บท
ตั้งค่า

๓ ข้างๆ หัวใจ (๒)

เช้าวันต่อมาต้องรีบออกจากบังกะโลตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสางเพื่อให้ทันประชุมเช้าตอนเจ็ดโมงที่รวบรวมนักออกแบบจากทั้งประเทศไทยและต่างชาติซึ่งแทนไทดึงมาร่วมงานตั้งแต่โครงการแรกจนถึงโครงการล่าสุด

ชายหนุ่มเป็นคนขับรถและโชคดีที่เจ้านายไม่ได้ขับฉวัดเฉวียนชวนเวียนหัวเหมือนนนทัช อีกอย่างคือรถช่วงเช้าไม่ติดเท่าไหร่เรียกได้ว่าถนนโล่งด้วยซ้ำ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็ถึงที่หมายนั่นคือบ้านสามชั้นของแทนไทนั่นเอง

“เราไม่ไปบริษัทเหรอคะ” ถามด้วยความสงสัยแต่ร่างสูงกลับส่ายหน้า

“เราจะประชุมกันที่บ้านฉัน” เดินตามลงมาอย่างรวดเร็วเข้าไปชั้นสองของบ้านโดยมีแม่บ้านคนเดิมเข้ามารับของจากคุณผู้ชาย

บุณณดาโค้งทักทายอีกฝ่ายแล้วรออยู่ข้างนอกให้แทนไทไปเปลี่ยนชุด แต่ไม่นานนักก็เห็นนนทัชเดินขึ้นมาจากชั้นหนึ่ง หล่อนรีบเข้าไปเอ่ยสวัสดีก่อนจะได้รับมอบหมายหน้าที่สำหรับการประชุมวันนี้ คือต้องจดทุกอย่างและสรุปออกมาส่งภายในวันพรุ่งนี้

เมื่อถึงเวลานัดก็เดินลงมาชั้นหนึ่งที่เปรียบเสมือนห้องทำงานสำหรับเขา พื้นที่เป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่มีโซฟาวางเข้าหากัน เพดานสูงห้อยโคมไฟระย้าที่เป็นสไตล์มินิมอลแต่กลับหรูหราในความรู้สึกของคนมอง ถัดมาคือห้องประชุมขนาดใหญ่จุคนได้กว่าสามสิบคน ตรงกลางจะเป็นโต๊ะยาวส่วนด้านข้างวางเก้าอี้สำหรับผู้สังเกตการณ์

เธอเดินแจกเอกสารวางไว้ตามโต๊ะก่อนที่จะมีคนทยอยเข้ามาด้านในทำให้ต้องรีบไปนั่งด้านหลังเพื่อฟังรายงานและจดรายละเอียดในการประชุมครั้งนี้

ประธานบริษัทก้าวมาพร้อมนักธุรกิจชาวออสเตรเลียที่เก่งในเรื่องการออกแบบ วันนี้จะประชุมเกี่ยวกับโปรเจคห้างสรรพสินค้า The diamond ที่สร้างอยู่เชียงใหม่ มีทีมวิศวกรจากต่างประเทศมาควบคุมงานโดยเฉพาะ

บทสนทนาส่วนมากอยู่ในรูปแบบภาษาอังกฤษและเป็นศัพท์ทางเทคนิคทำเอามือใหม่อย่างหล่อนถึงกับขมวดคิ้วหลายรอบ ดีที่อัดเสียงเอาไว้ด้วยไม่ได้จดอย่างเดียว สงสัยคืนนี้คงต้องไปแกะเทปอีกครั้งพร้อมสรุปเพื่อส่งรายงานในวันพรุ่งนี้

เมื่อลงสนามจริงทำให้รู้ว่าการเรียนนั้นสบายที่สุดแล้ว..

กว่าจะประชุมเสร็จก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงและเมื่อออกจากห้องประชุมก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาเสียแล้ว

ปวดไปทั้งตัวจนต้องยืดเส้นยืดสายคลายกล้ามเนื้อ ขนาดทำวันเดียวยังล้าขนาดนี้แต่แทนไททำมานานหลายปีจนรู้สึกทึ่งในความสามารถและความอดทนของเขา แววตาที่มองชายหนุ่มจึงเป็นประกายมากกว่าเดิม

“วันที่สองก็เจองานหนักแล้ว ท้อไหม” หลังส่งแขกหมดเจ้าของบ้านก็เดินเข้ามาถามผู้ช่วยเลขาด้วยรอยยิ้มแต้มริมฝีปาก

“ไม่ค่ะ ข้าวดีใจที่ได้มาเรียนรู้งานกับคุณแทน” ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรกลับยิ้มให้อย่างเดียวแล้วค่อยผละไปคุยกับนนทัชเรื่องงานวันพรุ่งนี้ที่ต้องไปเป็นวิทยากรให้นักศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ

กลายเป็นเรื่องปกติเสียแล้วที่แทนไทจะไปให้ความรู้นักศึกษาหรือขึ้นพูดในเวทีระดับประเทศเกี่ยวกับการบริหารงานในเมื่อเขาคือบุคคลซึ่งน่าจับตามองในแวดวงธุรกิจเป็นอย่างมาก

เธอเก็บเอกสารเรียบร้อยก็เห็นพี่เลี้ยงในการฝึกงานเดินเข้ามาหา “เสร็จงานแล้วจะกลับพร้อมกันไหม” ส่ายหน้าก่อนที่สมองจะสั่งการด้วยซ้ำยิ่งคิดถึงเมื่อวานยามนั่งอยู่บนรถของนนทัช มันช่างน่าหวาดเสียวจนไม่อยากเสี่ยงชีวิตอีก

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปส่งใบข้าวเอง” เจ้านายแทรกขึ้นมาทันทีลูกน้องจึงค้อมศีรษะรับ

“ถ้าอย่างนั้นเจอกันพรุ่งนี้นะข้าว” โบกมือลาผู้ช่วยของตนเองแล้วหันมาทำความเคารพแทนไทค่อยออกไปข้างนอก

“วันนี้เลิกเร็วหน่อยนะเพราะทำงานมาตั้งแต่เช้า ฉันบอกแม่บ้านทำข้าวเย็นให้เธอกลับไปกินที่บ้าน” ยื่นถุงผ้ามาตรงหน้าหล่อนจนต้องรีบรับพลางขอบคุณเสียยกใหญ่ที่เขามีน้ำใจต่อตนเองมากขนาดนี้

“ขอบคุณมากนะคะ”

“ตอบแทนที่ทำงานดี” ถึงจะไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแต่ก็ติดตามแทบไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว

ร่างสูงเดินนำไปที่รถยนต์แล้วขับไปส่งหล่อนถึงบ้านพักอาศัย ระหว่างทางก็คุยเกี่ยวกับเรื่องสถานที่ทำงานถึงเพิ่งรู้ว่าส่วนมากเขาไม่ค่อยเข้าบริษัทเพราะยุ่งกับการไปดูงานตามห้างสรรพสินค้า ตึกส่วนกลางทำเพื่อให้พนักงานอยู่เป็นสัดส่วน และต้อนรับคู่ค้าจากต่างประเทศเท่านั้น

“แล้วข้าวต้องทำงานที่ไหนคะ” ในเมื่อเจ้านายอยู่บ้านแล้วหล่อนต้องมาอยู่บ้านเขาหรือเปล่า..

แค่คิดใบหน้าก็แดงเสียแล้วจนต้องรีบสั่งให้สมองหยุดจินตนาการเรื่องของตัวเองทันทีแล้วนิ่งฟังจากปากแทนไท

“ฉันอยู่ไหนเธอก็อยู่นั่นแหละ” คำตอบของเขายิ่งทำให้คนฟังจินตนาการไปไกลกว่าเดิมเสียอีก ในเมื่อเขาพูดแบบนี้แสดงว่าต้องตัวติดกันตลอดเวลาใช่หรือเปล่า

ร่างบางนั่งตัวตรงนิ่งพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้แต่ก็ยากเสียเหลือเกิน ในเมื่อคำพูดของเขาที่ส่งตรงมามีผลต่อหัวใจจนมันค่อยพองโตขึ้นเรื่อยๆ

ระยะทางจากบ้านของแทนไทมาถึงบ้านหล่อนใช้เวลาชั่วโมงกว่าเพราะอยู่ในช่วงรถติด เขาจอดลงหน้าบ้านของน้าแพงโดยไม่รู้ว่าบ้านจริงๆ ของหล่อนอยู่เยื้องกันนั่นเอง

มือเล็กเอื้อมมาปลดสายเข็มขัดแล้วหันมายกมือไหว้ขอบคุณร่างสูงซึ่งอุตส่าห์ขับรถส่งหล่อนถึงบ้านทั้งที่ประชุมหนักมาทั้งวัน ประทับใจจนชอบเขามากกว่าเดิมเสียอีก แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนแปลง

หรือที่จริงเธอก็แค่กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนไป..

“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง” เปิดประตูลงจากรถพร้อมถือถุงผ้าที่มีอาหารจากบ้านแทนไท ความสุขส่งประกายในดวงตาก่อนจะเห็นว่าเขาลงมาจากรถเช่นเดียวกัน

“พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะ” ใบหน้าหวานยิ้มตอบทันที

“ค่ะ” แต่ไม่ทันที่ประธานบริษัทจะกลับเข้าไปนั่งในรถก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาก่อนเรียกความสนใจจากชายหญิงเป็นอย่างดี

ร่างสูงของหนุ่มวัยรุ่นก้าวเข้ามาทำลายโลกสีชมพูพร้อมใบหน้าที่เคร่งขรึม ใจมันบีบรัดไปหมดยามที่มองผู้หญิงในดวงใจกำลังส่งยิ้มหวานให้ชายอื่น ขนาดมองจากที่ไกลยังรับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่มากกว่าเจ้านายลูกน้องของคนทั้งคู่

“ผมไม่ยักทราบว่าท่านประธานจะว่างถึงขนาดมาส่งลูกน้องได้” เปมทัตก้าวมายืนเคียงข้างบุณณดาทั้งยังมองไปที่แทนไทอย่างหาเรื่องเต็มที่ ไม่ปิดบังความไม่พอใจของตนเองเพราะรู้สึกว่าเพื่อนที่เขาคิดไม่ซื่อด้วยกำลังจะห่างออกไป

ทั้งที่ปกติก็ไกลเกินเอื้อมอยู่แล้ว ทำดีเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้เฉียดเข้าไปใกล้หัวใจหล่อนเลย

“เปรม!” เตือนเพื่อนเสียงดังด้วยไม่ชอบใจในวาจาและสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองเจ้านายตนเอง

“เวลาของผมมันขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นสำคัญกับเราหรือเปล่า” และคำตอบของเขาที่บอกชายรุ่นลูกก่อนจะหันมามองบุณณดาด้วยแววตาแฝงความหมายก็ทำให้เปมทัตถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ยิ่งเห็นปฏิกิริยาของสาวในดวงใจก็ทำเอากำมือแน่น

เขาพยายามแทบตายเพื่อให้ได้หัวใจ แต่ผู้ชายคนนั้นแค่พูดคำหวานก็ดูเหมือนหล่อนจะเคลิ้มไปกับมันเสียแล้ว

“ปกติคุณพูดหวานแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนหรือเปล่าครับ เห็นว่ามีคนมาตบตีแย่งคุณไม่เว้นวันไม่ใช่เหรอ อย่าเอาเพื่อนของผมไปเป็นผู้หญิงในสต็อคคุณเลย” พูดตรงจนร่างบางต้องปรามเขาเสียงดัง

“พอได้แล้วเปรม! ขอโทษด้วยนะคะคุณแทนสงสัยเขาคงอารมณ์เสียมาจากที่อื่น ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” ทั้งจูงทั้งลากเพื่อนสนิทเข้าบ้านไม่ต้องการให้อีกฝ่ายกล่าววาจาก้าวร้าวกับแทนไทอีก ในขณะที่คนสูงกว่าวัยมองตามแล้วขบฟันแน่น

ผ่อนลมหายใจเข้าออกจ้องที่มือของบุณณดาซึ่งจับจูงอีกฝ่ายเข้าบ้าน ความไม่พอใจตีรวนในอกก่อนจะสลัดมันทิ้งแล้วขับรถยนต์ออกไปทันทีสวนกับแท็กซี่ที่เคลื่อนเข้ามาจอดยังหน้าบ้านสองชั้นขนาดเล็ก

หล่อนเปิดประตูบ้านน้าแพงที่ถูกล็อคเพราะเจ้าของบ้านไปทำธุระข้างนอกน่าจะกลับค่ำ ชายหนุ่มอีกคนเลยยกมือขึ้นกอดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

“ใบข้าว” ประตูรั้วถูกเปิดออกทำให้ทั้งสองต้องหันไปมองว่าใครมาก็พบบัลลพที่อยู่ในชุดปฏิบัติงาน ใบหน้าท่านยิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าลูกสาวกลับมาถึงบ้านแล้ว

ถึงจะอายุ 42 ปีแต่เพราะตรากตรำทำงานหนักไหนจะปล่อยตัวจนร่างกายที่เคยดูดีกลับอ้วนท้วมด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ซึ่งดื่มหนักในแต่ละวัน หล่อนถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินนำสองหนุ่มต่างวัยเข้ามาในบ้าน

น้าแพงไม่ได้หวงพื้นที่ส่วนตัวทั้งยังเคยเอ่ยชวนเพื่อนสนิทของหลานสาวมารับประทานอาหารในบ้าน และอนุญาตให้ใบข้าวพาเพื่อนเข้ามายามนางไม่อยู่

“คุณน้าครับ ข้าวมีผู้ชายเข้ามาติดพันแถมยังดูไม่น่าไว้ใจด้วย” ร่างบางปล่อยให้แขกหนุ่มนั่งลงยังโซฟาห้องรับแขกส่วนตนเองก็เดินเข้าครัวแล้วรินน้ำมาเสิร์ฟทั้งสอง ด้วยบ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่มากนักถึงจะอยู่ที่ห้องครัวแต่ก็ได้ยินบทสนทนาของเปมทัตซึ่งเอ่ยกับบิดาของตน

“หยุดพูดเลยนะเปรม” เดินออกมาพร้อมเหยือกน้ำและแก้วสองใบแล้วทำหน้าบึ้งตึงใส่เพื่อน

“ก็มันจริงไหมล่ะ ผู้ชายเจ้าชู้แบบนั้นไม่มีทางจริงจังกับข้าวหรอก” ตอบกลับทันทีพร้อมจ้องใบหน้าหวานอย่างไม่ยอมแพ้ปล่อยให้บัลลพกลายเป็นคนนอกที่ไม่รู้เรื่องราว

“คุณแทนไม่ได้เจ้าชู้ ฉันรู้จักเขามานานไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะล่วงเกินหรือพูดในเชิงชู้สาว” เรื่องนี้เปมทัตก็ไม่ค่อยชอบใจนักที่เห็นว่าบุณณดาคุยกับชายรุ่นใหญ่มานานหลายปี ทำทีเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เพื่อจะได้ไม่เจ็บช้ำ

นึกว่าอย่างไรเสียแทนไทก็คงไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนสนิทของตนหรอก ในเมื่อเขามีผู้หญิงให้เลือกตั้งเยอะ จนกระทั่งรู้ว่าใบข้าวได้ฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขา

ไม่ธรรมดาเสียแล้ว..

“แล้วผู้ชายที่พูดถึงเนี่ย เขารวยไหม” ดวงตาคนแก่กว่าวัยเป็นประกายขึ้นมาทันทีถึงจะตงิดกับชื่อที่ได้ยินก็รีบปัดความคิดนั้นออกอย่างรวดเร็ว

“รวยขนาดที่มีอาณาจักรเป็นของตัวเองเลยครับ” ไม่อยากอธิบายไปมากกว่านั้นเพราะในใจลึกๆ ก็อดยอมรับในความสามารถของชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้

การสร้างอาณาจักรเป็นของตัวเองมันไม่ง่ายแต่แทนไทก็ทำออกมาจนประสบความสำเร็จกลายเป็นที่กล่าวขานในวงกว้างของสังคมนักธุรกิจ ถึงจะมีต้นทุนดีเพราะพี่เขยก็เป็นเจ้าของโลจิสติกส์มีสาขาทั่วโลกทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว กลับปลีกตัวออกมาก่อตั้งบริษัทเอง

“ถ้าอย่างนั้นก็จับเลยสิลูก เขาสนใจข้าวไหม” จากที่ต้องการให้ท่านเข้าข้างแต่ดูเหมือนบัลลพจะชอบใจที่มีคนรวยมาติดพันลูกสาวตัวเอง

“คุณน้า!” เปมทัตเรียกเสียงดังไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงสนับสนุนลูกสาวให้รักกับผู้ชายคนนั้นด้วย บุณณดาไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้ว่าพ่อตนเองหวังสมบัติของแทนไท

หล่อนไม่เคยเล่าเรื่องชายหนุ่มให้ท่านฟังด้วยไม่ต้องการเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับหนุ่มนักธุรกิจเพื่อหวังเงินทอง ความรู้สึกเธอที่มีต่อเขามันยิ่งใหญ่มากกว่านั้น

ไม่ได้หวังเงินตราขอเพียงแค่ความรักจากใจจริง...

“ฟังนะทั้งพ่อและเปรม คุณแทนเขาไม่ได้รักข้าวเพราะเขามีคนที่คู่ควรอยู่แล้ว จากนี้เลิกพูดเรื่องคุณแทนได้แล้วไม่อย่างนั้นข้าวจะไม่คุยด้วย” บอกเสียงเฉียบทำให้สองหนุ่มไม่กล้าเอ่ย

คำพูดของเพื่อนทำให้ชายหนุ่มมีความหวังแต่มันก็เล็กน้อยจนแทบจะกลายเป็นแสงอันริบหรี่

สำหรับผู้ชายแล้วถึงไม่ได้รักแต่ก็สามารถมีความสัมพันธ์ทางร่างกายได้ การแยกรักกับเซ็กมันง่ายดายจนเขากลัวเหลือเกินว่าหล่อนจะตกหลุมพรางของราชสีห์ที่ทำตัวเชื่องเป็นแมว ก่อนที่วันหนึ่งมันจะกรางกรงเล็บอันแหลมคมทำให้ลูกกระต่ายตัวน้อยเจ็บ

“ไม่พูดก็ได้..ว่าแต่ลูกมีเงินให้พ่อยืมสักหนึ่งพันไหม” ถึงจะแอบเสียดายว่าที่ลูกเขยแต่ก็ยังเหลือเปมทัตที่แสดงออกชัดเจนว่าชอบลูกสาวเขาทำให้ไม่ค่อยหนักใจกับเรื่องคู่ครองของบุณณดาสักเท่าไหร่

หญิงสาวถอนหายใจแล้วหยิบเงินยื่นให้ตามจำนวนที่ท่านขอยืมซึ่งแน่นอนว่าจะไม่มีทางได้คืน เขารับมาด้วยรอยยิ้มพลางเก็บใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว

“ขอบใจมากนะลูก ถ้ามีเมื่อไหร่พ่อจะรีบคืนทันที จะว่าไปก็ถึงเวลางานแล้วด้วย พ่อไปทำงานล่ะ” ลุกขึ้นตบบ่าชายหนุ่มรุ่นลูกค่อยออกจากบ้านหลังเล็กปล่อยสองหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง

ใบหน้าที่เคยแย้มยิ้มเคร่งขรึมทันทีเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหนี้ของตนเอง บัลลพรีบเข้ามาภายในรถแท็กซี่ไม่ต้องการให้ลูกรู้ว่ายอดเงินที่เขาติดกับบ่อนนั้นมันไม่ใช่เพียงแค่สองสามแสนอีกต่อไปแล้ว

แต่จำนวนทั้งหมดคือ 20 ล้านบาท!

‘ว่าไง..ตอนไหนจะใช้เงินคืน’ แค่เสียงทักทายก็รู้สึกเสียววาบไปทั่วสันหลัง เขายังจำติดตาที่มันเคยตัดนิ้วคนไม่จ่ายเงินต่อหน้าต่อตาลูกหนี้ทั้งหลายจนไม่สามารถลบภาพนั้นออกไปได้

เสี่ยทรงภพ ทวีเดช เปิดบ่อนและปล่อยเงินกู้นอกระบบที่ลือกันว่าทวงโหดถึงขนาดตัดแขนตัดขาคนที่ไม่คืนเงินก็มีมาแล้ว คราแรกที่เข้าบ่อนก็คิดว่าจะได้เงินมาใช้จ่าย โชคดีที่ได้มาตั้งห้าแสนทำให้ลองเสี่ยงดวงอีกครั้งและก็ได้มาหนึ่งล้าน

คิดว่าเงินช่างได้มาง่ายดายเสียเหลือเกินเขาทุ่มหมดตัวเพื่อเล่นในครั้งต่อไปแต่มันก็มีแต่เลวร้ายลงกว่าเดิม ถึงเงินไม่มีแต่ความอยากกลับมากขึ้นกว่าเดิม

เข้าบ่อนด้วยความหวังว่ามันจะเป็นเหมือนครั้งแรกที่เดินเข้ามา อยากได้เงินเป็นกอบเป็นกำ แต่ยิ่งเล่นก็เหมือนว่าเงินกลับหมดไปเรื่อยๆ เครียดจนต้องพึ่งน้ำเมากระทั่งหลายปีก่อนเสี่ยทรงภพให้ยืมเงินเพื่อเล่นการพนันโดยไม่คิดดอกเบี้ยสักบาท

เขาดีใจรีบตะครุบเอาไว้และเมื่อเล่นเสียก็ไปขอหยิบยืมอีกจนเงินงอกเงยเป็นยี่สิบล้าน...

มันมากเกินไปจนเริ่มเครียดว่าจะหาจากไหนมาจ่าย

“ผมขอเวลาอีกหน่อยได้ไหมครับเสี่ย” ต่อรองทั้งที่รู้ว่ายาก

‘ถ้าไม่มีเงินก็เอาลูกสาวแกมาขัดดอกก็ได้ ยังเอ๊าะๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ’ เบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่คิดว่าพวกนั้นจะรู้เรื่องลูกของตนเองทั้งที่พยายามปิดบังมาตลอด

ถึงจะเป็นพ่อที่ไม่ดีแต่ก็ไม่เคยคิดขายลูกเพื่อใช้หนี้สักครั้ง

ลูกเกิดมาจากความรักของเขา ถึงผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกจะไม่ได้รักเขาก็ตาม

‘รีบหามาคืนตอนที่ฉันยังปรานีแกอยู่ ภายในเดือนหน้าแกต้องเอาเงินยี่สิบล้านมาคืนฉัน’ สายโทรศัพท์ถูกวางลงอย่างรวดเร็วทำให้คนขับแท็กซี่ที่หากินไปวันๆ ไม่ได้มีเงินเก็บเป็นถุงเป็นถังเริ่มคิดหนักเสียแล้ว

เขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายตอนที่ยังหยิบยืมเสี่ยทรงภพได้ลืมคิดว่าถึงมันไม่คิดดอกเบี้ยแต่ใช่ว่าจะไม่ทวงคืน บัลลพทุบพวงมาลัยระบายความอัดอั้นไม่เคยคิดว่าจากชีวิตคุณผู้ชายของบ้านหลังใหญ่จะตกต่ำขนาดนี้เพราะทำตัวเองแท้ๆ

พาหนะเคลื่อนตัวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ก่อนจะจอดยังชั้นสองแล้วยื่นกุญแจให้คนขับรถนำไปเก็บที่โรงจอด ร่างสูงเดินผ่านสะพานไม้เข้าบ้านของตนเอง ปิดหน้าต่างและเปิดเครื่องปรับอากาศค่อยเดินมายังโต๊ะอาหารซึ่งแม่บ้านกำลังจัดขึ้นโต๊ะ

ใบหน้าคมเรียบเฉยไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรก่อนที่โทรศัพท์จะดังขึ้นจึงกดรับเมื่อเห็นชื่อของคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

‘เสี่ยทรงภพ’

ริมฝีปากหยักยกยิ้มแล้วกรอกเสียงลงไป

“ว่ายังไงครับ”

ใครเล่าจะคิดว่าเจ้าพ่อค้าปลีกขนาดใหญ่จะรู้จักกับคนที่อยู่ในโลกมืดไม่ได้อยู่ท่ามกลางแสงสว่างเช่นเขา

‘ผมจัดการตามที่คุณต้องการแล้ว หวังว่าเงินจะโอนเข้าบัญชีผมในเร็ววันนะครับ’ ความเขี้ยวลากดินของเสี่ยเขารู้ดีจึงตอบกลับ

“ครับ ผมก็หวังว่าจะได้ร่วมธุรกิจกับเสี่ยเช่นกัน แต่ขอเป็นโรงแรมสักแห่งหรือห้างสรรพสินค้าสักที่ในเมืองไทยแล้วกันนะครับ” คุยกันครู่หนึ่งก่อนจะวางสาย เขารู้มาว่าเสี่ยทรงภพกำลังจะสร้างคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอยู่ประเทศกัมพูชา น่าเสียดายที่ประเทศไทยไม่อนุญาตให้เปิดแบบถูกกฎหมายทำให้เม็ดเงินต้องตกไปอยู่กับเพื่อนบ้าน

คนรวยจำนวนหนึ่งถึงกับบินไปเล่นคาสิโนและหอบเงินกลับมาเป็นกอบเป็นกำ หรือบางครั้งก็เสียแต่ไม่ได้หมดตัวเนื่องจากรู้ลิมิตในการเล่น

ต่างจากใครบางคน..

เขาจะทำให้มันได้เจ็บเหมือนที่เขาเคยเจ็บ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel