บทที่ 3 เริงสวาทในรถม้า
หลังจากนั้นก็ผ่านมาอีกหลายวันกว่าที่ลี่หนิงหนิงจะยอมรับว่าตัวเองคือลี่หนิงหนิงสตรีอุ่นเตียงของบุรุษที่ชื่อหวงเฟยเทียน
ก่อนหน้านี้หญิงสาวยังไม่หายดีด้วยซ้ำเขาก็จับนางแหกหว่างขาแล้วกระแทกเข้ามาไม่ยั้ง
ครั้งแรกก็แสบจนแทบทนไม่ไหว ทว่าเมื่อเขาทำหลาย ๆ ครั้งนางก็เริ่มเปล่งเสียงคราง
หวงเฟยเทียนใช้ลี่หนิงหนิงเป็นที่ระบายความใคร่และสอนให้นางกลายเป็นสตรีร่านรักทั้งวันทั้งคืน จนบัดนี้นางกลายเป็นสตรีที่ติดใจในรสสวาทที่เขามอบให้เสียแล้ว
เพียงแค่เขาลูบไล้นางเบา ๆ นางก็ตื่นเตลิดน้ำชุ่มแฉะพร้อมที่จะให้เขาทะลวงรูรักทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
นางพยายามคิดถึงเรื่องตนเอง แต่เมื่อพยายามแล้วทำให้นางยิ่งเจ็บปวดแปลบในใจและยังปวดศีรษะจนแทบระเบิด ในที่สุดลี่หนิงหนิงก็ยอมรับตัวตนที่หวงเฟยเทียนบอกทุกอย่าง
และเมื่อนางยอมรับเขาก็ดีต่อนางไม่น้อย
หลังจากที่ร่างกายของลี่หนิงหนิงหายจนเกือบเป็นปกติแล้ว หวงเฟยเทียนก็พานางขึ้นรถม้าเพื่อไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
“ที่นี่ไม่ใช่บ้านหรือเจ้าคะ”
บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเล็ก แต่มีคนรับใช้ไม่ขาดและอยู่ใกล้ทะเล ยามเย็นลี่หนิงหนิงชอบที่จะไปเดินชายหาดคิดเรื่องต่าง ๆ เพื่อผ่อนคลายโดยมีหยวนเปาคอยเดินเป็นเพื่อนคุ้มครองนางอยู่ห่าง ๆ
คนผู้นั้นที่มักจะมองนางจากด้านหลัง และนางก็รู้สึกว่าเมื่อมีเขาอยู่นางจะปลอดภัย
หวงเฟยเทียนหายหน้าไปหลายวันก่อนที่จะกลับมารับนาง
“พวกเราจะไปไหนหรือเจ้าคะ”
“กลับจวน งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
นางได้ยินพวกทหารบอกว่าเขาออกไปติดตามโจรที่หนีการจับกุมมา ทำให้เขาต้องออกไปไล่ล่าพวกโจรร้ายทุกวัน ส่วนตัวเขากลับทิ้งหยวนเปาให้คอยดูแลนาง
ช่างแปลกประหลาดนัก หยวนเปาเป็นองครักษ์ของหวงเฟยเทียนมิใช่ของนาง แต่เขากลับไม่พาไปด้วย
ตำบลแห่งนี้เป็นตำบลเล็ก ๆ ติดกับชายทะเล ทหารทุกคนล้วนไม่กล้าคุยกับนาง กระทั่งสาวใช้ยังหุบปากเงียบไม่กล้าเงยหน้าทั้งไม่กล้าสบตากับนางด้วยซ้ำ
ดังนั้นนอกจากหยวนเปาและหวงเฟยเทียนแล้วนางแทบไม่ได้สนทนากับผู้อื่น
นางเคยถามถึงครอบครัวของหวงเฟยเทียน เขาตอบเบา ๆ
“เสียชีวิตด้วยโรคระบาดไปนานแล้ว มีคราหนึ่งที่เมืองหลวงมีโรคระบาด ข้าอยู่ชายแดนกว่าจะกลับไปถึงพวกท่านก็เสียแล้ว”
สีหน้าของเขายามที่เล่าเรื่องนี้ราบเรียบ ทว่าดวงตาฉายแววเจ็บปวดนัก
“แล้วท่านมีภรรยาผู้อื่นอยู่หรือไม่เจ้าคะ”
นางกลั้นใจถาม อย่างไรนางก็คือสตรีของเขา ถึงเขาจะมีผู้อื่น นางก็ไม่สามารถเอ่ยคำใดได้นอกจากทำใจยอมรับ
“มิใช่เรื่องที่เจ้าต้องรู้ รู้เพียงแต่ว่าชีวิตของเจ้ามีข้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น”
นางได้รับเสื้อผ้าใหม่ เป็นชุดกระโปรงพองแบบโบราณ เสื้อแขนกว้างและยังมีเสื้อคลุมที่ทำมาจากขนของสุนัขจิ้งจอก ตัวใหญ่และอบอุ่น
ของที่คนทั่วไปไม่สามารถมีได้ ฐานะของหวงเฟยเทียนแน่นอนว่าย่อมไม่ธรรมดา
นางนั่งขดตัวอยู่มุมหนึ่งก่อนที่รถม้าจะเคลื่อนขบวนคนผู้นั้นก็เคลื่อนไหวปราดเปรียบ เพียงชั่วพริบตาก็มานั่งติดกับนางแล้ว
เขานั่งแนบชิดจนร่างใหญ่แทบจะกลืนกินร่างเล็กของนางจมหายเข้าไปในตัวของเขา
ทุกครั้งที่ผู้ชายคนนี้เข้าใกล้ นางย่อมรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของร่างกายใหญ่ อากาศหนาวเหลือเกินแม้จะมีเสื้อคลุมตัวใหญ่เตาอุ่นในมือ แต่นางเพิ่งหายป่วยไม่นานและร่างกายบอบบางเพียงนี้ อย่างไรก็ยังรู้สึกหนาว
ขายาวของเขาเหมือนจะเกยทับเรียวขาเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้กระโปรง บังเกิดความร้อนจัดโอบรอบตัวนางเอาไว้ เขาขยับมือไปข้างหลังแล้วจับต้นคอขาวแผ่วเบา จากนั้นจึงเลื่อนโอบรอบร่างกายเล็กช้า ๆ
นางบังเกิดอาการตัวสั่นทันใด สัมผัสนี้บ่งบอกว่าเขากำลังแสดงความเป็นเจ้าของนาง
“หนาวหรือ”
“เจ้าค่ะ”
นางรู้สึกเสียวซ่านจากสัมผัสและอบอุ่นยิ่งนัก ความรู้สึกสองอย่างกำลังตบตีกันในหัว สายตาที่มองมานั้นย่อมแสดงออกชัดเจนว่าเขากำลังเกิดความต้องการอันใด
เขาโอบร่างเล็กแน่นขึ้น ยังโน้มศีรษะลงมาแล้วจูบไซ้ซอกคอของนาง ลมหายใจเป่าร้อนทะลุผิวเนื้อผ่านไปยังกระดูกของนาง
“คุณชาย อย่าเจ้าค่ะ”
“กล้าหาญถึงขั้นห้ามข้าเลยหรือ”
เพียงแค่เขาเอ่ยคำนี้นางก็ยอมจำนน คนผู้นี้มีพลังอำนาจในตัวอย่างประหลาด เขาเป็นคนมีบุคลิกห้าวหาญไม่มีผู้ใดกล้าเงยหน้าสบตาของเขา คนที่เขาพูดคุยได้นอกจากนางแล้วเห็นจะมีเพียงหยวนเปาเท่านั้น
ดวงตาที่จับจ้องนางแข็งขึง ทำให้นางยิ่งรู้สึกกลัวและขนลุกชันไปทั้งร่างแน่นอนว่าความหวาดกลัวนี้ผสมไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง
กระหายอยาก และต้องการยิ่ง
ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมคล้ายกำลังข่มบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ ทว่าดวงตาคมคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่อัดอั้น
นางใช้สองมือผลักอกของเขาออก ทว่าเขากลับยิ้มเหี้ยมเกรียม
“คุณชาย ถอยไปเถิดเจ้าค่ะ ในนี้เห็นจะไม่เหมาะ”
“เจ้าคิดหรือว่าข้าจะฟังคำเจ้า คนเช่นข้าไม่มีวันเชื่อฟังสตรีใดเด็ดขาด หากเจ้าลืมไปแล้วข้าจะย้ำให้เจ้าฟัง คนที่ต้องเป็นฝ่ายฟังคำสั่งก็คือเจ้า”
เลือดลมในกายของเขากำลังพลุ่งพล่านเต็มไปด้วยอารมณ์พิศวาส น้ำเสียงของเขาแหบพร่าและดูน่าหวาดกลัว
หญิงสาวยิ่งตัวสั่นมากยิ่งขึ้นนางถูกมือสากลูบไล้จนน้ำหวานไหลเจิ่งนอง
สีหน้ากระหายของเขายามนี้ทำให้นางเกือบจะลืมหายใจ
“เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
ยามนี้เขายกตัวของนางขึ้นให้นั่งทับบนตักแล้วจับสะโพกของนางโยกเบา ๆ
“คุณชาย ซี้ด อื้ม เสียวเจ้าค่ะ”
“เงี่ยนจนแฉะเพียงนี้ยังคิดปฏิเสธ สตรีเช่นเจ้าข้ามองตาก็รู้แล้วว่าต้องการสิ่งใด”
“กะ ก็ท่านกำลังคลึงหัวนมข้าอยู่ และยังขยำเช่นนี้ ขะข้าเสียวนี่เจ้าคะ”
ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่กินดุ กินเก่งและกินไม่เป็นเวล่ำเวลา นางแน่ใจว่าไม่เคยเจอใครที่เหมือนเขามาก่อนในชีวิต
นางเอาแต่ก้มหน้าเพราะอายที่ถูกเขาจับได้ ถึงจะทำเรื่องพวกนี้มานับครั้งไม่ถ้วนใบหน้าของนางก็เริ่มหนาขึ้นทุกขณะ แต่นางก็ยังรู้สึกอายอยู่
เขาไม่ชอบใจจึงเอ่ยเสียงเย็น
“เงยหน้าขึ้นมองข้า ข้าชอบสตรีร่าน ๆ ร้องครางดัง ๆ อยากได้สิ่งใดให้บอกข้า มิใช่สตรีเขินอายในยามที่อยู่บนเตียง”
“เจ้าค่ะ คุณชาย”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เมื่อเขาไม่ได้เพียงพูดแต่กลับดันคางของนางขึ้นมาอย่างเอาแต่ใจอีกมือหนึ่งก็ดันเข้าไปใต้กระโปรงตัวหนาที่ข้างในมิได้สวมกางเกงตัวในเอาไว้
“อา ซี้ด”
นางครางออกมาไม่เป็นภาษา เมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไปภายในแล้วขยี้ติ่งไตของนางแรง ๆ
“คะ คุณชาย โอว ซี้ด เสียว อา อืม อูยยย”
“น้ำเยิ้มจนล้นเพียงนี้ยังคิดจะห้ามอีกหรือ”
“กะ ก็เป็นคุณชายที่ขยี้ตรงนี้ ซี้ด อา ซี้ด”
“มานี่สิ นั่งตรงนี้แล้วถ่างขาให้ข้าเลีย ข้าคอแห้งเหลือเกิน”
เขาจับนางให้นั่งด้านบนที่นั่ง ส่วนตนเองคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าแล้วมุดเข้ามาในกระโปรงทันใด
“ติ่งเกสรสั่นยิ่งนัก สตรีร่านรัก อา ร่องเจ้าตอดลิ้นข้าใหญ่เลย”
“ซี้ด อา คุณชายเจ้าขา ซี้ด อื้อ เลียตรงนั้น อา เจ้าค่ะ ซี้ด”
ปลายลิ้นของเขากำลังละเลงไปบนกลีบดอกไม้ของนาง ลี่หนิงหนิงเสียวซ่านมาถึงหัวนม นางทนไม่ไหวจำต้องช่วยตนเองปลดปล่อยด้วยการขยำหัวนมด้วยสองมือเล็ก
“อา คุณชายเจ้าขา เลียตรงนั้นแรง ๆ เจ้าค่ะ ซี้ด อูย เสียวร่องเหลือเกินเจ้าค่ะ”
ร่องหวานของนางตอดอย่างรุนแรง เมื่อเขาแหย่นิ้วเข้าไปแล้วยังงอนิ้วกระตุกเบา ๆ
“ซี้ด คุณชายเจ้าขา อา”
ลิ้นขยี้เน้น ๆ ลงไปที่ติ่งเสียว นิ้วมือของเขาก็กระตุกเข้าออกไม่หยุด หญิงสาวโดนเขากระหน่ำเช่นนี้ถึงกับแข้งขาอ่อนร่างกายไร้กำลังความสุขล้นพุ่งออกมาจากร่างกาย
“ซี้ดดดด ข้า แตกแล้วเจ้าค่ะ ซี้ด”
เมื่อเขาโผล่ใบหน้าออกมาลี่หนิงหนิงก็พบว่าใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ ริมฝีปากมันวาวเต็มไปด้วยน้ำหวานของนางที่เลอะเปรอะเปื้อน
“เจ้าเสร็จไวยิ่ง”
คงเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ทำในรถม้า นางจึงตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“เสียงครางกระตุ้นข้าแล้ว”
จากนั้นเขาจึงตลบกระโปรงของนางขึ้นมาที่เอว ส่วนตนเองปลดผ้าคาดเอวแล้วถอดกางเกงออก เผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งชัน
อาวุธคู่กายของเขามีขนาดใหญ่โตและยาวยิ่งนัก แม้ว่าจะถูกบดอัดมาหลายคราทว่าหลี่หนิงหนิงก็ยังรู้สึกจุกและอึดอัดคับแน่นทุกครั้งไป
“แหวกกลีบของเจ้าออก”
เขาสั่งเสียงแหบพร่า หญิงสาวจึงใช้นิ้วแหวกกลีบดอกไม้เพื่อเปิดทางให้อาวุธอันใหญ่ล่วงล้ำเข้ามา
เขาไม่รอช้าจับแท่งหยกที่หัวบานสีชมพูเข้มยัดเข้ามาในร่องรักทันใด เพียงเข้ามาไม่ถึงหนึ่งในสี่หลี่หนิงหนิงก็เสียวจนต้องห่อปากคราง
“ซี้ด อา คุณชายเจ้าขา หนิงหนิงเสียว อูย แท่งหยกของท่านใหญ่คับร่องของหนิงหนิงเจ้าค่ะ อ๊า ซี้ด ซี้ด”
“ร่องรักของเจ้าช่างคับแคบยิ่ง ข้าชอบ ตอดเก่งยิ่งกว่าปลา”
คนหล่อเหลามิได้เอ่ยเล่น สีหน้าของเขายามนี้ประดุจคนที่กำลังทรมานเมื่อถูกนางดูดรัด ลี่หนิงหนิงขมิบช่องทางรักอย่างแรงเมื่อนางรู้สึกเสียวซ่านที่ถูกเสียดสี
“อา แน่นรูไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”
เขาจับศีรษะของนางเอาไว้ แล้วดันร่างเพียงคราเดียวก็กระแทกชนกึกที่ข้างใน เขาเข้าไปลึกจนสุดลำพร้อมกับครางซี้ด
ลี่หนิงหนิงกางขาออก ร้องออกมาสุดเสียงเพราะเสียวกระสัน ในยามนี้รถม้าเร่งความเร็วกระเด็นกระดอนนางถูกกระแทกทั้งข้างบนข้างล่างทำให้แท่งหยกบดอัดเข้าไปในรูอย่างเต็มที่
ดีที่รถม้าคันนี้ปูพรมนุ่มนิ่มไปทั้งคัน มิเช่นนั้นนางคิดว่าตนเองอาจจะกระดูกหักได้ เพราะแรงอัดของคุณชายกับแรงกระแทกของรถม้าที่วิ่งเร็วหนักหน่วงพอกัน
“ซี้ด อา เสียว จุกเจ้าค่ะ คุณชายเจ้าขา ซี้ด อา หนิงหนิงจุกไปหมดแล้ว”
เสียงครางของนางย่อมดังออกไปถึงข้างนอก ทว่าบริเวณนี้นอกจากคนของเขาที่ขับรถม้าและทหารที่เฝ้าระวังความปลอดภัยแล้วล้วนเต็มไปด้วยชายป่าไร้ผู้คน
ทั้งรถม้าและม้ารอบกายวิ่งเร็ว คนข้างนอกจึงได้ยินเพียงลมที่พัดหวีดหวิวผ่านหูและเสียงของกีบม้ากระทบกับพื้นดิน
ทว่าลี่หนิงหนิงไม่รู้เลยว่าบัดนี้นางและหวงเฟยเทียนกำลังทำให้หัวใจของคนผู้หนึ่งปั่นป่วนเจียนคลั่งตาย
เขาคือหยวนเปาที่นั่งเงียบ ๆ ข้างคนขับรถม้านั่นเอง