บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ...จอมขวัญเจ้าบัลลังก์ทราย...

“ทำไมคะ ...ทำไมหนูต้องไป... ” สาวน้อยถามขึ้นเหลือบมองไปยังแขกสูงศักดิ์ที่เข้าใจว่าเขาคือตัวปัญหาที่จะมาพรากเธอไปจากที่ที่เคยอยู่อาศัยมาตั้งแต่เยาว์วัย

“หนูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น และจะถวายตัวแก่พระเจ้าเป็นแม่ชีเหมือนคุณแม่อธิการโมนาที่โบสถ์แห่งนี้”

“ดาริยาห์ ลูกคือ เจ้าหญิง ดาริยาห์ บินติ ราฮิม บินติ สุลต่าน อัล-ธูมไทมาห์ ที่ได้รับการสถาปนาพระยศเป็นมกุฎราชกุมารีแห่งราชรัฐสุลต่านอัล-ธูมไทมาร์เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว นี่ไงลูก”

ผู้กล่าวหยิบกระดาษสีขาวนวลแผ่นหนาออกมาจากซองสีแสดสลับดำและน้ำเงินมีตรายูงทองรำแพนบนบัลลังก์สัญลักษณ์ของราชวงศ์สุลต่านอัล-ธูมไทมาห์เห็นเด่นชัด วางลงตรงหน้าหญิงสาวผู้เป็นพระธิดา เธอจึงเห็นรูปของตนปรากฏอยู่บนมุมด้านขวา และลายอักษรสวยงามสีทองจารไว้ด้วยอักขระภาษาอารบิกกับภาษาอังกฤษเต็มหน้า และมีตราประจำพระราชวงศ์และตราลัญจกรประทับไว้พร้อมสรรพ

“ดาริยาห์ ลูกเป็นลูกของพ่อนะ”

“...ลูก...ทรงเข้าพระทัยผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ชื่อดาริยาห์ แต่ชื่อ...เดหลี มัลโลลีย์...เพคะ”

สาวน้อยมองบุรุษตรงหน้าด้วยสีหน้างงงัน พลางยืดกายบอกชื่อตัวเองที่ปรากฏชัดว่าเธอไม่ได้เกี่ยวดองอะไรกับผู้สูงศักดิ์ที่มาบอกว่าเธอเป็นธิดาของเขา

“นั่นเป็นชื่อและนามสกุลที่ใช้ขณะอยู่ที่นี่ เอาละ พ่อจะบอกลูกทุกอย่างก่อนที่เราจะไป” พระราชาธิบดีราฮิมรับสั่ง พลางทอดพระเนตรใบหน้าพระธิดาด้วยแววตาฉายประกายแห่งความรักห่วงใย

“แต่หม่อมฉันไม่อยากรับรู้หรือรับฟังอะไร และจะไม่ไปจากที่ที่เป็นบ้านของหม่อมฉันมาตั้งแต่เกิด”

สาวน้อยตอบด้วยน้ำเสียงห่างเหิน พลางมองเมินจากใบหน้าบุรุษผู้สูงศักดิ์ไปยังพี่เลี้ยงที่ยืนห่างออกไปใกล้ทางออกประตู แล้วหันกลับมามองสองผู้ใหญ่ใจดีที่อุปการะเลี้ยงดูตนมาจนเติบใหญ่ โดยรับรู้เพียงว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่งเท่านั้น

“เดหลี นี่เป็นเรื่องจริงนะ ลูกต้องฟังองค์ราฮิมรับสั่งก่อน” บาทหลวงฟรานซิสบอกอย่างไม่สบายใจนัก

“ฟังพ่อก่อนเถอะลูก เรามีเวลาไม่มากนัก จะต้องรีบออกเดินทางไปจากที่นี่”

น้ำเสียงอ่อนนุ่มซึมซับเข้าสู้ห้วงความรู้สึกของสาวน้อยจนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในใจ แม้อยากจะฟังคำบอกเล่าเรื่องราวของตนใจจะขาด แต่ความรู้สึกน้อยใจทำให้กล่าวคำปฏิเสธ

“ไม่เพคะ หม่อมฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”

สาวน้อยพูดในอาการเชิดหน้ามองสบตาสีเดียวกันอย่างไม่เกรงกลัว แต่ไม่อาจจะปิดบังแววตัดพ้อและหวั่นกลัวจากสายตามากประสบการของพระบิดาได้

“แต่หนูทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ เดหลีจ๊ะ ฟังแม่อธิการนะ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของหนู มันก็ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่แรก ท่านพ่อของหนูนำหนูมาฝากให้พวกเราดูแลแค่ชั่วคราวเท่านั้น”

แม่อธิการโมนาไม่อาจทนเฉยต่อความดื้อรั้นของสาวน้อยที่ตนเลี้ยงดูมา ปกติเดหลีจะเป็นเด็กหัวอ่อนว่าง่าย และเข้าใจอะไรง่ายดาย นี่คงจะน้อยใจพระบิดาจึงพาลพาโลไม่ยอมรับฟังอะไร

“ดูแลชั่วคราวหรือคะ หนูอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดแล้วนะ เวลายี่สิบกว่าปีที่ไม่รู้ว่าตัวเองยังมีพ่อหรือแม่อยู่เลยสักคน นี่หรือคะการฝากให้ดูแลชั่วคราว มันไม่นานไปหน่อยหรือคะ ที่จะมาแสดงตัวเอาป่านนี้”

เสียงหวานสั่นพร่าด้วยความสะเทือนใจ เธอมองหน้าผู้ปกครองของเธอทีละคนแล้วไปหยุดจับจ้องอยู่ที่พระราชาธิบดีราฮิมด้วยแววตัดพ้อ

“ดาริยาห์ ลูกพ่อ พ่อมีเหตุผลสำคัญที่ไม่อาจเปิดเผยฐานะแท้จริงของลูกได้ เพราะถ้ามีคนรู้ว่าลูกเป็นใคร ชีวิตลูกจะตกอยู่ในอันตราย พ่อไม่ได้คิดจะทอดทิ้งอย่างที่ลูกเข้าใจ” พระราชาธิบดีราฮิมรู้สึกเจ็บปวดกับน้ำเสียงและคำพูดของพระธิดา แต่พยายามอธิบายให้เธอเข้าใจ

“รับฟังรับสั่งของท่านพ่อก่อนเถอะเดหลี ลูกจะได้รู้ความจริงว่าเป็นอย่างไร”

บาทหลวงฟรานซิสมองความสับสนบนใบหน้าและดวงตาหมองเศร้าของสาวน้อยด้วยความเห็นใจ เดหลีหรือดาริยาห์เติบโตมาในโบสถ์หลังนี้ โดยมีแต่เขากับแม่อธิการและมาเรียมาตั้งแต่แบเบาะจึงไม่เข้าใจ

“แม่ของลูกชื่อคราดิยาห์หรือครอเดียห์ มัลโลลีย์ เป็นสตรีเชื้อสายอังกฤษ เธอแต่งงานกับพ่ออย่างถูกต้องตามกฎหมายของพลเมืองอังกฤษและประเพณีของราชรัฐสุลต่านอัล-ธูมไทมาห์ แต่มาเสียชีวิตหลังจากคลอดลูกได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง” พระราชาธิบดีราฮิมทอดพระเนตรอาการนิ่งงันของพระธิดาก็เริ่มเล่าความหลังด้วยน้ำเสียงเจือเศร้า

“แม่...จริงหรือเพคะ แม่ของหม่อมฉันตายแล้ว แม่ตายเพราะคลอดหม่อมฉันใช่ไหมเพคะ”

พอได้ยินคำว่า แม่ น้ำตาที่เก็บกลั้นมาก็พรั่งพรู เธอไม่เคยได้เห็นหน้ามารดาผู้ให้กำเนิด แต่คำว่า...แม่...มิได้เคยห่างหายจากจิตใจ ยามใดท้องฟ้าเกลื่อนดาราดารดาษ เธอมักจะคิดฝันเอาว่ามารดาเป็นดวงดาวดวงหนึ่งที่กะพริบพราวอยู่บนท้องฟ้า เพราะรับรู้จากมาเรียตั้งแต่จำความได้ว่ามารดาตายหลังจากคลอดเธอแล้ว แต่พอซักถามอะไรต่อ มาเรียก็รีบตัดบทเปลี่ยนเรื่องคุยเสียทุกที การไม่เคยเห็นหน้ามารดาหรือการรู้ว่ามารดาตายหลังจากคลอดเธอเป็นความเจ็บปวดใจนักหนา แต่ก็ยังน้อยกว่าที่รู้ว่า...บิดาของเธอยังมีชีวิตอยู่...บิดาที่ไม่เคยมาเยี่ยมมาหาหรือมาให้เห็นหน้าจนวันนี้...

“ไม่ใช่ แม่ของลูกตายเพราะถูกผู้ปองร้ายฆ่าตาย...” พระราชาธิบดีราฮิมจำต้องบอกความจริงแก่พระธิดา เพื่อเธอจะไม่เข้าใจผิดต่อการเสียชีวิตของมารดา

“...โอ...แม่...”

เสียงอุทานร้าวรานใจของพระธิดา เหมือนคมมีดกรีดลงบนพระหทัยของพระราชาธิบดีราฮิม ทรงลุกดำเนินเข้าโอบร่างสั่นเทาที่กำลังยกมือปิดหน้าร่ำไห้กับข่าวการตายของพระมารดา แล้วกอดเข้าแนบพระอุระอย่างปลอบปะโลม แม้จะสัมผัสรู้ถึงอาการขืนตัวเล็กน้อยที่แสดงการต่อต้านของคนถูกกอดแต่ไม่ทรงใส่ใจ และเล่าเรื่องราวต่อไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel