บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ข้าคือเจ้าชีวิตของเจ้า

"ฟื้นแล้วหรือ"

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น เขานั่งเฝ้าสตรีนางนี้มาตั้งแต่หลายวันก่อนเฝ้าดูแลรักษาด้วยความเหนื่อยยาก จนนางมีอาการดีขึ้น กระทั่งนางฟื้นขึ้นมาในยามนี้ทำให้เขาดีใจยิ่งนัก

ทว่าเมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วนางกลับไม่รับรู้ว่าเขาเองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

สตรีนางนี้ช่างมีความรู้สึกช้ายิ่งนัก

เมื่อเห็นว่าใบหน้าซีดเซียวของนางเริ่มสุกปลั่ง นับวันที่หายดีก็ยิ่งงดงาม ยิ่งทำให้เขา รู้สึกกระหายอะไรบางอย่าง คอแห้งผาก...คล้าย ๆ อยากจะดื่มกิน...นาง

สิ่งที่เขาบอกกับตนเองเมื่อมองนางผู้นี้ที่กำลังไร้สติเพราะพิษบาดแผล

ข้าจะไม่รีบร้อน เพราะเจ้าต้องตอบแทนข้าอยู่แล้ว!

"ท่าน!"

หญิงสาวที่กำลังมึนงงในตอนนี้มองไปที่ร่างของชายหนุ่มอย่างแปลกใจ

นางพยายามคิด และ คิด นางเบิกตากว้างมองเขาทั้งหรี่ตาและเบิกตาเพื่อดูให้ชัดเจน นางรู้สึกว่า

ไม่คุ้นเคยเลย ไม่รู้จัก

เขาเป็นใครกัน...เป็นอะไรกับนาง..

คนผู้นั้นสวมชุดดำทั้งร่างบนศีรษะครอบกวานเอาไว้บ่งบอกว่าเขามีตำแหน่งที่สูงส่งเพียงใด

ใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่งกำยำดวงตาดำขลับสีขาวตัดดำชัดเจน คิ้วเรียงเป็นเส้นสวยสีดำและเป็นรูปดาบ เขาหล่อจนนางตกใจ

แต่นางกลับจำเขาไม่ได้ เหมือนที่นางจำตัวเองไม่ได้ว่าเป็นใครมาจากไหน

"ท่านเป็นผู้ใดหรือ”

เขามองนางแล้วอมยิ้ม ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำนางกลับถามว่า

“แล้ว ทำไมข้ามาอยู่ที่นี่ และข้าเป็นใครหรือ"

คุณชายผู้หล่อเหลาเลิกคิ้วรูปดาบ ดวงตาคมฉายแววสงสัย เส้นกรอบหน้าดูดุดัน มุมปากคล้ายจะยกหยันเล็กน้อยกลิ่นอายสูงส่งและถือตัวพุ่งออกจากร่างกาย

เขาเดินเข้ามาหานางช้า ๆ ในใจคิดว่า

โอกาสนี้เป็นของเขาแล้ว

"เป็นคนที่ช่วยเจ้าเอาไว้ เป็นเจ้าชีวิต และนับเป็นสามีของเจ้า"

เขากล่าวพลางส่งยิ้มที่พยายามจะอ่อนโยนที่สุด ทว่าในสายตาหญิงสาวนั้น เขากำลังทำให้นางขนลุกชัน

นางยกมือทาบอก อุทานออกมาด้วยความตกใจ

"สะ สามี!"

“อืม

“ขะ ข้ารู้สึกเหมือนยังไม่เคยแต่งงาน ท่านเป็นสามีของข้าจริง ๆ หรือเจ้าคะ”

“ไยข้าต้องโกหกเจ้า เจ้าเป็นคนยินดีมอบกายให้ข้าด้วยความเต็มใจ ทว่ากลับเกิดเรื่องขึ้นก่อนที่ข้าจะร่วมหอกับเจ้า เจ้าได้รับบาดเจ็บ”

นางคิดถึงเรื่องนี้ไม่ออก และไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองแต่งงาน อีกทั้งรู้สึกว่าเขาประหลาด ถึงนางจะจำว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนและจำอะไรไม่ได้ แต่นางก็รู้สึกว่ามีหลายอย่างไม่ถูกต้อง

คำพูดของเขา และบรรยากาศที่แปลกประหลาด แตกต่างจากที่รู้สึกว่าตัวเองคุ้นเคยอย่างชัดเจน แต่นางก็สงสัยว่านางคุ้นเคยสิ่งใดกันแน่

ไม่อาจจดจำสิ่งใดได้ ความทรงจำทั้งหมดขาดหายไปแล้ว

“เจ้าจำสิ่งใดไม่ได้จริงหรือ หรือเพียงแค่แกล้งข้าเล่น”

หญิงสาวส่ายหน้า นางยกมือกุมศีรษะ สีหน้าแม้จะดีขึ้นกว่าวันที่เขาพบนางมากแล้วแต่ก็ยังซีดเซียว

“จำไม่ได้เจ้าค่ะ จำไม่ได้จริง ๆ ยิ่งคิดยิ่งว่างเปล่ายิ่งคิดยิ่งปวดหัวเจ้าค่ะ”

เขายิ้มเย็นเยียบ

“นามของเจ้าคือหนิงหนิง เจ้าแซ่ลี่ ลี่หนิงหนิง เป็นนามที่ข้าตั้งให้เจ้าเอง เจ้าเป็นเด็กกำพร้าเติบโตในจวนของข้าแต่เดิมเป็นสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติ กระทั่งข้ายกฐานะเจ้าเป็นสตรีอุ่นเตียง เจ้าติดตามข้าไปทุกที่ไม่ว่าข้าอยู่ที่ไหนต้องมีเจ้าอยู่ที่นั่น”

“ลี่หนิงหนิง ข้าสตรีอุ่นเตียงของท่านหรือ หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”

เขานั่งลงข้างกายนาง แล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้ นางผงะหนีด้วยความตกใจกระทั่งแผ่นหลังติดกับหัวเตียง เขายังขยับตามนางไม่หยุดและในที่สุดก็ไม่มีที่ว่างให้นางหนีอีก

ตัวของนางสั่นระริกเพราะรู้สึกกลัว แต่ฉับพลันก็บังเกิดอาการผ่อนคลาย เมื่อนางได้กลิ่นกายของเขาซึ่งเป็นกลิ่นสมุนไพรที่นางสัมผัสได้ตั้งแต่คราแรกที่ลืมตา กลิ่นหอมแปลก ๆ และอบอุ่นนัก

ยิ่งมองใบหน้างามซึ้งใกล้ ๆ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองพึงพอใจสตรีนางนี้เพียงใด อยากได้และหวงแหนนางช่างมีความคล้ายคลึงกับลี่หนิงหนิงตัวจริงถึงแปดส่วน

งดงามจนเขาหลงใหล เขาชื่นชอบลี่หนิงหนิงและเสียใจมากที่นางจากไป เสียใจจนคลุ้มคลั่ง

แต่สวรรค์ไม่ทอดทิ้งเมื่อบัดนี้เขาได้สตรีของเขากลับคืนมาแล้ว

“สตรีอุ่นเตียงก็คือคนที่อยู่ข้างกายปรนนิบัติ ยินดีพลีกายให้ข้ากกกอดคลายหนาวอย่างไรเล่า อย่างไรก็คือเมียคนหนึ่งของข้า ข้าคือผัวของเจ้า”

นางขมวดคิ้วนิ่วหน้า ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเบิกตากว้าง ตกใจยิ่งกว่าจำอะไรไม่ได้อีก

“ข้า ระ รู้สึกว่ามันไม่เป็นความจริงเลยเจ้าค่ะ”

เขาหัวเราะน่าหวาดผวา มุมปากยกยิ้มน้อย ๆ เขาจ้องนางราวกับต้องการกลืนกินไปทั้งตัว

“แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกันเล่า”

นางพยายามคิดแต่ทว่าอย่างไรก็คิดไม่ออก มีเพียงความรู้สึกที่ว่าไม่ถูกต้อง สิ่งที่นางได้ยินดูเหมือนจะไม่เป็นความจริง

จู่ ๆ นางก็จับมือของเขา หวังว่าจะหาความคุ้นเคยแนบชิด ความรู้สึกที่นางสัมผัสได้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้า

แค่เพียงนางแตะผิวเนื้อ ชีพจรของเขาก็เต้นเร็วอย่างประหลาด เพียงนางขยับกายก็ทำให้เขาร้อนรุ่ม

“ข้าไม่คุ้นเคยกับท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ”

นางเลิกคิ้วขึ้น เม้มปากที่แห้งผาก เขาจ้องมองริมฝีปากบางด้วยสายตาหื่นกระหาย ก่อนจะรวบร่างบอบบางเข้ามาแนบอกแล้วจับนางขังเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่นหนา

“คงเพราะลืมทุกสิ่งเลยไม่คุ้นเคยสิ่งใด ประเดี๋ยวให้ข้าเข้าไปในกายของเจ้า เย่อเจ้าสักหลาย ๆ ทีเจ้าก็คุ้นเคยเอง”

“อื้อ...ขะ ข้า”

นางฟื้นขึ้นมาก็ถูกจู่โจมด้วยถ้อยคำที่นางรับไม่ไหว นางตกใจจนอ้าปากค้าง

“ทำไมหรือ ก่อนหน้าข้าก็เอ่ยเช่นนี้กับเจ้าบ่อย ๆ น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้ร่วมเตียง เจ้าก็เกิดเรื่องเสียแล้ว”

“ขะ ข้า...อายนะเจ้าคะ”

เขาหัวเราะในลำคอ ครานี้ร่างกายของนางแดงระเรื่อ ขัดเขินกับถ้อยคำแนบชิดและไร้ยางอายของเขา

“ข้าไม่รู้สึกว่าเคยชินสักนิด ท่านปล่อยข้าเถิดเจ้าค่ะ”

นางดิ้นอึกอัก แต่เรี่ยวแรงของนางไม่ค่อยมีนัก สุดท้ายจึงถูกเขาตรึงร่างเอาไว้

เขายกนิ้วขึ้นมาไล้หัวแม่มือบนริมฝีปากล่างของนางแผ่วเบาเอ่ยด้วยถ้อยคำกึ่งยั่วเย้า

“เจ้าจำไม่ได้หรือว่าเมื่อข้าสัมผัสเจ้าคราใดก็ทำให้ข้าร้อนรุ่มทุกครา ดูเจ้าสิ ริมฝีปากแห้งผากเช่นนี้ไม่ดี แลบลิ้นออกมาเลียให้ชุ่มชื้นสักหน่อยสิ”

นางมองหน้าเขา ถ้าหากนางแลบลิ้นออกมาก็เท่ากับนางเลียนิ้วหัวแม่มือของเขา นางไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าเขากำลังหลอกล่อนาง

“ถ้าข้าไม่เลียเล่า”

“เช่นนั้นข้าจะเลียให้เจ้าเอง”

เขาจ้องนางเหมือนเป็นขนมหวานพร้อมที่จะเอาเข้าปากแล้วกลืนลงท้องทุกเมื่อ เขาตรึงใบหน้าของนางเอาไว้แน่นขยับใบหน้าเข้ามาหาช้า ๆ เขากำลังท้าทายนาง

นางกลัวจริง ๆ ว่านางจะถูกเขาจูบ หญิงสาวจึงแลบลิ้นออกมายามนี้จึงกลายเป็นว่านางกำลังเลียนิ้วมือของเขาอยู่

ลมหายใจของเขาหอบกระชั้น ยกมุมปากขึ้นอย่างพึงใจ ช่างเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ ที่หล่อเหลายิ่งนัก

“ต้องแบบนี้สิ”

เขาเอ่ยเบา ๆ น้ำเสียงแหบเล็กน้อย นิ้วหัวแม่มือของเขาเปียกเพราะน้ำลายของนางยามนี้เขาจึงใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงที่ริมฝีปากเล็กนุ่มนิ่มช้า ๆ

นางสัมผัสได้ว่าลมหายใจของเขาถี่กระชั้น นางหวาดกลัวร่างกายเกร็งแข็งอย่างเห็นได้ชัด

“ข้าเจ็บ ท่านกอดข้าแน่น ปล่อยข้าเถิดเจ้าค่ะ”

ในที่สุดเขาปล่อยร่างนุ่มนิ่มของนางแล้ว หญิงสาวที่กลั้นหายใจอยู่จึงสูดลมหายใจแล้วปล่อยออกมาแรง ๆ

เขายังจ้องมองท่าทางน่าขบขันนั่นที่ทั้งตื่นกลัวและยั่วเย้า

เขาลุกขึ้นแล้วบอกกับนางว่า

“ข้าต้องไปแล้ว มีเรื่องต้องไปทำเจ้าอยู่ที่นี่อย่าเดินออกจากห้อง ประเดี๋ยวจะมีคนเข้ามาดูแล”

นางยังสงสัยอีกหลายเรื่อง ทว่าเขากลับไม่สนใจพูดคุยกับนางแล้ว คนผู้นั้นหันหลังแล้วเดินออกจากประตูไป

นางนั่งอย่างมึนงง ไม่นานคนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา บุรุษร่างสูงในอาภรณ์สีดำเรียบง่าย ไม่ต่างจากบุรุษคนแรก

เขายิ้มให้นางอย่างยินดี รอยยิ้มนั้นหล่อเหลาจนกระแทกตา นางยิ่งฉงน

“ที่นี่คือหอชายงามหรือเจ้าคะ”

เขาหัวเราะขบขัน

“นี่คือคำทักทายของเจ้าหลังจากนอนสลบไปนานหรือ ไยถามเช่นนี้”

นางก็ตกใจตนเองที่ถามคำถามชวนให้ผู้อื่นมองว่านางโง่งม

ทว่าจะไม่ให้นางเข้าใจเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อบุรุษที่นางเห็นทั้งสองคนล้วนหล่อเหลารูปร่างงดงามราวกับตกลงมาจากสวรรค์

“เมื่อสักครู่ข้าพบคุณชายท่านนั้นใบหน้าหล่อเหลายิ่ง ครานี้ยังมีท่านอีก ข้าจึงเข้าใจแบบนี้ ขออภัยหากไม่ถูกต้องเจ้าค่ะ”

เขาวางของในมือลง เป็นยาของนางนั่นเอง

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสา แต่ที่นี่ไม่ใช่หอชายงาม แต่เป็นเรือนของคุณชายหวง”

กับบุรุษผู้นี้นางกลับไม่รู้สึกหวาดกลัว คงเพราะเขามีรอยยิ้มที่สดใสวาจาอ่อนโยน

“ของคุณชายคนเมื่อสักครู่หรือเจ้าคะ”

“เขามิได้บอกเจ้าหรือ”

นางส่ายหน้า

“ไม่เจ้าค่ะ”

“เขาก็เป็นเช่นนั้น มักทำเรื่องให้คลุมเครือ เจ้าจำสิ่งใดไม่ได้จริง ๆ หรือ”

“ไม่ได้เจ้าค่ะ”

แน่นอนว่าอาการของนางคงเป็นคุณชายคนเมื่อสักครู่ที่บอกเขาแล้ว

มือของเขาชะงักก่อนที่จะรินยาให้นาง สีหน้าราบเรียบไม่รู้ว่าภายในคิดสิ่งใด

“อืม เขาคือคุณชายหวงเฟยเทียน ข้ามีนามว่าหยวนเปา เป็นองครักษ์ของเขา ส่วนเรื่องอื่น เจ้าค่อย ๆ เรียนรู้ไปก็แล้วกัน ยังมีเวลาอีกมาก”

“แต่ข้าอยากรู้”

เขายิ้มบาง

“เชื่อข้าเถิด ใจเย็น ๆ อยากรู้สิ่งใดคุณชายหวงจะบอกเจ้าเอง เชื่อฟังเขาให้ดี”

นางก้มหน้า พวงแก้มแดงระเรื่อ เอ่ยแผ่วเบา

“เขาบอกว่าข้าคือสตรีอุ่นเตียงของเขา”

คุณชายหยวนเปาพยักหน้า เห็นท่าทางหวาดกลัวของนางแล้วเขาก็สงสาร

“จนกว่าอาการป่วยของเจ้าจะหาย เขาจะไม่แตะต้องร่างกายของเจ้าไม่ต้องกลัว เจ้าได้รับแผลที่ศีรษะ สลบไปหลายวัน ท่านหมอมาตรวจอาการหลายครั้ง เจ้าปลอดภัยแล้ว หลังจากนี้ก็ขยันดื่มยาให้ดีไม่กี่วันก็แข็งแรงแล้ว เจ้ายังปวดแผลหรือไม่”

นางส่ายหน้า

“ไม่แล้วเจ้าค่ะ แต่หากคิดถึงเรื่องที่ลืมไปจะรู้สึกปวดหัว คุณชายหยวนเจ้าคะ ข้าได้แผลมาอย่างไรเจ้าคะ”

“เพราะซุกซนไม่เชื่อฟัง ศัตรูของคุณชายหวงมีมากนักข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าออกไปข้างนอก เจ้ากลับแอบหนีไปเที่ยวเพียงลำพังจึงถูกจับ ข้าและคุณชายหวงตามไปช่วยเจ้าเอาไว้ได้ทัน แต่เจ้าก็ถูกทำร้ายเสียแล้ว”

คำโกหกของเขาช่างไหลลื่นนัก คนฟังยังคงจำสิ่งใดไม่ได้ จึงเชื่อเขาไปมากกว่าแปดส่วน

นั่นเป็นผลพวงจากวาจาอ่อนโยนและท่าทางคุ้นเคยของคนทั้งสองที่มีต่อนาง

นางคิดว่าพวกเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอันใดและท่าทางคุ้นเคยใกล้ชิดที่แสดงออกมาจึงเชื่อไปแล้ว

อีกทั้งในโลกนี้คงไม่มีผู้ใดคิดจะมาแต่งเรื่องโกหกให้นางฟัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel