บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 ครอบครัวเจ้าสี่ได้รับความอยุติธรรม

บทที่ 9 ครอบครัวเจ้าสี่ได้รับความอยุติธรรม

“เว่ยเว่ย ลูกแม่ / พี่ใหญ่ พี่ใหญ่” สามเสียงประสานกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จ้าวเม่ยตรงเข้าไปและมองดูลูกสาวใกล้ๆ เมื่อเห็นว่าลูกสาวเพียงเป็นลมไปเท่านั้นก็ถอนหายใจ ให้เจ้าเด็กน้อยทั้งสองไปหาผ้าชุบน้ำเพื่อจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้ลูกสาวของนาง

เมื่อได้ผ้ามานางก็ค่อยๆ เช็ดไปตามใบหน้าแห้งผอมของลูกสาวคนโต และมองไปที่ผ้าที่พันอยู่บนศีรษะที่มีเลือดซึมออกมานิดหน่อยแล้วถอนหายใจ พลางคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า.....

เมื่อเช้าตัวนางออกไปทำงานที่นาแต่เช้าโดยให้ลูกชายและลูกสาวคนเล็กดูแลพี่สาวที่นอนป่วยไม่มีเรี่ยวแรงมา 3-4 วันแล้ว โดยนางได้บอกให้พวกเขาอยู่แต่ในห้องไม่ต้องออกมาทำงานบ้าน โดยนางจะกลับมาทำเองเมื่อทำงานที่นาเสร็จ เด็กๆ ก็ตกลงและเข้าไปนั่งข้างๆ เตียงของพี่สาวของพวกเขา

ขณะที่นางกำลังถอนหญ้าที่อยู่ในนานั้น ป้าถงป้าที่อยู่ข้างบ้านก็รีบเดินมาหานางเพียงตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“จ้าวเม่ย จ้าวเม่ย เจ้ายังทำอะไรอยู่ที่นี่ บ้านของเจ้าเกิดเรื่องแล้ว ยังไม่รีบกลับไปอีก”

จ้าวเม่ยนวดเอวที่กำลังปวดเมื่อยขึ้น ในมือถือยังมีหญ้าที่ถูกถอนออกจากแปลงนาอยู่กำใหญ่

“ยังเหลืองานต้องทำอีกเล็กน้อย ทำเสร็จแล้วจะกลับไป บ้านข้าเกิดเรื่องอะไรหรือป้าถง”

จ้าวเม่ยเอ่ยถามป้าถงเบาๆ และกำลังจะก้มลงเพื่อทำงานต่ออีกครั้ง

“ยังจะทำงานอยู่อีก ลูกสาวของเจ้าจะถูกคนตีตายอยู่แล้ว รีบกลับไปดูเร็วเข้า”

ป้าถงมีสีหน้าร้อนร้น เพราะก่อนที่นางจะรีบเดินมาตามนั้น แม่เฒ่าจ้าวกับสะใภ้ใหญ่ จ้าวเจียงหงกำลังใช้ไม้ตีไปที่จ้าวเว่ยเว่ยลูกสาวของจ้าวเม่ยอย่างแรง และเด็กคนนั้นก็ล้มหัวกระแทกนางเห็นเลือดมากมายไหลออกมาจากศีรษะของเด็กคนนั้น นางถึงได้รีบร้อนวิ่งมาตามให้ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ใช่เรื่องรองนางเสียทีเดียว จ้าวเม่ยได้ยินเช่นนั้นก็พลันชะงักงัน ก่อนจะโยนกำหญ้าในมือทิ้งไปอย่างรวดเร็ว และกระโดดขึ้นไปบนคันนา

“เมื่อครู่ป้าว่าอะไรนะ”

ป้าถงถอนใจ

“เห็นว่าแม่สามีและสะใภ้ใหญ่ของเธอพวกเขาถือโอกาสที่เจ้ามาดูแลไร่นา เข้าไปค้นหาเงินในบ้าน แล้วลูกสาวคนโตของเธอเข้าห้ามพวกเขาเอาไว้ พวกเขาไม่พอใจเลยก็เลยลากลูกสาวคนโตของเจ้าออกมาและใช้ไม้ตีอย่างแรง แต่ว่าเจ้าลูกสาวของเธอล้มลงหัวกระแทกพื้นเลือดไหลเต็มไปหมด ตอนฉันไปถึงได้ยินว่าไม่มีลมหายใจแล้ว ก็เลย…”

ป้าถงยังพูดไม่ทันจบ จ้าวเม่ยก็รีบร้อนวิ่งไปแล้ว

ภายในบ้านสกุลจ้าวมีคนมุงอยู่ไม่น้อย ทุกคนกำลังชี้ไม้ชี้มือเข้าไปด้านใน

จ้าวเม่ยพุ่งเข้าไปในบ้านตนเองทันที และเห็นบุตรสาวนอนอยู่บนพื้น เลือดไหลออกจากศีรษะ และเหมือนจะไร้ลมหายใจแล้ว ข้างร่างของเจ้าเว่ยเว่ย ลูกสาวคนเล็กและลูกชายคนของนางนั่งโอบร่างของพี่สาวพวกเขาเอาไว้ พลางร้องไห้เสียงดัง ภาพนั้นช่างน่าสลดสังเวช ต่อคนที่กำลังยืนมองอยู่จริงๆ

จ้างเม่ยเข่าอ่อนโดยพลัน นางโซซัดโซเซมาถึงด้านหน้าของบุตรสาว แล้วดึงมืออันเย็นเฉียบของเด็กสาวมา พลางมองบาดแผลทั่วทั้งใบหน้าและลำตัวนั้น หัวใจถูกบีบเจ็บปวดเจียนจะขาดใจ อยากจะร้องไห้ออกมา แต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ร้องไห้ไม่ออก นางกัดริมฝีปากไว้แน่น พลางเดินเข้าไปกอดร่างของลูกสาวคนโตของนางเอาไว้

“เว่ยเออร์ เว่ยเว่ย ลูก ลูกฟื้นสิ นี้แม่เอง แม่มาแล้วลูก” พูดพลางกอดและในที่สุดน้ำตาไหลออกมา และหยดลงที่ดวงตาที่ปิดสนิทของจ้างเว่ยเว่ย

“พี่ใหญ่ พี่ พี่ฟื้นนะ” เด็กน้อยทั้งสองคนต่างก็พยายามเขย่าเพื่อให้พี่สาวของพวกเขาฟื้น

จ้าวเจียงหง สะใภ้ใหญ่ของสกุลจ้าวเดินออกมาจากในเรือน นางเห็นว่านังสะใภ้เล็กกลับมาแล้ว ก็เลิกคิ้วขึ้นทันที บนใบหน้าอำมหิตมีแต่ความไม่พอใจ

“เหตุใดเจ้าถึงกลับมา ทำงานในทุ่งนาเสร็จแล้วหรือ หากยังทำงานไม่เสร็จ เย็นนี้เจ้าก็อย่าได้คิดจะกินข้าวเลย”

จ้าวเม่ยดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้าง นางกำมือแน่น ทั่วใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวสุดขีด นางหันไปตะคอกใส่จ้าวเจียงหง

“ใครเป็นคนตีลูกสาวข้าจนเป็นเช่นนี้ ใครกัน!”

สะใภ้ใหญ่ตะลึง จ้าวเม่ยเป็นคนซื่อๆ มาแต่ไหนแต่ไรมา ตั้งแต่น้องเล็กตายไป นางไม่เคยมีปากมีเสียงกับใครเลย คนในบ้านไม่ว่าจะสั่งให้พวกนางทำอะไร พวกนางไม่เคยปฎิเสธ เพราะว่าตอนนี้พวกนางก็เหมือนกับกาฝากของตระกูลจ้าวนั้นเอง พวกนาง ปล่อยให้ผู้อื่นรังแกจนเคยชิน ไม่ว่าจะด่าว่าหรือสั่งให้ไปทำงานอย่างไร นางล้วนไม่เคยบ่นแม้แต่คำเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตะคอกเสียงดังใส่เช่นตอนนี้เลย

“นี้เจ้ากล้าตะคอกใส่ข้าเชียวหรือ ใช่แล้ว! เป็นข้ากับท่านแม่ที่ตีนางเอง แล้วอย่างไร ใครใช้ให้นางไม่เชื่อฟังเล่า กินข้าวสกุลจ้าว ใช้ของสกุลจ้าว สกุลเราสิ้นเปลืองอาหารเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่ตั้งเท่าไร นางต่างหากที่โตขึ้นมากลับปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่คำพูดของท่านย่าและท่านป้าใหญ่ตนเองยังกล้าจะไม่เชื่อฟัง ก็สมควรแล้ว เพียงเงินเล็กน้อยนั้นพวกเจ้าก็ห่วงเสียยิ่งกว่าชีวิตแล้วหรือ ฮึ...”

สีหน้าไม่ได้รู้สึกผิดของจ้าวเจียงหงนั้นทำให้จ้าวเม่ยกระโดดลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะพุ่งเข้าไปตบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรง

“เพี้ยะ”

“เพี้ยะ”

“เพี้ยะ”

“ข้าทำงานต่างวัวต่างม้าทั้งวัน หรือว่าแม้แต่ข้าวสักคำก็แลกมาให้ลูกสาวข้าไม่ได้ ครอบครัวเจ้ามีกันสี่คน แล้วทำงานได้จริงๆ กี่คนกัน ข้าเคยรังเกียจที่พวกเจ้ามากปากหรือไม่”

“นางเพิ่งอายุสิบสี่เองนะ นางเพิ่งอายุได้สิบสี่เท่านั้น! พวกเจ้าไม่คิดว่านางก็เป็นคนของตระกูลจ้าวบ้างหรือไร”

หลิวเจียงหงถูกตบหน้าจนมึนงง ตั้งแต่นางแต่งเข้าสกุลจ้าวนี้ ก็ไม่เคยถูกผู้ใดตบเช่นนี้มาก่อน ทั้งยังเป็นการตบหน้าต่อหน้าคนในหมู่บ้านมากมายเช่นนี้ นางนั่งลงกับพื้น ร้องไห้โฮเสียงดังขึ้นมา

“นางตีข้า น้องสะใภ้ตีพี่สะใภ้ นางจะตีข้าจนตายแล้ว ใครก็ได้มาช่วยข้าเร็วเข้า น้องสะใภ้เนรคุณขนาดนี้ ข้าขอตายเสียดีกว่า!”

ชาวบ้านที่กำลังมุงดูอยู่นอกรั้วพากันส่ายหน้า

“ครอบครัวจ้าวเม่ยโชคร้ายนัก ต้องมาเจอกับพี่สะใภ้และแม่สามีเช่นนี้ โชคร้ายเสียจริงๆ”

“ถูกต้อง สกุลจ้าวของพวกเขาแม้จะมีบุตรชายถึงสี่คน ทว่าคนที่ทำงานมากที่สุดจริงๆ ก็มีแต่เจ้าสี่ที่เก็บมาเลี้ยง หลังจากเจ้าสี่ตายไป ก็มีเพียงสะใภ้สี่เท่านั้นที่ทำไร่ทำนา ไหนเลยจะขาดนางได้ สตรีคนหนึ่งทำงานหนักยิ่งกว่าบุตรชายสามคนของบ้านพวกเขาเสียอีก อีกอย่าง บุตรชายคนโตมีลูกสองคน บุตรชายคนรองมีลูกสองคน บุตรคนที่สามที่เป็นบัณฑิตนั้นยังดีที่ยังไม่มีลูก ในพวกเขามีคนไหนมีคนไหนที่ทำงานไม่ต่างจากวัวจากม้าเหมือนครอบครัวของเจ้าสี่บ้าง หรือว่าเป็นแค่ลูกชายที่เก็บมาเลี้ยงถึงได้ทิ้งขว้างพวกเขาเช่นนี้ เฮ้อ ตระกูลจ้าวของตาแก่ จ้าวเฉินหลงนี้ช่างเลอะเลือนเสียจริง”

เสียงของเพื่อนบ้านที่อยู่กันมานานรู้ดีถึงความอยุติธรรมที่ครอบครัวของเจ้าสี่บ้านจ้าวได้รับเป็นอย่างดี....

**** อยู่ไม่ได้แล้วครอบครัวแบบนี้ น้องเว่ยรีบฟื้นพาแม่กับน้องหนีเถอะ***

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel