บท
ตั้งค่า

๔ ความจริงที่เจ็บปวด (๑)

ความจริงที่เจ็บปวด

ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนที่เหล่านักศึกษาฝึกงานได้ลองใช้ชีวิตในการทำงานจริง ค่อนข้างสะบักสะบอมเพราะไม่ได้เป็นอย่างที่นึกสักนิด งานก็หนักยิ่งเป็นน้องใหม่ก็ถูกใช้ทุกอย่าง โดยเฉพาะอรวราที่ปฏิเสธคนไม่เป็น หน้าที่ประจำของเธอคือการซื้อกาแฟให้พี่ๆ กระทั่งเปมทัตรู้เรื่องหล่อนถึงโดยว่าเสียยกใหญ่เพราะมันไม่ใช่หน้าที่สักนิด

เธอไม่อยากมีเรื่องจึงต้องกล่อมให้เพื่อนสนิทใจเย็นพลางบอกว่ามันไม่ได้ลำบากเลย ร้านกาแฟก็อยู่ใกล้บริษัทแค่เดินไม่กี่ก้าวถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว จนร่างสูงอดค่อนแคะไม่ได้ว่าช่างมีความสุขในการรับใช้คนอื่นเสียเหลือเกิน

ตอนเที่ยงพวกเขามักมารับประทานอาหารด้วยกัน เลือกจะกินร้านใกล้บริษัทเพราะตอนบ่ายต้องรีบเข้างานเดี๋ยวจะโดนรุ่นพี่พูดใส่อีกว่าเป็นนางสาวสายเสมอ

“จริงเหรอ แสดงว่าคนที่มาเป็นผู้ช่วยคุณนนก็คือเด็กเลี้ยงคุณแทน” ขณะที่กำลังนั่งรออาหารก็ได้ยินพี่ที่ทำงานบริษัทเดียวกันพูดถึงประเด็นร้อนแรงซึ่งกลายเป็นข่าวดังไปทั่วตึก

“ฉันได้ยินเขาเล่ากันมา ถามจริงเถอะพวกแกเคยเห็นเด็กฝึกงานมาเป็นผู้ช่วยเลขาหรือไง ถ้าไม่ใช่...” เว้นวรรคแล้วมองตากันก่อนจะหัวเราะเสียงดังเหมือนเป็นเรื่องขบขันทำให้คนที่ทนนั่งฟังอยู่นานทุบโต๊ะเสียงดังพลางลุกขึ้นมองด้วยแววตาเกรี้ยวกราด

อรวราพยายามจับแขนเพื่อนเอาไว้ไม่ให้พุ่งเข้าไปตะบันหน้าผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวแม่ ได้ทำหน้าที่การงานดีแต่กลับทำตัวเหมือนแม่ค้าปากตลาดคอยพูดเรื่องคนอื่นทั้งที่ไม่รู้ความจริงทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร

“หนวกหู มากินข้าวก็ยัดข้าวเข้าปากเถอะป้า” ดวงตาเอาเรื่องเต็มที่ทำให้คนที่โดนเรียกว่าป้าทั้งที่อายุยังไม่ถึงเลขสี่ต้องโต้ตอบด้วยความโมโห

“มีสิทธิ์อะไรมาเรียกฉันว่าป้า”

“แล้วป้ามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินคนอื่นวะ รู้จักเขาดีแล้วเหรอ เป็นเห็บหมัดใต้เตียงเขาหรือไง ถ้ารู้อะไรไม่จริงก็อย่าพูด หยุดส่งกลิ่นเหม็นเน่าจากปากทีเหอะ ผมอยากกินข้าวไม่ใช่ขยะจากปากป้า” เปมทัตตอกกลับพลางต่อว่าเสียยืดยาวเหมือนเป็นการสั่งสอนคนที่อายุมากกว่า

สร้างความอับอายให้ยิ่งนักจนไม่กล้าจะกินข้าวต่อรีบควักเงินมาวางไว้โดยมีสายตาของคนทั้งร้านมองด้วยความสนใจ

“ฉันไม่กินแล้วนะป้า เงินนี่ไม่ต้องทอน” คนกลุ่มนั้นเดินออกไปทันทีทำให้อรวราถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่มีเหตุการณ์ปะทะเหมือนที่นึกกังวล ร่างสูงสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วนั่งลงที่เดิมหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มดับความหัวร้อนของตนเอง

คำพูดคนพวกนั้นวิ่งวนในหัวไม่หยุด ถึงจะพูดว่ามันไม่จริงแต่ลึกในใจก็แอบกังวลเรื่องนี้เพราะบุณณดาตัวติดกับเจ้านายเหลือเกิน ไม่ได้เข้ามาที่บริษัทเพราะต้องไปทำงานนอกสถานที่ตลอด

อีกทั้งเขาเพิ่งรู้ว่าแทนไททำงานที่บ้าน..

มันคงไม่มีเรื่องนอกเหนือจากงานเกิดขึ้นหรอกใช่ไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลจนหลังเลิกงานต้องรีบกลับไปดักรอหญิงสาวอยู่หน้าบ้านน้าแพง เวลาเลิกงานผ่านไปเกือบสามชั่วโมงเพิ่งเห็นนางในดวงใจเดินมาถึงหน้าบ้านจนต้องรีบลงจากรถยนต์

“ทำไมกลับค่ำ” เข้าไปหยุดยืนตรงหน้าพลางเอ่ยถามอย่างหาเรื่องจนหล่อนถอนหายใจใส่เขาบอกให้รู้ว่าเหนื่อยแค่ไหนกับการถูกจู่โจมแบบนี้

“งานเพิ่งเสร็จ” ตอบแล้วก็เดินเลี่ยงไปเปิดประตูรั้วทว่าชายหนุ่มคว้าแขนหล่อนเอาไว้เสียก่อน

“รู้ไหมว่าที่ทำงานเขาพูดเรื่องข้าวกับผู้ชายคนนั้นว่ายังไง” ที่มาวันนี้ก็เพื่อต้องการเตือนสติให้ใบข้าวรับรู้ถึงความจริงและเว้นระยะห่างจากแทนไทสักทีก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

“เขาบอกว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงของหมอนั่น” ย้ำชัดให้หล่อนได้รับรู้ถึงคำพูดคนอื่น หวังให้บุณณดามีสติแต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่รู้สึกอะไรเพราะทำหน้าเรียบเฉยก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงค่อยปลดมือหนาออกจากแขนของตนเอง

“รู้แล้ว ขอบคุณที่เอาข่าวมาบอก” หากจะพูดว่าไม่สนใจก็คงไม่ใช่

คิดไว้อยู่แล้วว่าคงมีคนพูดถึงเรื่องนี้ ใครเล่าจะห้ามปากคนได้ในเมื่อหล่อนเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่กลับได้ทำตำแหน่งผู้ช่วยเลขา เคยพูดกับแทนไทเรื่องนี้แต่ชายหนุ่มก็บอกให้หล่อนทำหน้าที่ของตนเองไม่ต้องไปสนใจคำของคนหรอก

หลังจากนั้นข่าวพวกนี้ก็ไม่มีความหมายสำหรับเธออีก

“ข้าว! หมอนั่นมันคิดไม่ซื่อกับข้าวนะ เลิกรักมันสักที” ใบหน้าหวานหันมามองคนที่ขึ้นเสียงใส่ตนเอง หล่อนไม่ได้โกรธที่เขาพูดเสียงดังแต่ตกใจที่เปมทัตรู้ว่าตนรักแทนไทต่างหาก

“นายรู้..”

“มีแค่คนโง่เท่านั้นแหละที่ดูไม่ออก แล้วเราก็รู้ว่าเขาไม่ได้รักข้าวเลยสักนิด เขาก็แค่คบข้าวเล่นๆ ไว้แก้เบื่อเท่านั้น” พูดใส่ไฟหวังให้หญิงสาวตาสว่างแต่หล่อนกลับเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่าเพื่อนได้ตัดสินแทนไททั้งที่ยังไม่รู้จักชายหนุ่มดีด้วยซ้ำ

เธอรู้ว่าเขาจะไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน ผู้ชายที่จริงจังกับเรื่องงานและอ่อนโยน เป็นห่วงเป็นใยคนรอบข้างน่ะหรือจะทำร้ายหล่อน

ไม่มีทาง

“ถึงเขาจะคบเราเล่นๆ เราก็ยอมเป็นของเล่นเขา เพราะว่าเรารักเขา” สาดวาจาเผ็ดร้อนใส่เพื่อนพร้อมทั้งเดินเข้าไปภายในบ้านแล้วปิดประตูรั้วทันทีไม่คิดจะต้อนรับชายหนุ่มที่คบหากันมานานและคอยอยู่เคียงข้างเสมอ

เปมทัตมองแผ่นหลังบางที่หายเข้าไปในบ้านก็สูดลมหายใจลึกพลางกลั้นน้ำตาเอาไว้จนดวงตาแดงก่ำ เสยผมอย่างหงุดหงิดที่ไม่มีอะไรเป็นดังใจสักอย่าง จะบอกรักก็กลัวเสียเพื่อนทั้งที่อยากบอกให้มันจบไม่ต้องมาค้างคาแบบนี้

แต่เขารู้ดีว่าถึงพูดความรู้สึกออกไปหล่อนก็คงปฏิเสธในเมื่อหัวใจที่เคยว่างเปล่ากลับมีคนมาจับจองพื้นที่แล้ว

ผู้ชายที่เขาไม่อาจสู้ได้เลยสักทาง..ถึงจะมาก่อนแต่บุณณดาก็เลือกอีกฝ่ายอยู่ดี

วันต่อมาคำพูดของเปมทัตยังติดอยู่ในหัวถึงจะพยายามสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่ออกไปเสียที ยอมรับว่าที่พูดออกไปแบบนั้นก็แค่ต้องการให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำจะได้เลิกมายุ่งกับหล่อนเสียที นับวันเขายิ่งก้าวข้ามเส้นที่หล่อนขีดเอาไว้

จนตัดสินใจจะพูดหวังให้เขารู้สึกตัวเสียทีว่าเธอให้ได้แค่สถานะเพื่อนเท่านั้น ถึงจะรู้สึกผิดแต่ถ้ามันแลกมาด้วยการที่ชายหนุ่มยอมถอยก็ต้องยอม

“เป็นอะไรหรือเปล่า” วันนี้เขาต้องออกไปคุยงานกับนักธุรกิจจากญี่ปุ่นที่ต้องการมาเปิดร้านยังห้างสรรพสินค้าของแทนไทจึงต้องพาไปดูสถานที่ในการขายของทั้งสี่แห่ง แน่นอนว่าหล่อนต้องตามไปด้วยและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน

“เปล่าค่ะ” ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วแย้มยิ้มให้เจ้านายเหมือนปกติแต่แววตากลับหม่นแสงทำเอาคนที่กำลังสวมสูทต้องหันมาเผชิญหน้ากับหล่อน

“มีอะไรก็บอกฉัน อย่าเก็บไว้คนเดียว” มือหน้าเชยคางมนให้เงยขึ้นสบตากันแล้วจ้องเข้าไปในนั้นราวต้องการค้นหาความจริงที่ทำให้คนสดใสต้องหงอยแบบนี้

จากที่คิดจะเก็บเงียบไม่บอกก็ต้องเอ่ยกับเขาเสียงเครียด พยายามคิดว่าการนินทาเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป ส่วนหนึ่งที่เขาพูดมันก็เกิดจากกระทำของเราที่ทำให้อีกฝ่ายนำไปคิดต่อยอดจนผูกเป็นเรื่องราวก่อนจะขยายต่อแล้วใส่ความรู้สึกของคนเล่าลงไปด้วย

“มีคนพูดว่าข้าวเป็นเด็กเลี้ยงของคุณแทน” ค่อนข้างเป็นกังวลกลัวว่าชายหนุ่มจะเสียหายแต่เขากลับหัวเราะในลำคอพลางยกมือขึ้นมาลูบศีรษะหล่อนอย่างอ่อนโยน

“จะไปสนใจอะไรกับคำพูดของคนอื่น ในเมื่อความจริงเธอก็รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน” สองดวงตาประสานกันหลังจากที่เขาพูดจบ

หัวใจหล่อนเต้นไม่เป็นจังหวะอยากถอนสายตาแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เหมือนมันถูกตรึงไว้ให้มองเพียงเขาคนเดียวจนมือไม้เริ่มจะอ่อนแรง

ขนาดแทนไทไม่ได้ทำอะไรมากกว่ามองหล่อนยังเป็นได้มากขนาดนี้ หากถึงวันที่เขาบอกรักหรือทำมากกว่านั้นจะไม่เป็นลมเลยเหรอ คิดฝันไปไกลจนต้องรีบดึงสติตนเองเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์แล่นขึ้นมายังเนินชั้นสองของบ้านสามชั้น

“คุณทัชน่าจะมาแล้ว” จบคำพูดนั้นพ่อมดแห่งการค้าก็ปล่อยให้เธอได้เป็นอิสระ ก่อนที่จะรีบผละห่างอย่างรวดเร็ว คำพูดของเขายังติดค้างในหัว

แล้วเราเป็นอะไรกัน...

เธอไม่อยากคิดไปเองฝ่ายเดียวแต่ดูเหมือนแทนไทก็อาจจะมีใจให้กันบ้างไม่อย่างนั้นคงไม่ใส่ใจมากขนาดนี้หรอก

ชายหนุ่มมักจะจ้องมองในเวลาที่หล่อนเผลอ ตอนแรกก็ไม่รู้แต่เริ่มสงสัยเพราะมองเขาทีไรก็เห็นว่าอีกฝ่ายมองตนอยู่ก่อนหน้าแล้ว พอลองทำเหมือนมองทางอื่นแต่แท้จริงก็เหลือบสายตาไปทางเขารอจับพิรุธก็รู้ทันทีว่าเจ้านายหนุ่มหล่อแอบมองหล่อนจริงๆ

หัวใจที่เคยเหี่ยวเฉาพองโตขึ้นมายามรู้ว่าอีกฝ่ายคิดเช่นเดียวกัน คงต้องรอเวลาให้ทุกอย่างลงตัวกว่านี้และเขาเอ่ยขึ้นมาเอง

จะได้ไม่ดูเหมือนเธอเป็นสาวใจง่ายทั้งที่ความจริงมอบหัวใจให้แทนไทตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเมื่อสี่ปีก่อนด้วยซ้ำ

การทำงานเริ่มตั้งแต่แปดโมงเช้าเสร็จอีกทีสองทุ่มเพราะต้องไปรับประทานอาหารเย็นกับนักธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่น พูดคุยกันเสร็จก็ต้องไปงานเปิดตัวนิตยสารชื่อดังจากอเมริกาซึ่งมาตีตลาดเอเชีย หล่อนเดินตามเขาที่ทักทายไปทั่วกระทั่งมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มแฝงความเจ้าเล่ห์

“ไม่เจอกันนานนะคะคุณแทน” หากจำไม่ผิดหล่อนคือธัญพิชชา ผกายฤทธิ์หรือคุณหยาดฝนซึ่งทำธุรกิจห้องเสื้อร่วมกับเพื่อนสนิท

ที่สำคัญคือเธอเป็นลูกสาวเจ้าสัวนิรุชเจ้าของธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งประเทศ มีข่าวว่ากำลังคบหากับแทนไททว่าไม่เคยมีใครจับภาพทั้งสองยามอยู่ด้วยกันได้เลย ส่วนมากจะเป็นภาพจากมุมไกลหรือเบลอจนมองไม่ชัดว่าเป็นใคร

บุณณดาพยายามปลอบใจตนเองตลอดว่าข่าวไม่จริงแต่เมื่อได้เห็นสายตาของคนทั้งสองยามมองกันก็อดกลัวไม่ได้

หล่อนไม่มีอะไรเทียบเท่าธัญพิชชาสักอย่าง หากเอ่ยถึงฐานะก็ข้ามไปได้เลยเพราะจนแทบไม่มีจะกิน ขนาดบ้านยังอาศัยคนอื่นอยู่ เรื่องหน้าตาก็ต้องผ่านไปอีกเช่นกันในเมื่อหยาดฝนรูปร่างสูงโปร่งราวนางแบบ ใบหน้าสวยคมจนชายหนุ่มหลายคนหมายปอง หรือหากจะเป็นความสามารถก็ไม่อาจเทียบกับคนที่มีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองได้หรอก

สรุปแล้วว่าหล่อนแพ้ทุกทาง..

“ช่วงนี้งานผมค่อนข้างเยอะ” ตอบกลับพร้อมอมยิ้มเล็กน้อย

“หยาดเห็นคุณงานเยอะตลอด ไม่มีเวลาว่างให้กันบ้างเลย” การที่สองหนุ่มสาวพูดคุยกันเป็นที่สนใจของคนรอบข้าง ถ้าแทนไทคบกับธัญพิชชาจริงคงไม่ต้องคิดเลยว่าอาณาจักรทั้งคู่จะใหญ่มากแค่ไหน ในเมื่ออีกคนเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า ส่วนครอบครัวสาวเจ้าก็ครอบครองอาณาจักรเงินตราขนาดใหญ่

แค่คิดภาพเงินก็ลอยเต็มหัวจนอดอิจฉาไม่ได้ จิตใจหล่อนช่างอ่อนไหวเสียเหลือเกินแต่ก็พยายามข่มอารมณ์ของตนเองไว้ยามเห็นแทนไทยิ้มให้ผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel