บทที่ 4...จอมขวัญเจ้าบัลลังก์ทราย...
“ไม่มีเวลาแล้วนะ...หนูต้องรู้นะว่าพวกเรารักหนู ห่วงความปลอดภัยของหนูมากจึงต้องทำอย่างนี้ ”
คำพูดของคุณแม่อธิการโมนาทำให้เดหลีหรือดาริยาห์จนหนทางที่จะหาทางออกแก่ตัวเอง บุคคลทั้งสามต้องการให้เธอเข้าพิธีแต่งงานแล้วไปจากที่นี่ โดยอ้างถึงความปลอดภัย และเธอก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้
“พวกเราเลี้ยงดูลูกมาตั้งแต่แบเบาะ เพราะต้องการปกป้องให้มีชีวิตอยู่รอด หากลูกไม่ยอมตามที่ท่านราฮิมขอ เวลายี่สิบปีที่ผ่านมาก็ไร้ประโยชน์ ทุกสิ่งที่ท่านบอกลูกล้วนเป็นความจริง” เป็นคำกล่าวของบาทหลวงฟรานซิสที่กำลังมองมายังเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความสงสารเห็นใจ
“โปรดเชื่อพ่อเถอะ พ่อไม่อยากเสียลูกไปอีกคน พ่อรักลูก นะดาริยาห์ ”
ในที่สุดสาวน้อยก็หมดหนทางที่จะปฏิเสธความต้องการของบุคคลทั้งสาม เธอมองสบดวงตาที่เหมือนมองเข้าไปในดวงตาของตัวเองที่มีหยาดน้ำใสคลอคลองก็หัวใจอ่อนยวบลงทันที นี่คือพ่อที่เธอฝันหาและรอคอยมานานยี่สิบปี ถ้าเธอตายตอนนี้ก็จะไม่มีโอกาสได้กอดเขาหรืออยู่กับเขาอีก ขณะนี้เขากำลังบอกรักเธอและแสดงให้เธอเห็นถึงความรักห่วงใยของผู้เป็นพ่อกับอ้อมแขนที่กางรอให้เธอเข้าไปสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นนั้น เธอจะปฏิเสธได้อย่างไร สาวน้อยโผเข้าสู่อ้อมกอดรับความอบอุ่นของหัวใจที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต
“...พ่อขา...หนูก็รักพ่อค่ะ...”
“จำไว้นะลูกรัก พ่อรักลูกมากที่สุด ทุกอย่างที่พ่อทำไป ก็เพื่อความปลอดภัยของลูก มารีอาก็จะไปกับลูกด้วย ไปเถอะลูก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย เราต้องรีบแล้วละ”
“มาเถอะเพคะ เราต้องรีบกันแล้ว หม่อมฉันจะพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับเข้าพิธี”
เดหลีหรือดาริยาห์จำต้องออกจากอ้อมกอดของพ่อที่เพิ่งได้สัมผัสด้วยความเสียดาย แล้วเดินเข้าสู่อ้อมแขนของพี่เลี้ยงที่ดูแลมาจนโต ทั้งสองเดินตามแม่อธิการโมนาออกไปยังห้องอีกห้องหนึ่งที่มีซิสเตอร์สองสามคนรออยู่ พอเธอไปถึงพวกนางก็ทำราวกับเธอเป็นเด็กเล็กด้วยการจับอาบน้ำแต่งตัวแบบครบกระบวนการ โดยการกำกับดูแลของมาเรียหรือมารีอาผู้เป็นพี่เลี้ยง เสร็จแล้วนางก็นำเธอออกมาส่งให้แม่อธิการโมนาที่ยืนมองมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นเหมือนไม่เคยพบเห็นกัน นางยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยชมออกมา
“โอ...หนูเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเท่าที่แม่เคยเห็นมาเลยนะ”
แม่อธิการโมนามองสำรวจชุดเจ้าสาวสวยงามที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมเนื้อดีสีขาวเหลือบฟ้ายาวกรอมเท้า ตัวเสื้อประกอบด้วยผ้าไหมทอพิเศษเนื้อเบาสีขาวเหลือบฟ้าแขนยาวจดข้อมือ มีเสื้อคลุมเป็นผ้าลูกไม้สีฟ้าอ่อนที่ปักด้วยดิ้นทองคำขาวสลับไข่มุก กระโปรงยาวสีเดียวกันทับซ้อนด้วยผ้าลูกไม้ลายเดียวกับตัวเสื้อที่ตกแต่งลวดลายด้วยดิ้นทองคำขาวสลับไข่มุกอย่างเดียวกัน และมีผ้าคลุมแบบอัล-อามีร่าหรือผ้าคลุมแบบเจ้าหญิงที่มีทู้บ ( Tube ) คลุมเก็บไรผมและลูกผมเอาไว้ก่อนจะคลุมผ้าผืนนอกที่ปักด้วยดิ้นทองคำขาวสลับไข่มุกอีกที
“...ทำไมหนูต้องแต่งชุดแบบนี้ล่ะคะ...” ดาริยาห์มองตัวเองอย่างไม่มั่นใจ
“การแต่งงานของหนูเป็นไปตามศาสนาของพ่อและเจ้าบ่าว เดี๋ยวพวกเขาจะมีผู้รู้มารับรองการเปลี่ยนศาสนาให้ก่อนเริ่มทำพิธีแต่งงาน หนูยังจำได้ใช่ไหมที่มาเรียสอนเอาไว้”
สาวน้อยใจหายต่อการบอกเล่าของแม่อธิการโมนา เช้าวันนี้เธอหวังจะได้เห็นตัวเองเป็นแม่ชีในคริสต์ศาสนาอย่างเต็มตัว แต่ต้องกลับมาแต่งชุดเจ้าสาวเปลี่ยนศาสนาและเข้าพิธีแต่งงาน
“จำได้ค่ะ ...เพราะมาเรียบอกให้หนูทบทวนอยู่บ่อยๆจะได้ไม่ลืม”
“ดีแล้วจ้ะ...รีบไปกันเถอะ”
แม่อธิการโมนาจับจูงสาวงามที่อยู่ในชุดเจ้าสาวอันสวยงามสง่าเข้ามาส่งให้พระราชาธิบดีราฮิมที่ยืนมองพระธิดาผู้งามล้ำเลิศด้วยน้ำตาคลอคลองอย่างปลื้มปีติและภาคภูมิพระทัย
“...โอ...ลูกพ่อสวยงามมากจริงๆ” สาวน้อยยิ้มรับการสวมกอดและจุมพิตจากพระบิดาอย่างซาบซึ้งอบอุ่นใจ
“เจ้าบ่าวของลูกฝากของขวัญมาให้ด้วยจ้ะ เขาบอกให้หนูเปิดดูทันทีเลยนะ” แม่อธิการโมนาก็ยื่นกล่องกำมะหยี่สีทองอร่ามส่งมาให้
“...เปิดดูสิลูก...” สาวน้อยในชุดเจ้าสาวแสนสวยรับกล่องของขวัญแล้วเปิดออกตามคำเชิญชวนของพระบิดา
“...อึม...สวยมาก...”
พระราชาธิบดีราฮิมรับสั่งชื่นชมพร้อมกับทุกคน เพราะประทับใจกับความงามของมงกุฎรูปบอบบางที่ประดับด้วยไข่มุกสีขาวรูปหยดน้ำกับแซฟไฟร์สีน้ำเงินสุกใสเหมือนดวงตาเจ้าสาว ช่างเป็นของขวัญที่สวยงามอย่างไม่มีที่ติ
“...โอ...สวยจังเลยค่ะ...”
“สวยงามเหมาะสมกับลูกจริงๆ มาลูกมา พ่อจะสวมมงกุฎนี่ให้” พระราชาธิบดีราฮิมสวมมงกุฎที่ทรงคุณค่าและสวยสมกับความงามของพระธิดาให้อย่างปลาบปลื้มใจ
“มงกุฎนี่เหมาะกับหนูจริงๆ สวยน่ารักมากเลยจ้ะ” แม่อธิการโมนาออกปากชื่นชมอย่างจริงใจ แล้วเข้ามาช่วยจัดแต่งให้เข้าที่
“...ขอบคุณค่ะ...” คนถูกชมขอบคุณเสียงแปร่งปร่าด้วยความตื้นตันใจ
“เชิญท่านราฮิมพาเจ้าสาวไปส่งหน้าแท่นพิธีเถอะ เจ้าบ่าวมารอนานแล้ว”
ท่านสาธุคุณฟรานซิสเดินนำทุกคนออกไป จนเข้าไปถึงด้านในประตูโบสถ์ที่ดาริยาห์เพิ่งเห็นว่าได้ตกแต่งเอาไว้เหมือนพิธีแต่งงานหรูหราที่เคยเห็นอยู่ในเวดดิ้งแม็กกาซีน ตกแต่งไว้ด้วยกระถางต้นดอกเดหลีสีขาวและดอกกุหลาบสีแดงอย่างสวยงาม เมื่อมองตรงไปยังแท่นบูชา ก็เห็นบุรุษที่อยู่ในสูทสากลสีเข้มคล้ายๆกันห้าคนยืนเรียงเป็นแถวรอ ยากที่จะรู้ว่าใครคนไหนคือเจ้าบ่าว
“...พ่อคะ...หนู...” สาวน้อยรู้สึกแข้งขาสั่นด้วยความประหม่า
“พ่อจะเดินไปลูกจ้ะ จับแขนพ่อไว้ พ่อจะพาลูกไปส่งให้เจ้าบ่าว”
พระราชาธิบดีราฮิมจับมือสั่นเทาจากความหวาดหวั่นปนประหม่าของพระธิดาเข้าคล้องแขนที่เหนือศอกด้านขวา แล้วพาดำเนินไปข้างหน้าด้วยอิริยาบถสง่างามที่ทุกคนมองอย่างชื่นชม
“ไม่ต้องกลัวลูกรัก พ่อจะยืนอยู่ข้างลูก”
ดาริยาห์รู้สึกอุ่นใจที่มืออบอุ่นของพระบิดาทาบทับมือที่เธอเกาะแขนพระองค์เอาไว้ แล้วก้าวเดินคู่เคียงไปด้วยขาที่ยังสั่นน้อยๆด้วยความประหม่า