า
“แม่ขอให้ชีวิตสมรสของลูกมีความสุข ครองรักครองเรือนกับท่านชีคฮาริซมีลูกมีหลานสืบต่อวงศ์สกุลสืบกันต่อๆไป ขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จะมีทุกข์กับสุขคละเคล้ากันไปเสมอ เวลาพบเจอความทุกข์ก็อย่าไปทุกข์ตามมันมาก เวลาพบเจอความสุขก็อย่าหลงเป็นสุขไปกับมันจนลืมตัว การอยู่ร่วมกันของคู่สามีภริยา จะต้องให้เกียรติแก่กัน ดูแลเอาใจใส่แก่กัน รู้จักการประนีประนอม ที่สำคัญคือ จะต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราจึงจะอยู่ร่วมกันได้ด้วยดี” แม่อธิการโมนาพรรณนาคำอวยพรและคำสอนให้แก่สาวน้อยที่รักและห่วงใยด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“ขอบพระคุณค่ะแม่อธิการ หนูจะจำไว้ค่ะ” ดาริยาห์เข้ากอดแม่อธิการผู้เป็นเสมือนแม่คนที่สองของเธอด้วยน้ำตานองหน้า
“พ่อก็ขอให้หนูมีความสุข โปรดจำไว้ว่า เราทุกคนต้องมีชะตาชีวิตของตนเอง จะพอใจหรือไม่พอใจเราก็ต้องยอมรับมัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อให้ลูกได้เรียนรู้ เป็นการเตรียมตัวให้ลูกนำไปใช้ในชีวิตได้อย่างปกติสุข แล้วสิ่งที่พ่อเคี่ยวเข็ญให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะป้องกันตัว การยิงปืน การฟันดาบ การขี่ม้า ที่ลูกสามารถทำได้ดีและดีเยี่ยม คราวนี้คงจะรู้แล้วว่า เรียนไปเพื่ออะไร เพราะพระเจ้าลิขิตให้ลูกจะต้องออกไปใช้ชีวิตภายนอก ต้องไปใช้ชีวิตในดินแดนห่างไกล ลูกเอย คนเราไม่อาจจะพึ่งพาอาศัยคนอื่นได้ทุกอย่าง บางครั้งลูกอาจจะต้องพึ่งพาตัวเองบ้าง
พ่อขอให้ลูกเดินทางโดยสวัสดิภาพ”
บาทหลวงฟรานซิสเป็นคนสุดท้ายที่ได้กล่าวคำอวยพรและคำอำลาที่ทำให้ดาริยาห์รู้สึกขนลุกซู่ตลอดกาย แล้วในที่สุดเธอก็ต้องจากที่ที่เคยอยู่และคนที่รักโดยไม่รู้เลยว่ชีวิตในวันข้างหน้าจะต้องเจอะเจอกับอะไรบ้าง ทุกอย่างมันรวดเร็วจนเธอแทบจะเตรียมตัวเตรียมใจไม่ทัน
“ฮาริซรีบพาน้องไปเถอะ เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน”
พระราชาธิบดีราฮิมร้องเร่งเกรงจะมืดค่ำทำให้เกิดอันตรายแก่ทุกคน แม้ถนนเดินทางไปยังสนามบินจะอยู่ในย่านจราจรพลุกพล่านและปลอดภัยจากการอารักขาของเหล่าทหารมิตรประเทศ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าพวกที่ปองร้ายจะติดตามมาหรือเปล่า เพราะได้รับข่าวกรองจากหน่วยสืบสวนพิเศษของพระองค์ว่าทางผู้ปองร้ายส่งคนเดินทางมาเช่นกัน
แม้พระราชาธิบดีราฮิมจะทรงะรู้อยู่ว่าการตามล่าเจ้าหญิงมกุฎราชกุมารีดาริยาห์เป็นฝีมือของเสนาบดีเยมานตาเฒ่าผู้ล้นด้วยความโลภโมโทสัน แต่พระองค์ยังไม่หลักฐานใดๆชี้ชัดให้เอาผิดแก่เขาได้ จึงต้องเล่นเอาเถิดกันต่อไป และทรงมั่นพระทัยว่า นับจากวันนี้ไป ผู้เป็นจอมขวัญจอมใจที่เหลือเพียงคนเดียวของพระองค์ จะต้องอยู่รอดอย่างปลอดภัย เพราะทรงเลือกผู้คุ้มครองที่ดีที่สุดให้แก่เธอแล้ว
“ดาริยาห์ ลูกรักของพ่อ พ่อดีใจเหลือเกินที่ได้บุรุษผู้นี้มาเป็นคู่ครองและคุ้มครองเจ้า”
พระราชาธิบดีราฮิมดำริอย่างสบายพระทัย เพราะบุรุษที่ทรงเลือกมาอภิเษกกับพระธิดาสุดแสนรักเป็นผู้เหมาะสมหาใดเทียมได้ และเชื่อมั่นว่าเขาจะดูแลคุ้มครองดาริยาห์เป็นอย่างดีด้วยสัญญาลูกผู้ชาย