๔ ความจริงที่เจ็บปวด (๒)
“คุณก็ไม่ค่อยว่างเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เห็นว่ากำลังจะทำแฟชั่นโชว์”
“ติดตามข่าวกันตลอดแต่กลับไม่มาหา หยาดน้อยใจนะคะ” ก้าวเข้าไปใกล้เขาพลางกระซิบที่หูให้ได้ยินกันสองคน หลังจากนั้นก็เห็นหัวเราะอย่างมีความสุขทำเอาบุณณดาที่ยืนอยู่ข้างหลังต้องผ่อนลมหายใจหวังเอาความรู้สึกขมุกขมัวออกไปจากตนเอง
หากไม่ติดที่ว่าเป็นเลขาต้องตามเจ้านายตลอดคงขอตัวไปยืนสงบสติอารมณ์ข้างนอกแล้ว
ยอมรับว่าหึงเขาในเมื่อไม่ค่อยเห็นชายหนุ่มอยู่กับผู้หญิงคนอื่น จากที่ฟังคนเล่าว่ามีหญิงหลายคนมาตบตีแย่งเจ้าของบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่นั้นค่อนข้างเกินความจริงไปมากเพราะทั้งวันเขายุ่งจนแทบไม่ได้เจอเพศตรงข้ามนอกจากจะเป็นนักธุรกิจหรือคู่ค้า
คนที่เข้าใกล้แทนไทมากสุดคงต้องยอมรับว่าเป็นหล่อน..
แล้ววันนี้เมื่อเห็นธัญพิชชาได้รับความพิเศษนั้นก็เกิดความขุ่นมัวขึ้นภายในจิตใจจนไม่อาจระงับใบหน้าเอาไว้ได้
กระทั่งงานเลิกและขึ้นมาอยู่บนรถตู้ที่ใช้ในบางวันเท่านั้น มีคนขับรถของที่บ้านมาอำนวยความสะดวกพร้อมทั้งยังมีเก้าอี้นวดส่วนตัวอีกด้วย ประตูรถปิดลงร่างสูงก็ถอนหายใจพลางเอนกายอย่างเหนื่อยล้าเพราะทำงานทั้งวันไม่มีพัก
ความเงียบโอบล้อมจนดวงตาคมต้องหันมองหญิงสาวที่นั่งข้างกายก่อนจะเห็นว่าหล่อนเหม่อลอยเหมือนมีอะไรในใจ
เขาค่อยสอดมือเข้าไปในเสื้อสูทแล้วหยิบดอกไม้ที่แอบขโมยมาจากงานเมื่อสักครู่ก่อนยื่นไปตรงหน้าคนตัวเล็กที่สะดุ้งตกใจยามได้เห็นดอกกุหลาบสีแดง
“ฉันให้เธอเป็นการขอบคุณที่เหนื่อยด้วยกันทั้งวัน” รอยยิ้มแต้มริมฝีปากหยักยามจ้องมองใบหน้าหวานที่ทำหน้าไม่ถูก เธอยื่นมือมารับพลางสูดดมความหอมของมันเข้าปอดค่อยเงยหน้ามาสบตากับคนให้ด้วยประกายสดใสกว่าเมื่อสักครู่
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ฉันเต็มใจให้เธอ” ไม่รู้ทำไมถึงชอบมองเวลาเธอยิ้ม ดวงตากลมโตจะเหลือเพียงขีดเดียวมันช่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน
เขารีบสลัดความคิดนั้นออกเมื่อนึกได้ว่ากำลังจะตกหลุมพรางที่ตัวเองเป็นคนขุด
อย่างไรเสียลูกของศัตรูก็คือยาพิษที่ไม่ควรดื่ม
อีกไม่นานหรอกรอยยิ้มของหล่อนคงจะหายไป และไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่หรือบางทีความสุขของบุณณดาอาจจะหายไปตลอดกาล...
ห้องพักของโรงแรมในเครือ The area group กลายเป็นสงครามที่แสนเผ็ดร้อนของชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งเมื่อเข้ามาภายในห้องก็ไม่ได้ห่างจากกันอีกเลย หญิงสาวแอ่นอกเข้าหาคนตัวสูงอย่างไม่นึกอายพลางปลดกระดุมเสื้อของเขาจนเผยให้เห็นมัดกล้ามที่ทำเอาคนมองอดลูบไล้ไม่ได้
ร่างกายร้อนระอุเหมือนอยู่บนกองเพลิงทั้งที่เปิดแอร์เพียงแค่สิบเจ็ดองศาเท่านั้น ผมยาวสวยที่เคยรวบถูกปลดลงจนสยายเต็มแผ่นหลัง มือหนาเอื้อมไปปลดชั้นในตัวบนจนหลุดออกจากร่างบางแล้วซุกไซ้ทรวงอกคู่งามทันทีก่อนจะดูดจนมันชูชันสู้ศึกที่กำลังจะเริ่ม
เสียงหอบหายใจดังไปทั่วห้องค่อยพากันเดินไปที่เตียงกว้างแล้วล้มตัวลงนอนก่อนฝ่ายชายจะลุกขึ้นคร่อมหญิงสาวแล้วรูดชั้นในตัวล่างลงทำให้กายสาวไร้อาภรณ์ปกปิดกาย
“คิดถึงกันมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ถามเสียงกระเส่าเมื่อโดนร่างสูงซุกไซ้ที่ลำคอระหงส์
“ดูที่การกระทำผมแล้วกัน” หลังจากนั้นเขาก็ตอบคำถามของหล่อนด้วยการโถมกายเข้าหาจนหญิงสาวร้องไม่เป็นศัพท์ ดีที่ห้องเก็บเสียงจึงสามารถปลดปล่อยความเสียวกระสันออกมาได้ตามอารมณ์ในช่วงเวลานั้น
เวลาเคลื่อนคล้อยไปและทั้งคู่มีงานรัดตัวก็ต้องรีบทำเวลาด้วยเช่นกัน เมื่อเสร็จสิ้นอารมณ์หมายแล้วต่างแยกย้ายไปสวมเสื้อผ้าของตนเองไม่มีการเอ้อระเหยหรือนอนกกกอดอย่างคนรักพึงกระทำต่อกัน ในเมื่อพวกเขาเป็นเพียงแค่คู่นอน
มันก็แค่เซ็กเท่านั้น..
“คุณมีงานที่ไหนเหรอคะ” หยิบชั้นในขึ้นมาสวมก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งมอบความหฤหรรษ์ให้หล่อน
“ผมต้องไปคิดบัญชีกับเพื่อนเก่า..” ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วติดกระดุมเสื้อจนหมดค่อยเดินไปหยิบของสำคัญแล้วออกจากห้องไปพร้อมหญิงสาว เขาเชื่อมั่นในความปลอดภัยโรงแรมของตนว่าจะไม่มีภาพหลุดเล็ดลอดออกไปเด็ดขาด
เพราะถ้าหากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นคนที่จะเดือดร้อนคือพนักงานที่ไม่ทำหน้าที่ตนเองจนสร้างความเดือดร้อนให้เจ้านาย
แทนไทขึ้นไปบนรถยนต์ของตนเองก่อนจะขับออกจากโรงแรมมุ่งตรงไปยังบ้านของใครบางคนที่ไม่รู้ว่ามันจะยังจำเขาได้หรือเปล่า ความเคียดแค้นส่งออกทางแววตาที่แทบจะเผาถนนตรงหน้าให้มอดไหม้ ค่อยเคลื่อนพาหนะไปตามทางโดยรับสายจากลูกน้องของเสี่ยทรงภพ
‘ผมจัดการให้บางส่วนแล้วครับ’ หัวเราะในลำคอยามได้ยินรายงาน ที่จริงเขาไม่ค่อยชอบใช้ความรุนแรงสักเท่าไหร่แต่กับบางคนมันก็อดไม่ได้จริงๆ
ต้องสั่งสอนให้รู้ถึงความเจ็บปวดบ้าง
“ผมใกล้จะถึงแล้ว สั่งสอนมันอีกสักหน่อยแล้วกันจนกว่าผมจะไปถึงบ้าน แต่อย่าแตะต้องลูกสาวของมันเด็ดขาด”
เพราะผู้หญิงคนนั้น..เขาจะเป็นคนทำลายเอง
หลังจากงานวันนั้นผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์บุณณดายุ่งจนแทบไม่ได้หยุดพัก เพิ่งจะมีวันนี้ที่เจ้านายอนุญาตให้กลับบ้านเร็วจึงได้ซื้อกับข้าวมาฝากน้าแพงเต็มไปหมด แต่ขณะที่จะเลี้ยวเข้าบ้านของคุณน้าที่ให้ความเคารพกลับเห็นรถยนต์หลายคันจอดที่หน้าบ้านตนเอง
ไม่ทันได้คิดก็รีบวิ่งเข้าไปข้างในทันทีกลัวว่าบิดาของตนจะเป็นอันตราย และก็จริงดังคาดเพราะท่านนอนอยู่บนพื้นกลางห้องโถงโดยมีชายฉกรรจ์ล้อมรอบพลางมองด้วยแววตาสมเพช
“พ่อ!” ถลาเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วงทิ้งข้าวของทุกอย่างไว้หน้าบ้านไม่ได้สนใจสักนิด ตอนนี้เธอต้องช่วยพ่อที่ใบหน้ามีแต่รอยฟกช้ำและเลือดเต็มไปหมดเสียก่อน
“ออกไป นังนี่ไม่ใช่ลูกฉันนะ มันเป็นใครก็ไม่รู้” รีบบอกทันทีกลัวว่าลูกสาวจะได้รับอันตรายไปด้วย ในขณะที่ชายกว่าสี่คนมองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดังทำเอาหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเริ่มกลัวและก่นด่าตัวเองที่ไม่คิดให้รอบคอบก่อนเข้ามา
ถ้าพวกมันทำมิดีมิร้ายจะทำเช่นไร..
“มึงคิดว่าพวกกูโง่ไม่สืบประวัติมึงเลยเหรอวะไอ้บัลลพ นังนี่เป็นลูกสาวคนเดียวของมึงที่ไปอยู่กับคนข้างบ้านพวกกูรู้มานานแล้วเว้ย” ในเมื่อเห็นว่าพวกเขาโง่ก็ต้องบอกความจริงให้มันฉลาดเสียหน่อย
สองพ่อลูกตกใจที่อีกฝ่ายรับรู้ความจริงมาโดยตลอดแต่ก็ปล่อยผ่านไม่เข้ามาหาเรื่อง เกิดความสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่ไม่ทันได้ถามชายคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าก็ย่อตัวลงมานั่งตรงหน้าหล่อนพลางเชยคางมนขึ้นมองให้เต็มตา
“สวยนี่หว่า สนใจไปทำงานใช้หนี้แทนพ่อไหมน้องสาว” บุณณดาปัดมือมันออกอย่างนึกรังเกียจในขณะที่บิดาก็รีบร้องขึ้นทันที
“อย่ายุ่งกับลูกกู ถ้าจะทำมาทำที่กู” ปกป้องลูกสาวเต็มที่ทั้งที่จะเอาตัวเองไม่รอด ร่างบางน้ำตาซึมยามเห็นสภาพของบิดาจนต้องกอดท่านเอาไว้กลัวว่าจะเสียครอบครัวเพียงคนเดียวไป
“คนแบบมึงห่วงลูกเป็นด้วยเหรอวะ ฮ่าๆๆ”
“กูจะหาเงินมาใช้พวกมึง แต่อย่าเอาลูกสาวกูไปเลย” ร่างบางได้ฟังอย่างนั้นก็สงสารพ่อของตนเองจับหัวใจ เชิดหน้าขึ้นเพื่อเผชิญกับคนที่มารุมรังแกพวกตนถึงแม้ว่าใจจะสั่นก็พยายามนึกถึงหน้าแทนไทเอาไว้
เขาคือกำลังใจชั้นดีของหล่อนจนนึกอยากให้มายืนด้วยกันยามคับขันเช่นนี้
“ฉันจะหาเงินใช้หนี้ให้พ่อเอง อย่าทำอะไรพวกเราเลยนะ” ต่อรองด้วยไม่รู้ว่าเงินที่บัลลพติดค้างพวกนั้นมันคือจำนวนเท่าไหร่ และเมื่ออีกฝ่ายตอกกลับมาหล่อนก็อ้าปากค้างแล้วหันไปมองบิดาด้วยแววตาอึ้ง
“เงินทั้งหมดยี่สิบล้านหามาคืนภายในสามเดือน จะทำได้จริงเหรอน้องสาว” พากันหัวเราะร่วนด้วยเชื่อว่าไม่มีทางที่หล่อนจะทำได้
เงินจำนวนนั้นมันมากเกินกำลังของเธอจนรู้สึกเหมือนแขนขาไร้เรี่ยวแรง นึกว่าท่านหยุดเล่นการพนันแล้วเสียอีกทำไมถึงมีเงินงอกเงยขึ้นมาได้หลายสิบล้านขนาดนี้ ต่อให้หาทั้งชาติก็คงหาไม่ได้จนเริ่มเครียดเสียแล้ว
“จริงเหรอคะพ่อ” หันมาถามบิดาที่หลบสายตาบุตรสาวเป็นพัลวันด้วยความละอายใจ ท่านไม่นึกว่าตนเองจะเล่นเสียจนเงินที่หยิบยืมเสี่ยมันจะพอกพูนมาได้มากขนาดนี้ เริ่มกังวลว่ามันจะเอาบุณณดาไปเป็นตัวขัดดอกเหมือนที่เคยทำกับลูกหนี้คนอื่น
บัลลพกอดลูกสาวเอาไว้แน่นอย่างหวงแหน ท่านไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหล่อนเป็นอันขาดถึงแม้เรี่ยวแรงที่เหลือจะน้อยนิดก็ตาม
“พ่อขอโทษ”
คำพูดนั้นตอบได้เป็นอย่างดีว่าพวกมันไม่ได้โกหก พ่อติดหนี้กว่ายี่สิบล้านเป็นเรื่องจริงจนมือไม้หล่อนอ่อนแรง
จากที่คิดจะลืมตาอ้าปากได้คงหมดหวังแล้ว.. หนทางมืดมนจนหาแสงสว่างไม่เจอด้วยซ้ำกระทั่งมีชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาภายในบ้าน
เธอมองตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นมาจนเห็นดวงหน้าคมซึ่งรู้จักเป็นอย่างดี รอยยิ้มแต้มริมฝีปากนึกดีใจที่เขามาช่วยแล้ว กลัวว่ามันจะเป็นภาพลวงตาถึงได้เรียกเสียงดังราวกับว่าชีวิตที่ปลิดปลิวได้กลับเข้าสู่ร่างอีกครั้งหนึ่ง
“คุณแทนช่วยข้าวด้วยค่ะ” กอดบิดาเอาไว้พลางร้องบอกเขาเสียงหลง ชายฉกรรจ์หันมองตามเสียงเรียกของหล่อนก็พบชายแปลกหน้าที่เข้ามาใหม่
ร่างสูงอยู่ในชุดทำงานมาดค่อนข้างเข้มขรึมน่ายำเกรง เพียงกวาดสายตามองก็ทำเอาคนถูกจ้องผวาต้องรีบหลบอย่างรวดเร็ว ทุกคนเปิดทางให้คนมาใหม่จนสองพ่อลูกเริ่มสงสัยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
บุณณดารับรู้ถึงบรรยากาศประหลาดที่เกิดขึ้นแต่ก็พยายามไม่คิดไปในทางลบ หล่อนสลัดความกลัวภายใต้จิตใจของตนออกทันที แทนไทที่รู้จักไม่ได้มีแววตานิ่งลึกยากจะคาดเดาแบบนี้ ใบหน้าคมเรียบเฉยราวไม่รู้สึกกับภาพตรงหน้า
ทำให้เธอนึกกลัวเขาขึ้นมาเสียแล้ว..
“จำกันได้ไหม เพื่อนรัก” เจ้าของธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่เมินคำพูดของสาวรุ่นลูกแล้วหันไปสนใจบัลลพซึ่งค่อยยันกายลุกขึ้นมาสบตากับคนถาม อันที่จริงเขาก็สงสัยตั้งแต่ชื่อที่ลูกสาวเรียกแล้วยิ่งเมื่อได้จ้องใบหน้าที่ลืมเลือนไปก็อ้าปากค้าง
เวลาผ่านไปกว่ายี่สิบปีแต่เหตุใดมันถึงไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด อดีตหน้าตาอย่างไรปัจจุบันกลับยิ่งหล่อเหลามากกว่าเดิม
“ไอ้แทน!” ได้ยินอย่างนั้นก็แสยะยิ้มสมใจก่อนจะย่อกายลงมาให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน เขากวาดตามองอดีตเพื่อนรักที่เคยรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมคายจนสาวหลงใหลแต่มาวันนี้กลับกลายเป็นตาแก่พุงพลุ้ยที่แม้แต่หมายังไม่เหลียวมอง
ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน
“ขอบใจที่มึงยังจำเพื่อนเก่าคนนี้ได้ แล้วมึงจำได้ไหมว่าทำอะไรกับกูไว้บ้าง” หล่อนกลายเป็นตัวประกอบได้แต่นั่งฟังชายที่แอบรักพูดคุยกับพ่อเหมือนสนิทสนมกันมานาน
พยายามจับใจความสำคัญทั้งที่ตอนนี้เริ่มคิดไปไกลแล้วว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นฝีมือของเขาหรือเปล่า
“กูไม่ได้ทำอะไร” แทนไทลุกขึ้นยืนก่อนจะหัวเราะเสียงดังยามเพื่อนตอบว่าไม่เคยทำอะไรให้ตนเจ็บช้ำ ดวงตาคมหันไปมองลูกน้องของเสี่ยทรงภพพลางสั่งทางสายตาแต่ก็รับรู้ดีว่าฝ่ายนั้นต้องการอะไร
ชายสองคนเข้าไปจับตัวบุณณดาออกมาทันทีจนหญิงสาวต้องร้องโวยวาย “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะอยู่กับพ่อ อย่าทำอะไรพ่อฉันนะ คุณแทนคะช่วยพ่อของข้าวด้วย”
เวลานี้หล่อนก็ยังจะร้องขอความช่วยเหลือจากเขาในขณะที่บัลลพหันมองลูกสาวสลับกับแทนไทด้วยแววตาตกตะลึงพลันคิดถึงเรื่องที่เปมทัตบอกเมื่อเดือนก่อน
“คุณน้าครับ ข้าวมีผู้ชายเข้ามาติดพันแถมยังดูไม่น่าไว้ใจด้วย”
หรือว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็น..ไอ้แทนไท!
“มึง มึงทำอะไรลูกสาวกู” ถึงแรงจะน้อยนิดแต่ด้วยความห่วงลูกก็พยายามยันกายลุกขึ้นทว่าสังขารไม่เอื้ออำนวยจนต้องลงไปกองที่พื้นอีกครั้ง
แทนไทเห็นอย่างนั้นก็อดสังเวชใจไม่ได้เดินเข้าไปใกล้อดีตเพื่อนรักพลางใช้เท้าเหยียบลงบนหน้าท้องของมันก่อนจะขยี้ซ้ำแผลที่ถูกรุมกระทืบจนได้ยินเสียงร้องโอดครวญดังไปทั่วบ้าน
“คุณแทนอย่าทำพ่อของข้าวนะ!” พยายามจะสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุมแต่ก็เป็นไปได้ยากเพราะชายทั้งสองจับไว้แน่นเสียเหลือเกิน
น้ำตาไหลเปื้อนใบหน้าหวานเมื่อคิดว่าที่ผ่านมาหล่อนถูกเขาหลอกด้วยภาพลักษณ์ผู้ชายแสนดีมาโดยตลอด ถึงยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่ทำให้แทนไทแค้นพ่อของตนเองก็ตาม
ร่างสูงไม่ได้หันมาสนใจลูกสาวของศัตรูด้วยซ้ำในเมื่อภาพในหัวมันกำลังจมอยู่ในอดีตที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถลบเลือนออกไปได้เลย ภาพที่เพื่อนรักของเขาแย่งผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักไปเสวยสุขด้วยกัน
“มึงอยากรู้ไหมว่ากูจะทำอะไรลูกสาวมึง” ถามกลับเสียงเหี้ยมพลางยกเท้าออกมาเหยียบบนพื้นเหมือนเดิมขณะที่จ้องเข้าไปในดวงตาของคนเจ็บ
“กูก็จะทำลูกมึงให้เหมือนกับที่มึงทำพี่สาวกู” ความเจ็บแค้นผ่านทางสีหน้าและแววตาของแทนไทยิ่งสร้างความสงสัยให้แก่คนที่มองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ และวิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้น
เธอพยายามตั้งสติคิดตามคำพูดของชายหนุ่มที่มีต่อบิดาตนเอง มันหมายความทั้งคู่เคยมีอดีตไม่ดีต่อกัน และที่แทนไททำมาทั้งหมดก็เพื่อต้องการแก้แค้นเหมือนละครหลังข่าวที่หล่อนเคยดู แต่ทำไมถึงต้องถักทอเรื่องราวให้มันยืดเยื้อมากว่าสี่ปี
หล่อนไม่เข้าใจ..
“กูไม่ได้ทำ” ปฏิเสธอีกครั้งและสร้างความโมโหจนร่างหนาต้องนั่งลงไปกระชากคอเสื้อคนเจ็บ
“มึงขับรถชนพี่สาวกู! มึงฆ่าเด็กในท้องของพี่กูที่เป็นลูกมึง มึงยังบอกว่าไม่ได้ทำอีกเหรอไอ้ระยำ!” ชกใบหน้าคนที่ทำไม่รู้สึกรู้สาด้วยความโมโหจนบุณณดาต้องร้องห้ามกลัวว่าบิดาจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ หล่อนตะโกนเสียงดังเพื่อห้ามเขาทั้งที่รู้ว่าเป็นไปได้ยาก
“อย่าทำพ่อข้าวนะคะคุณแทน ข้าวขอร้อง อยากทำพ่อเลย” ทรุดตัวลงนั่งจนคนที่จับต้องยอมปล่อยหญิงสาว
หล่อนยกมือขึ้นพนมเพื่ออ้อนวอนไม่ให้ชายหนุ่มที่ตนหลงรักทำร้ายบิดาไปมากกว่านี้ แค่ที่เป็นอยู่ท่านก็เจ็บมากพอแล้ว
“นี่ใช่ไหมลูกสาวของมึงกับผู้หญิงที่ทรยศความรักของกู” ชี้ไปยังใบข้าวที่นั่งร้องไห้ทั้งยังยกมือไหว้อ้อนวอนชายหนุ่มจนคนเป็นพ่อเริ่มสงสารลูก
“มึงอย่าทำอะไรข้าวเลยนะ เห็นแก่ปานก็ได้ มึงเคยรักปานไม่ใช่เหรอ อย่าทำอะไรลูกของพวกกูเลย” ไม่มีแม้แต่แรงจะสู้หรือขัดขืนจึงทำได้เพียงขอร้องไม่ให้แทนไทไปยุ่งกับลูกสาวของตนเอง
ในขณะที่คนซึ่งวางแผนเป็นอย่างดีแสยะยิ้มมุมปากร้ายกาจ ชื่อของผู้หญิงทรยศหลุดออกมาจากปากมันหวนนึกถึงใบหน้าหวานยามแย้มยิ้ม ที่คนเป็นลูกถอดแบบแม่ออกมาไม่มีผิด
ปานตา ปานดวงใจ
ชื่อของอดีตคนรักที่เขาไม่มีวันลืมว่าหล่อนทำเจ็บแสบกับตนมากแค่ไหน!
“กูจะเอาลูกมึงไปเป็นตัวขัดดอก กูจะย่ำยีลูกมึงจนกว่าจะพอใจแล้วปล่อยให้ท้องไม่มีพ่อเหมือนที่มึงเคยทำไง สะใจดีไหมล่ะ” คนที่ได้ยินต่างตกอยู่ในภวังค์ของตนเอง
ที่แท้เขาเข้าหาหล่อนก็เพราะอย่างนี้เองเหรอ เพราะแค้นบิดาจึงได้ต้องการดึงเธอที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยเข้าไปในสนามอารมณ์ซึ่งสุดท้ายแล้วก็จะมีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้น
ไม่นึกเลยว่าคนที่หลงเทิดทูนบูชาจะคิดแผนการต่ำช้าและสกปรกได้ขนาดนี้ แววตาที่มองเขาเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเห็นธาตุแท้ ความรักเผลอนึกว่าชายหนุ่มคิดเช่นเดียวกันมันเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงเท่านั้น
เธอคิดไปเองฝ่ายเดียว เพราะแทนไทยังรักแม่ของเธออยู่
คุณแทนรักแม่ปานตา
ไม่ได้รักเธอ..ใบข้าว