บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 ทะลุมิติมาแล้ว

บทที่ 8 ทะลุมิติมาแล้ว

จ้าวเว่ยเว่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความอยากลำบาก ความรู้สึกเจ็บปวดที่ศีรษะนี้มันอะไรกัน ไม่ใช่ว่าแม่ใหญ่หรอกหรือที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แต่ทำไมเธอถึงได้เจ็บด้วยล่ะ เธออยากจะรีบตื่นขึ้นมา แต่ก็ต้องสิ้นหวังเพราะร่างกายของตนกลับแข็งทื่อ เปลือกตาหนักอึ้งดั่งภูเขา อยากจะบอกให้เสียงร้องไห้เหล่านี้หยุดสักที แต่ปากของเธอกลับแข็งไม่มีแรงแม้แต่จะพูดอะไรออกมา ไม่มีแรงจะทำอะไรได้เลย ทำได้เพียงกลอกตามองไปรอบๆ ตัว และมองไปยังคนที่นั่งร้องไห้ข้างๆ เธอทีละคน

“ท่านพี่! พี่ใหญ่ เว่ยเว่ยลูกแม่เจ้าฟื้นแล้ว…”

สามเสียงของเด็กน้อยและผู้ใหญ่ช่างบีบคั้นหัวใจเหลือเกินทำไมเธอรู้สึกเจ็บปวดเสียใจนะ เธอไม่ได้รู้จักพวกเขาเสียหน่อย

หัวใจของจ้าวเว่ยเว่ยเกิดบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้จนเจ็บแปลบเล็กน้อยและต้องการปลอบโยนคนเหล่านั้นจากใจจริง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีเรี่ยวแรงใด ๆ ที่จะทำเช่นนั้นได้

มีมือมากมายที่ค่อยจับค่อยลูบไปตามเนื้อตัวและแขนขาของเธอเหมือนพยายามจะหาว่ามีบริเวณไหนบ้างที่เธอเจ็บปวดพวกเขาจะได้ช่วยคลายความเจ็บปวดให้ จ้าวเว่ยเว่ยมองไปรอบๆ ห้องที่เธอนอนอยู่อีกครั้ง

สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีเข้มอันมืดมน เธอกะพริบตาเล็กน้อย นี่น่าจะเป็นห้องที่เคยมาเมื่อไม่กี่วันก่อนสินะ? เธอทะลุมิติมาแล้วจริงๆ หรือนี้

ทันใดนั้น ความทรงจำสายหนึ่งก็ค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาในสมองของจ้าวเว่ยเว่ย เหมือนสายน้ำที่ไหลริน ค่อยๆ เติมเต็มช่องว่างที่ว่างเปล่าในที่สุดจ้าวเว่ยเว่ยก็หลับตาและค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภาพความทรงจำที่พร่ามัว ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทีละน้อย เธอมองไปรอบๆ ด้วยความสับสน

จ้าวเว่ยเว่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ คนที่นั่งล้อมเธออยู่

หญิงชราผมสีขาวโพลน นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ บนใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลา ดวงตาที่เคยสดใส ตอนนี้เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ร่างกายของเธอผอมแห้ง เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น บ่งบอกถึงความยากลำบากที่เธอต้องเผชิญมาตลอดชีวิตใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่น ดวงตาแห้งเหี่ยว เต็มไปด้วยความทุกข์

"แม่?" จ้าวเว่ยเว่ยเอ่ยถามเสียงเบา

หญิงชรารีบกุมมือเธอไว้ น้ำตาไหลอาบแก้มนางพยักหน้าแรงและพยายามใช้มือที่หยาบกระด้างนั้นเช็ดหน้าเช็ดตาให้ลูกสาว

"เว่ยเว่ย ลูกรัก ลูกกลับมาแล้ว ลูกฟื้นแล้วฮือฮือ..."

หญิงชราพูดพร่ำ เสียงสะอื้น เต็มไปด้วยความดีใจ จะไม่ให้นางดีใจมากได้อย่างไร เพราะเมื่อสักครู่นั้นนิ้วของนางบังเอิญแตะที่ข้อมือของลูกสาว ในตอนนั้นนางไม่อาจที่จะสัมผัสกับชีพจรของลูกสาวได้แล้ว นางจึงได้ดีใจมากที่ในที่สุดลูกสาวของนางก็ฟื้นขึ้นมา

จ้าวเว่ยเว่ยมองคนที่นั่งล้อมเธออยู่ที่ละคนหญิงชราที่มีผมสีขาวแซมคนนี้คือแม่ของเธอ จ้าวเม่ย ที่นั่งอีกด้านเป็นเด็กชายร่างกายผอมแห้งผมของเขาแห้งกรอบเหมือนฟางข้าว และที่นั่งถัดจากเขาคือเด็กหญิงตัวผอมแห้ง พวกเขาทั้งสองมีใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของเธอได้ และพวกเขาหน้าตาคล้ายกันมากทีเดียวถ้าไม่เห็นว่าเด็กผู้ชายโตกว่าจ้าวเว่ยเว่ยต้องคิดว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดกันแน่นอน

เจ้าเด็กน้อยตาแหลมเห็นดวงตาของจ้าวเว่ยเว่ยลืมขึ้น จึงรีบตะโกนอย่างมีความสุข

“ท่านพี่ ท่านลืมตาแล้ว! ท่านแม่ พี่ใหญ่ฟื้นแล้วเจ้าคะ พี่ใหญ่ลุก พี่ใหญ่ลุกเจ้าค่ะ”

เด็กทั้งสองเมื่อเห็นว่าพี่สาวลืมตาขึ้นมาแล้วพวกเขาก็พุ่งตัวเข้ามากอดร่างของเธอ

เด็กน้อยทั้งสองนั้นสวมใส่เสื้อผ้าเก่าและมีรอยปะมากมายแต่ว่าเท่าที่เธอเห็นมันก็ดูสะอาดสะอานพอสมควรใบหน้ามอมแมมจากการร้องไห้ของพวกเขา ทำให้จ้าวเว่ยเว่ยมองเห็นเพียงดวงตาสีดำกลมโตเปล่งประกายสองดวง ดวงตาทั้งหมดก็เปล่งประกายด้วยความปีติยินดี

หลังจากที่เด็กสองคนกอดเธอจนพอในพวกเขาก็ลุกขึ้นจากร่างของจ้าวเว่ยเว่ย ในที่สุดนางก็มองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างชัดเจน

ไม้ คานไม้ บานหน้าต่างบุกระดาษที่ขณะนี้ถูกปกคลุมด้วยใยแมงมุม ห้องที่อับชื้นและอากาศก็ค่อนข้างหนาวเย็นทีเดียว

“เว่ยเว่ย ลูกรัก เร็วเข้า จิบน้ำอุ่น ๆ เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นเสียก่อน” เสียงอันอ่อนโยนดังก้องอยู่ในหูของนาง จากนั้นก็มีแขนผอมแห้งอันแข็งแรงค่อย ๆ พยุงร่างกายของเธอให้ลุกขึ้นนั่งแล้วยกถ้วยที่ใส่น้ำอุ่นให้เธอจิบ จ้าวเว่ยเว่ยค่อย ๆ หันไปมองผู้หญิงชราที่กำลังพูด

นางไม่ได้เป็นหญิงชราอย่างที่เธอคิด นางเป็นหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี สวมเสื้อลายดอกเก่า ๆ สีน้ำเงินเข้ม คาดผ้ารัดเอวสีเดียวกันไว้รอบเอว กระโปรงผ้าย่นสีดำยู่ยี่ มวยผมเรียบง่ายถูกเกล้าขึ้นที่ด้านหลังศีรษะ ปักปิ่นไม้ในแนวทแยงเพื่อยึดผมให้เข้าที่ แต่น่าจะด้วยความยากลำบากที่ชีวิตต้องเผชิญทำให้นางดูเหมือนหญิงชราคนหนึ่ง นางให้ความรู้สึกของหญิงสาวชาวนาทั่วไป ผิวของนางดูคล้ำ ยิ่งทำงานในทุ่งนาก็ยิ่งทำให้ผิวหมองคล้ำมากขึ้น ฝ่ามือใหญ่และด้านหยาบเป็นผลมาจากการซักผ้าและใช้แรงงาน

แน่แล้วว่าเธอนั้นได้ทะลุมิติมาอยู่ในบ้านยากจนที่น่าสงสารแห่งนี้?

หญิงสาวมองไปที่บ้านอันทรุดโทรม และอับชื้นแห่งนี้อย่างเหม่อลอย

“พี่ใหญ่พี่รอก่อนนะข้าจะไปเอาโจ๊กมาให้ พี่สลบไปนานคงจะหิวข้าวแล้ว เร็วเข้าน้องเล็กมาช่วยพี่รองเร็ว พี่ใหญ่น่าจะหิวแล้ว”

เด็กน้อยทั้งสองส่งเสียงพากันจูงมือออกไปด้านนอก เพียงไม่นานทั้งสองก็ประคองชามเก่ามาถึงเตียงของเธอ ท่านแม่จ้าวเม่ยเมื่อเห็นลูกๆ ทั้งสองนำโจ๊กที่นางทำเอาไว้มาให้พี่สาว นางก็ถอยออกมาและยืนมองพวกเขาไม่นานน้ำตาก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง นางช่างเป็นคนไม่ได้ความจริงๆ ลูกๆ ของนางทุกคนต่างก็มีสภาพไม่ต่างจากขอทานเลย...

“พี่ใหญ่ดื่มโจ๊กก่อนเถอะ พวกข้าช่วยกันเป่าแล้ว มันไม่ร้อนมากแล้ว ดื่มเร็วเข้าพี่ใหญ่จะได้หายเร็ว” เจ้าตัวเล็กเสี่ยวชิงชิงเป็นคนพูดขึ้นมาพลางพยายามช่วยพี่ชายยกชามให้มาถึงปากของพี่สาว

จ้าวเว่ยเว่ยที่ค่อยๆ ก้มลงมองโจ๊กที่ใสจนเห็นก้นชาม และเงยหน้ามองน้องทั้งสองที่ทำสีหน้าเหมือนอยากจะกินด้วยมาก แต่ว่าพวกเขาก็อดทน

“พี่ใหญ่อิ่มแล้วพวกเจ้าเอาไปกินกันเถอะ”

จ้าวเว่ยเว่ยดื่มโจ๊กไป 2-3 คำและผลักออก เพราะเธอเห็นว่าทั้งสองนั้นก็คงหิวเหมือนกันจึงได้ดื่มไปเพียงคำเล็กๆ เท่านั้น

ทันใดนั้นขณะที่เธอกำลังจะล้มตัวลงนอนศีรษะของเธอก็ปวดขึ้นมา

“โอ้ย!”

จ้าวเว่ยเว่ยคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดและเป็นลมไปอีกครั้ง...

***ตรงตามสูตรเป๊ะเลยโจ๊กใส่จนเห็นก้นชามแบบนี้ ยากจนสุดๆ ชัวร์ ****

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel