๖ หัวใจไม่ใช่กระดาษ (๒)
ข่าวบุณณดาที่เป็นเด็กเลี้ยงของแทนไทดังขึ้นอีกครั้งหลังจากประชุมผู้ถือหุ้นและหญิงสาวตามติดเจ้านายไม่ห่าง ทำข้ามหน้าข้ามตานนทัชด้วยซ้ำทั้งที่ความจริงแล้วเธอก็ทำตามหน้าที่ไม่ได้แสดงกิริยาอย่างที่โดนกล่าวหาเลย
เปมทัตได้ข่าวก็ออกโรงปกป้องเพื่อนเต็มที่จนเกือบทะเลาะกับกลุ่มขาเม้าของบริษัท โดนหัวหน้าแผนกบุคคลเรียกไปเตือนจนโมโหกลับมาแล้วระบายทุกอย่างให้เพื่อนอีกคนฟังในเวลาเลิกงานซึ่งต้องกลับบ้านทางเดียวกันอยู่แล้ว
หญิงสาวพยายามปลอบให้ใจเย็นแต่คนอารมณ์ร้อนก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองจะสามารถสงบลงได้ถ้ายังมีเรื่องค้างคาในหัวใจ พาหนะจอดลงหน้าบ้านหลังใหญ่ของอรวราทว่ายังไม่ทันได้ลงจากรถกลับมีชายหนุ่มท่าทางเจ้าสำอางเดินออกมาจากบ้านเสียก่อน
“นั่นใคร” จากที่คิดเรื่องใบข้าวก็กลับมาสนใจคุณหนูแสนหวานทันที เธอถอนหายใจพลางทำหน้าบูดบึ้ง
“พี่เก่ง เพิ่งกลับมาจากออสเตรเลีย เหมือนคุณพ่อกำลังจับคู่เรากับพี่เขาเลย” ร่างสูงขมวดคิ้วไม่ค่อยชอบหน้าอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไรให้ตนเองแท้ๆ
ดูภายนอกเหลาะแหละอย่างไรก็ไม่รู้ จากที่จะส่งแล้วขับรถกลับก็กลายเป็นว่าเปมทัตลงจากรถยนต์ของตนเองออกมาทักทายคนที่ยืนรอน้องสาวซึ่งหมายตาเอาไว้
“น้องอร กลับจากฝึกงานแล้วเหรอครับ” ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมทั้งดวงตาหวานฉ่ำขัดใจชายหนุ่มอีกคนจนต้องเอ่ยขัด
“ยืนตรงหน้าขนาดนี้คงยังไม่กลับมั้งครับ ถามอะไรของเขาวะ” ประโยคหลังพึมพำกับตนเองทำเอาคนที่โดนค่อนแคะหันมามองชายแปลกหน้าด้วยความไม่พอใจ เหลือบสายตามองคนที่ไม่เคยเห็นพลางเอ่ยถามอรวรา
“เพื่อนน้องอรเหรอครับ ดูไม่ค่อยมีมารยาทสักเท่าไหร่” คนอารมณ์ร้อนที่พร้อมปะทะก็เกิดอาการไม่ชอบใจทันทีทั้งที่ตัวเองเป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ ร่างสูงทำท่าจะเดินเข้าไปหาเรื่องแต่ลูกสาวเจ้าของบ้านก็คว้าแขนเพื่อนเอาไว้ก่อน
“หยุดก่อนเปรม คือนี่เปรมเพื่อนสนิทของอรค่ะ ส่วนนี่พี่เก่ง..”
“เป็นว่าที่แฟนน้องอรครับ” เธอยังแนะนำสถานะของหนุ่มนักเรียนนอกไม่จบอีกฝ่ายก็เสนอตัวขึ้นมาทันทีพร้อมมองหญิงในดวงใจแล้วยิ้มให้จนคนโดนกล่าวอ้างทำหน้าปุเลี่ยน เธอไม่ค่อยชอบท่าทีแสดงออกมาเกินไปของเขาสักเท่าไหร่ มันรู้สึกขนลุกแปลกๆ ยามที่กรกฎเอาแต่มองหน้าแล้วทำสายตาหวาน
“เป็นพี่น้องค่ะ พี่น้องดีกว่านะคะ” ย้ำให้เขารู้ถึงความรู้สึกหล่อนแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยชอบสถานะนั้นเท่าไหร่ในเมื่อเทียวไล้เทียวขื่อสาวน้อยมาเกือบสัปดาห์แล้ว
เห็นหน้าหวานพูดจาอ่อนโยนแบบนี้แต่ใจแข็งเป็นบ้า เขาทั้งซื้อของไหนจะชวนไปเที่ยว เสนอกระเป๋าราคาแพงให้เพื่อมัดใจอย่างที่เคยทำกับคนอื่นแต่หล่อนกลับไม่เหลียวแลสักนิด
“แต่พี่อยากเป็นแฟนนิครับ แล้วค่อยพัฒนาไปเป็นสามีภรรยาก็ได้” เห็นอาการตื้อไม่เลิกของผู้ชายที่เข้ามาติดพันเพื่อนตัวเองก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากชกปากคนเสียเหลือเกิน
ไม่ค่อยเห็นใครเข้าหาอรวราสักเท่าไหร่จึงวางใจได้ในระดับหนึ่งว่าหล่อนคงไม่โดนหลอก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะคิดผิดเสียแล้ว ไม่เคยมีใช่ว่าจะไม่มีเพราะตอนนี้ดันมีผู้ชายเข้ามายุ่งเกี่ยวกับหล่อนแล้ว และเขาก็ไม่ชอบใจจนแอบดึงหญิงสาวให้มาชิดกายมากกว่าเดิมสร้างความปลาบปลื้มแก่คนที่แอบชอบเหลือเกิน
“ก่อนจะเป็นแฟนพี่หาเลี้ยงตัวเองให้รอดดีกว่านะครับ เข้าบ้านไปได้แล้ว” สั่งสอนคนอายุมากกว่าแล้วค่อยหันมาบอกเพื่อนสนิทซึ่งพยักหน้ารับคำอย่างดี ไม่ค่อยเห็นเปมทัตมุมนี้สักเท่าไหร่เพราะส่วนมากเขาจะห่วงแต่บุณณดาและทำเหมือนไม่มีหล่อนอยู่ในสายตา
พอมาเจอสถานการณ์ตอนนี้ก็อดดีใจไม่ได้ว่าตนเองยังมีความสำคัญกับเขาอยู่เหมือนกันถึงจะในสถานะเพื่อนก็ตาม
“น้องพูดแบบนี้ได้ไง มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ” เดินเข้าหมายจะหาเรื่องแต่เปมทัตกลับยืดอกแล้วก้าวเข้าไปหาทำเอาอีกฝ่ายเงียบเสียงลงเพราะแค่ขนาดตัวก็แพ้ราบคาบแล้ว
“จะเอาสักหมัดไหม เผื่อจะเห็นดาวตอนก่อนถึงกลางคืน” ไม่ได้พูดเกินจริงเพราะหมัดเขาค่อนข้างหนัก เคยแข่งมวยสมัยเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งชนะน็อคมาแล้ว จนกลายเป็นตำนานเล่าขานสู่รุ่นน้องว่ารุ่นพี่ภาคบริหารชกเด็กวิศวะจนน็อคในรอบเดียว
เมื่อเห็นกรกฎไม่กล้าเข้ามาก็เดินไปขึ้นรถของตนค่อยขับออกไปอย่างรวดเร็ว ที่หมายคือบ้านแทนไทที่ไปสืบมาแล้วว่าบุณณดาพักที่นี่ ตอนแรกที่รู้โกรธหัดฟัดหัวเหวี่ยงจนแทบจะพังข้าวของแต่ก็พยายามใจเย็น คิดว่ามันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อาจจะไปพักเพราะงานที่ต้องทำก็ได้...
ปลอบใจตนเองทั้งที่รู้ว่ามันไม่เป็นความจริง ผู้ช่วยเลขาที่ไหนจะพักบ้านเจ้านายนานเป็นเดือนขนาดนี้ น้าแพงก็เป็นห่วงหลานสาวแต่เห็นว่าโทรติดต่อมาตลอดด้วยน้ำเสียงสดใสก็พอคลายกังวลได้บ้างผิดกับเปมทัตซึ่งจิตใจร้อนรุ่มกว่าเดิม
เหยียบคันเร่งจนเกือบมิดเข็มเพื่อไปให้ถึงบ้านพักส่วนตัวของชายหนุ่มมากกว่าวัย มือหนากำพวงมาลัยแน่นบังคับให้เลี้ยวเข้าซอยของบ้านซึ่งไหว้วานเลขาพ่อไปสืบจนกระทั่งได้ที่อยู่มาครบ ประตูรั้วปิดสนิทแต่คาดว่าเจ้าของบ้านน่าจะอยู่ข้างในเพราะไฟเปิดสว่าง
ร่างสูงลงจากรถยนต์แล้วกดออดด้านหน้ารัวจนคนสวนวิ่งมาเปิด มองแขกด้วยความสงสัยแต่ก็ยิ้มแย้มเป็นการต้อนรับ
“ผมมาหาใบข้าว” แจ้งเจตนารมณ์ชัดเจนว่าคนที่ต้องการพบคือหญิงในดวงใจหาไม่ใช่เจ้าของบ้านที่ตนไม่ชอบหน้า
“นัดไว้ก่อนหรือเปล่าครับ”
“เปล่า ลุงไปเรียกข้าวให้ผมหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวผมจะรออยู่ข้างนอกไม่อยากเข้าไปเหยียบข้างในบ้าน” ไม่ชอบแทนไทจนอาจจะกลายเป็นเกลียดด้วยซ้ำ ผู้ชายด้วยกันมักดูออกว่าอีกฝ่ายเข้าหาบุณณดาด้วยความไม่จริงใจเหมือนมีอะไรแอบแฝง
พยายามเตือนแต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ฟังเพราะอยู่ในช่วงหลงจนหัวปักหัวปำ รอไม่นานใบหน้าหวานที่เฝ้าคิดถึงก็ปรากฏขึ้นแล้วเธอก็ออกมาหาเขาข้างนอกไม่ชวนเข้าไปข้างในเนื่องจากไม่ใช่บ้านตนเอง
“มาอยู่ที่นี่แล้วเหรอ พัฒนาเร็วดีนะไหนบอกว่าเป็นแค่เจ้านายลูกน้อง” อยากจะตบปากตัวเองที่พูดไม่ดีกับเธอแต่ก็สายไปเสียแล้วเมื่อคนฟังรับสารที่ส่งและแสดงความไม่พอใจออกทางใบหน้า
“มันเรื่องของฉันนายไม่ต้องยุ่งหรอก” ไม่กล้าบอกความจริงเปมทัตเพราะคิดว่าตนเองจะทำให้แทนไทหลงรักได้ไม่ยาก เดี๋ยวความแค้นก็คงหมดไปกลายเป็นความรัก
โดยลืมคิดถึงความจริงที่ว่าเขามีหญิงที่คู่ควรเคียงข้างแล้ว
“ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอกแต่พอดีได้ยินคนที่บริษัทเขาพูดกันว่าเธอมาเป็นเมียน้อยของประธานบริษัทก็เลยอยากมาเตือน ยังไงก็เป็นเพื่อนอยู่แล้ว” ย้ำคำว่าเมียน้อยทั้งที่จริงไม่ได้มีใครตั้งสถานะนี้ให้เธอสักคน
ส่วนมากก็บอกว่าเป็นเด็กเลี้ยง
“คุณแทนยังไม่มีเมีย”
“แต่ก็มีผู้หญิงที่คู่ควรด้วยแล้ว เธอก็เป็นแค่ของเล่นคนรวย” อารามเสียใจทำให้สาดวาจาเผ็ดร้อนใส่เพื่อน ต้องการให้เธอเจ็บเหมือนที่เขารู้สึกบ้างแต่กลับสร้างความโมโหให้แก่บุณณดาจนต้องตอบกลับรุนแรงไม่แพ้กัน
“ฉันยอมเป็นของเล่นเขา” เปมทัตเสียศูนย์ไปชั่วครู่เมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของหญิงสาว เขาเสียใจจนหมดสิ้นสติดึงหล่อนเข้ามากอดเอาไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่มีต่อเธอเพียงคนเดียวมาตลอดหลายปี
ทำไมถึงไม่เคยหันมองกันบ้าง แค่เศษตาก็ไม่ได้เลยเหรอ
ร่างหนารัดคนตัวเล็กเอาไว้แน่นจนหล่อนไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้ ทั้งทุบตีและผลักออกก็ไม่เป็นผลไหนจะกลัวว่าแทนไทจะกลับมาแล้วเห็นภาพนี้อีก ลูกชายเจ้าของโรงแรมชื่อดังไม่ยอมให้เจ้าของหัวใจเป็นอิสระทั้งยังเผยความรู้สึกภายในใจ
“เป็นเราไม่ได้เหรอ รักเราไม่ได้เหรอข้าว” เป็นครั้งแรกที่เปิดเผยความในใจซึ่งใบข้าวก็รับรู้อยู่ก่อนหน้าแล้วแต่ไม่เคยพูดกับเขาตรงๆ สักครั้ง
“ขอโทษจริงๆ นะเปรม แต่ฉันไม่ได้รักนาย ไม่เคยคิดจะรักหรือพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นมากกว่าเพื่อนสักครั้ง” ใจของคนที่แอบรักมาโดยตลอดพังลงทันทีเมื่อได้ยินความรู้สึกของหล่อนที่ไม่ปิดบังว่าคิดเช่นไรกับเขา
ค่อยผละออกแล้วมองเข้าไปในดวงตากลมโตเพื่อค้นหาว่ากำลังพูดโกหกอยู่หรือเปล่า แต่กลับพบเพียงความจริงใจถึงได้ก้าวถอยออกห่างด้วยแววตาแดงก่ำ
สุดท้ายก็ไม่ใช่คนที่เธอเลือก...
ไม่พูดอะไรให้เจ็บช้ำก็รีบขึ้นรถยนต์ก่อนจะขับออกไปทันทีปล่อยบุณณดามองตามหลังแล้วถอนหายใจเสียงดัง เธอไม่อยากเสียเพื่อนไปจึงทนอยู่ในวังวนรักอันน่าเศร้าแบบนี้ จนสุดท้ายแล้วจำต้องบอกความรู้สึกของตนเองออกไปให้เปมทัตได้ตัดอกตัดใจ
และพอได้พูดก็รู้สึกว่ามันโล่งเหลือเกิน รู้อย่างนี้บอกไปตั้งแต่แรกก็ดีจะได้ไม่ต้องเจ็บยืดเยื้อ
“กอดกับผู้ชายหน้าบ้านฉันขนาดนี้ ฉันควรจะทำโทษเธอยังไงดี” เสียงทุ้มแสนคุ้นเคยดังขึ้นพอหันไปมองก็พบเจ้าของบ้านที่อยู่ในชุดสูทหลังกลับมาจากงานฉลองครบรอบยี่สิบปีที่เปิดนิตยสารของไทยซึ่งยังไม่ปิดตัวเหมือนเล่มอื่นทั้งยังขายได้กำไรดีด้วย
ใบหน้าหวานซีดเผือดไม่รู้จะแก้ตัวกับเขาว่าอย่างไร แต่แทนไทก็ไม่ได้เอ่ยถามอีกนอกจากจับจูงเธอเข้าไปภายในบ้านปล่อยให้คนรถขับพาหนะเข้ามาจอดที่โรงรถ
แล้วหลังจากนั้นคนทั้งสองก็ไม่ออกจากห้องอีกเลยกระทั่งเช้าวันใหม่...
หลังจากที่เสียใจเปมทัตก็ขับรถมายังคลับหรูใต้โรงแรมชื่อดังซึ่งเป็นคู่แข่งกับโรงแรมของตนเอง เขาไม่สนใจผู้คนรอบข้างเอาแต่ดื่มน้ำสีเข้มจนแทบทรงตัวไม่อยู่ มือหนากำแก้วไว้แน่นไม่รู้สึกถึงความขมของแอลกอฮอล์เลยสักนิดเพราะว่าความเจ็บช้ำจากรักที่กำลังเผชิญอยู่มันขมกว่าเสียอีก
คิดถึงก็ยิ่งเจ็บใจทั้งที่มาก่อนและอยู่เคียงข้างคอยดูแลอย่างดีแท้ๆ ทำไมใบข้าวถึงไม่สนใจเขาบ้าง ผู้ชายคนนั้นมันมีดีอะไรนักหนาถึงได้หลงขนาดยอมเป็นของเล่นละทิ้งศักดิ์ศรีตนเอง
ไม่เข้าใจเลยสักนิด..
กรอกเหล้าเข้าปากราวมันคือน้ำเปล่าจนบาริสต้าเริ่มเป็นห่วง กระทั่งมีสาวร่างบางใบหน้าหวานหยดวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภายในคลับก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วแล้วเห็นเพื่อนนั่งฟุบอยู่บาร์ถึงได้รีบเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“คุณคือเพื่อนผู้ชายคนนี้ที่โทรเข้ามาใช่ไหมครับ” เมื่อสักครู่มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของลูกค้าแต่ดูเหมือนคนเมาจะไม่รู้ตัวเขาจึงถือวิสาสะรับให้พร้อมบอกที่อยู่ปลายทางเมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของผู้หญิงตรงหน้า
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าช่วยเปิดห้องที่นี่ให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันคงพาเขากลับไม่ไหว” กว่าจะออกจากบ้านมาได้ก็แอบบิดามารดากลัวว่าหากท่านรู้จะไม่ยอมให้มาหาเปมทัต
“ได้ครับ เดี๋ยวผมติดต่อรีเซฟชั่นให้” หล่อนค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณ ไม่นานก็มีพนักงานมาหิ้วปีกของร่างสูงไปยังชั้นที่พัก กว่าจะถึงเตียงนอนก็ทุลักทุเลพอสมควรเพราะคนเมาไม่ให้ความร่วมมือเลย เอาแต่ร้องโวยวายพลางดิ้นให้ปล่อยอยู่นั่นแหละ
“ปล่อยสิโว้ยฉันจะไปหาใบข้าว ข้าวอยู่ไหน เปรมรักข้าว ได้ยินไหมว่าเปรมรักข้าว” ขนาดเมายังสามารถพูดประโยคแสนยาวที่ทิ่มใจคนฟังได้
นับถือเขาจริงๆ เลย
“ขอบคุณมากนะคะ” หล่อนลงไปเช็คอินเมื่อสักครู่แล้วขึ้นมาทันได้ยินคำบอกรักพอดี หันไปขอบคุณพนักงานที่ช่วยแบกคนเมาขึ้นมาบนห้องแล้วถอนหายใจเมื่อพบว่าตนเองต้องติดแหง็กกับคนที่ไม่ได้สติและเอาแต่เรียกหาผู้หญิงคนอื่น
มันน่าเจ็บใจจริงๆ ที่หล่อนเลือกจะรักเขาทั้งที่อีกฝ่ายไม่เคยหันมามอง คุณหนูอรวรากล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้แล้วลุกไปหยิบผ้าขนหนูนำไปชุบน้ำแล้วบิดพอหมาดมาเช็ดตามใบหน้าและลำคอให้คนที่นอนไม่ได้สติ
อยากถามเหลือเกินว่านอกจากใบข้าวแล้วเขามองเห็นเธอบ้างหรือเปล่า รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้ก็เฝ้ามองเพียงเขาคนเดียวมาหลายปีเช่นกัน
หวังลมๆ แล้งๆ ว่าเปมทัตจะหันมาเห็นถึงความจริงใจของตนบ้างแต่ก็ไม่เลยเพราะสายตาชายหนุ่มมีเพียงบุณณดาคนเดียว นึกอิจฉาเพื่อนสาวอีกคนที่ได้หัวใจเขาไปครองแต่ไม่ได้เกลียดหรือโกรธสักนิดเนื่องจากรักและสนิทกันมานาน
ทั้งยังสงสารในชะตากรรมของใบข้าวซึ่งต้องเผชิญความยากลำบากตั้งแต่เด็ก ยังอดทึ่งไม่ได้ที่อีกฝ่ายอดทนมากขนาดนี้ ถ้าเป็นเธอคงคิดสั้นไปนานแล้ว
“ข้าว ข้าวใช่ไหม” ขณะที่กำลังจะเอามือออกเขาก็คว้าไว้ก่อนพลางเอ่ยพึมพำเสียงเบา
“ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่ใบข้าว” บอกเขาเพราะไม่ต้องการเป็นตัวแทนของใครแต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่รับรู้ เขาใช้แรงทั้งหมดดึงเธอเข้ามาหาก่อนจะพลิกให้คนตัวเล็กอยู่ใต้ร่าง
“เปรมรักข้าว เป็นเปรมไม่ได้เหรอ รักเปรมไม่ได้เหรอ” อ้อนวอนอย่างน่าสงสารจนคนที่พยายามขัดขืนต้องเม้มปากแน่น
ใจเริ่มตีกันว่าควรจะใช้ช่วงเวลานี้เพื่อเก็บความสุขระหว่างกันเอาไว้ดีไหม แต่อีกใจก็ไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร หล่อนอยากเป็นผู้หญิงที่เขามองด้วยความรักจากใจจริง ไม่ใช่เห็นเพียงภาพซ้อนของคนอื่นเท่านั้น
“ไม่...อื้อ” แล้วเปมทัตก็ตัดสินใจปิดริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยปฏิเสธไม่อยากได้ยินให้เจ็บช้ำไปมากกว่านี้แล้ว
ห้องนอนที่เคยเย็นฉ่ำกลายเป็นสนามรบซึ่งอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นตามแรงอารมณ์ หญิงสาวผู้ไม่เคยพานพบความหฤหรรษ์กลับกรีดร้องเสียงดังยามที่เขาแทรกกายเข้ามา น้ำตาหยดลงบนที่นอนเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่ชายหนุ่มเอ่ยถึง
“ข้าว เปรมรักข้าว”
สุดท้ายเธอก็เป็นเพียงแค่ตัวแทนของคนที่เขารัก..