บทที่ 10 ถูกไล่ออกจากบ้าน
บทที่ 10 ถูกไล่ออกจากบ้าน
“ไล่ออกจากบ้านอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อจ้าวเว่ยเว่ยฟื้นขึ้นมาจากการสลบจ้าวเม่ยก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลูกสาวฟังว่า ทุกคนในครอบครัวตระกูลจ้าวก็ต่างโกรธแค้นนางตบหน้าสะใภ้ใหญ่ และต้องการขับไล่พวกนาง 4 แม่ลูกออกจากบ้านตระกูลจ้าวไปโดยทันที นางจ้าวเม่ยรู้สึกเสียใจและตกใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เธอรู้ดีว่าความใจร้อนของเธอสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวแล้ว แต่ในตอนนั้นที่เห็นลูกสาวนอนอยู่ด้านนอกเหมือนของไร้ค่า ไม่มีใครเหลียวแลเอาใจใส่ ความโกรธก็พลุ่งพล่านจนอดไม่ได้ที่จะลงมือตบสะใภ้ใหญ่ไปหลายฉาด
แม้ต่อมานางจ้าวเม่ยพยายามอธิบายให้ครอบครัวตระกูลจ้าวฟังว่าเธอทำไปด้วยความโกรธและห่วงใยลูกสาว แต่ครอบครัวตระกูลจ้าวก็ไม่ฟัง พวกเขาตัดสินใจเด็ดขาดที่จะขับไล่พวกนางสี่แม่ลูกออกจากบ้านทันที
“แม่ขอโทษนะลูกที่ทำให้พวกลูกต้องลำบากแล้ว"
ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวาย ครอบครัวจ้าวต่างโกรธแค้นนางจ้าวเม่ยที่ลงมือตบหน้าสะใภ้ใหญ่โดยทำเป็นหลงลืมประเด็นที่ว่าทำไม สะใภ้ใหญ่และแม่เฒ่าจ้าวถึงได้เข้ามาค้นหาเงินในห้องของนางจ้าวเม่ย ซึ่งจ้าวเว่ยเว่ยที่เพิ่งฟื้นและตอนนี้เธอก็ได้รับรู้ความทรงจำทั้งหมดของเด็กสาวคนนี้แล้ว ในความทรงจำนั้นครอบครัวนี้ช่างน่าสงสารมากจริง เป็นครอบครัวที่ถูกคนทั้งตระกูลรังแก ตั้งแต่ตอนที่พ่อของเธอเสียชีวิตเมื่อ 3ปีก่อน จากการตกน้ำแล้วหาศพไม่เจอ พวกเขาก็มีชีวิตอยู่ที่นี่เหมือนอยู่ดั่งนรกก็ว่าได้ ตัวเธอและน้องของเธอต้องทำงานอย่างหนักและพวกเธอมักจะถูกตี ถูกทำร้ายเสมอและไหนจะอาหารที่พวกเธอต้องกินของที่เหลือจากพวกเขา ถึงแม้ว่าแม่ของเธอจะเป็นคนที่ทำงานมากที่สุดในบ้านก็ตาม
เมื่อตอนนี้แม่ของเธอบอกว่าคนตระกูลจ้าวต้องการที่ไล่พวกเธอออกจากบ้านทำไมเธอจะไม่ดีใจล่ะ แม้จะยังรู้สึกมึนศีรษะและยังรู้สึกเจ็บปวดจากรอยแผลแต่ภายในใจกลับรู้สึกยินดีที่จะได้หลุดพ้นจากบ้านแห่งนี้เสียที
นางจ้าวเม่ยรู้สึกเสียใจและตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าความโกรธแค้นชั่ววูบจะนำพาหายนะและความลำบากมาสู่ครอบครัวขนาดนี้แล้วต่อไปพวกนางจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ? นางไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้ ตอนที่เจอกับพ่อของเว่ยเว่ยนั้นนางก็พเนจรมากับพวกขายของเร่ ไม่มีบ้านช่องเป็นของตัวเอง นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้นางต้องยอมทนให้คนตระกูลจ้าวข่มเหงรังแก
เพื่อที่จะให้ลูกๆ ของนางนั้นอย่างน้อยก็มีตระกูลอยู่มีบ้านให้พักอาศัย นางจ้าวเม่ยเพียงคิดว่า ถ้านางไม่ต่อต้านและยินยอมทำตามที่พวกเขาต้องการ พวกเขาคงจะไม่ทำอะไรครอบครัวของนาง ไหนเลยจะคิดว่าที่ผ่านมาพวกเขาต่างก็ต้องการที่จะขับไล่พวกนางออกจากตระกูลมาตลอด พวกเขาไม่เคยคิดว่าจ้าวหลีเฉิงที่พวกเขาเก็บมาเลี้ยงเมื่อ 15 ปีก่อนนั้นคือคนในครอบครัวจริงๆ พวกเขาเพียงต้องการแรงงานในบ้านเท่านั้น และยังลำเลิกตลอดเวลาว่าดีเท่าไหร่แล้วที่ให้หลีเฉิงใช้แซ่ จ้าวของพวกเขาด้วย เหตุผลอาจจะเป็นเพราะพี่สามที่กำลังจะสอบเป็นขุนนาง พวกเขาไม่ต้องการให้พวกนางนั้นเกาะติดกับตระกูลของพวกเขานั้นเอง
"แม่ขอโทษลูกนะลูก แม่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรตอนนั้นเห็นลูกนอนอยู่เหมือนของไร้ค่า แม่ตกใจมาก หัวใจแม่แทบจะสลาย รู้สึกโกรธแค้นพวกมันที่ทำร้ายลูกของแม่"
นางจ้าวเม่ยร้องไห้ขอโทษลูกสาวจ้าวเว่ยเว่ยมองนางจ้าวเม่ย เธอมองเห็นความรู้สึกหลากหลายในดวงตาคู่นั้น ทั้งความเสียใจ โกรธแค้น และสิ้นหวัง
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านทำถูกต้องและดีที่สุดแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทำไปเพราะรักลูก ข้าดีใจที่ท่านแม่ปกป้องข้า และความจริงแล้วพวกข้าต้องการที่จะออกจากตระกูลจ้าวเช่นกันเจ้าค่ะ จริงไหมเจ้ารอง น้องเล็ก? "
จ้าวเว่ยเว่ยปลอบใจนางจ้าวเม่ยและหันมามองน้องทั้งสองคนที่ยังนั่งฟังแม่และพี่สาวคุยกันอยู่ เมื่อพี่สาวถามมาพวกเขาต่างก็พยักหน้าอย่างแรง
“ใช่แล้วท่านแม่พวกข้าไม่อยากจะอยู่ที่นี้แล้ว พวกเขาช่างใจร้ายเหลือเกิน ข้าโดนป้าใหญ่ตีทุกวันเลย แม้ว่าข้าไม่เคยดื้อ และทำงานตามที่นางบอกก็ตาม ท่านแม่ดูสิ”
เมื่อพูดเสร็จ เจ้าเล็กจ้าวเย่วชิงก็หันหลังและเปิดเสื้อที่เก่าและเปื่อยเหมือนผ้าขี้ริ้วให้แม่และพี่สาวดู ด้านหลังของเด็กน้อยนั้นบนแผ่นหลังที่ผอมแห้งของนางนั้นมีรอยไม้ขนาดใหญ่อยู่หลายรอย เป็นรอยแดงนูนจ้าวเว่ยเว่ยรู้สึกโกรธแค้นและตกใจ ที่เห็นสภาพน้องสาวของเธอ เด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบทำไมถึงถูกทารุณกรรมเช่นนี้ นางจ้าวเม่ยเมื่อเห็นแผ่นหลังของลูกสาวคนเล็ก มือของนางก็สั่นขึ้นมาอย่างแรง และกำแน่นขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าหากมีใครสั่งเกตในตอนนั้นจะเห็นว่านัยน์ตาของนางนั้นเหมือนมีเส้นสีทองและสีเงินพาดผ่าน เพียงวูบเดียวก็หายไปอย่างรวดเร็ว นางสั่นศีรษะและหลบตาและลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเหมือนพยายามจะควบคุมตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
นางเอื้อมมือมากอดร่างเล็กผอมแห้งที่น่าสงสารของลูกสาวคนเล็กและร้องไห้ออกมาเบาๆ
“แม่ขอโทษนะเจ้าเล็ก แม่ขอโทษที่ไม่อาจจะปกป้องลูกได้ ฮืออออ แม่มันไม่เอาไหนความจริง”
นางจ้าวเม่ยได้แต่โทษตัวเอง
"ท่านแม่พวกเราไม่อยากจะอยู่ที่นี่จริงๆ พวกเราอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ คนตระกูลนี้ไม่สมควรที่ท่านจะต้องมารับใช้พวกเขาหรอก"
จ้าวเว่ยเว่ยพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง ในตอนนั้นเองมือของเธอก็ยกขึ้นแล้วลูบไปที่คอที่ห้อยจี้กระจกอยู่ เมื่อสัมผัสมันทำให้เธอมั่นใจมากขึ้น และเมื่อเธอหลับตาและเพ่งสมาธิเข้าไปก็เห็นว่าของด้านในวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ เต็มพื้นที่ไปหมด จ้าวเว่ยเว่ยลืมตาอีกครั้งและมองไปที่ครอบครัวเล็กๆ ที่น่าสงสารของเธอ เธอไม่กลัวที่พาแม่และน้องๆ ออกไปหรอกนะ ของที่เธอเตรียมมานั้นมันเยอะมากจนกินใช้ทั้งชีวิตก็ไม่หมด แล้วจะมาทนอยู่ในสถานที่โหดร้ายแบบนี้ทำไมกัน
นางจ้าวเม่ยโอบกอดลูกสาวไว้แน่น น้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งคู่แม้จะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนางจ้าวเม่ยและจ้าวเว่ยเว่ยก็รู้ดีว่า นี่คือโอกาสเดียวที่จะหลุดพ้นจากตระกูลนี้
"แม่สัญญาว่าจะดูแลลูกๆ เอง แม่จะไม่ให้ลูกต้องลำบากอีกต่อไป"
นางจ้าวเม่ยสัญญากับลูกๆ ของนาง ตอนนี้นางได้ตัดสินใจแล้วที่จะทำอะไรบางอย่าง จ้าวเว่ยเว่ยโผกอดแม่นางจ้าวเม่ยแน่น พวกน้องๆ ก็ต่างวิ่งมากอดแม่ของพวกเขาด้วยความอบอุ่นจากอ้อมกอดของลูกๆ ทำให้ช่วยปลอบโยนหัวใจที่บอบช้ำของนางจ้าวเม่ยได้
คืนนั้นหลังจากที่แม่และน้องๆ หลับจ้าวเว่ยเว่ยค่อยๆ เปิดประตูและเดินออกมาข้างนอกมอง เธอมองไปที่ประตูครัวของคนตระกูลจ้าว และมุมปากก็ยกขึ้นมาข้างหนึ่ง ในเมื่อพวกเขาร้ายกาจขนาดนี้่ เธอจะออกจากบ้านไปเฉยๆ ได้อย่างไร…หึหึหึ….
เช้าวันต่อมา ครอบครัวจ้าวก็จัดการเก็บข้าวของของนางจ้าวเม่ยและจ้าวเว่ยเว่ย บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและอึดอัด
"พวกเจ้าออกไปจากบ้านนี้ซะ! ถึงอย่างไรเจ้าสี่ก็ไม่ได้เป็นคนในตระกูลจ้าวอยู่แล้วและตอนนี้นางจ้าวเม่ยยังถึงขนาดทำร้ายสะใภ้ใหญ่แบบนี้ต่อไปคงอยู่กันไม่ได้แล้ว”
จ้าวหนานหัวหน้าครอบครัวตะโกนสั่งและที่ยืนอยู่ข้างเขาก็คือแม่เฒ่าจ้าวเมียของเขา หญิงชราจงเกลียดจงชังจ้าวเม่ยและลูกๆ ของนางมาก นางไม่อยากเห็นพวกนางอีกแม้แต่วินาทีเดียว พวกนางต้องการไล่ให้พวกเขาออกจากบ้านในทันที
“เช่นนั้น พวกท่านคิดจะแบ่งสมบัติอย่างไรเจ้าคะ”
จ้าวเม่ยเอ่ยถามออกมาน้ำเสียงนั้นเย็นชาอยู่หลายส่วน เพราะไหนๆ พวกเขาก็ไม่มีความเห็นอกเห็นใจพวกนางแล้ว ทำไมต้องให้ความเคารพอีกล่ะ
หญิงชราร้องเฮอะขึ้นมาเสียงดัง
“แบ่งรึ? ของของสกุลจ้าว แล้วพวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้องให้พวกข้าแบ่งให้ เจ้าสี่ไม่ได้เป็นคนในตระกูลด้วยซ้ำ ดีเท่่าไหร่แล้วที่พวกข้าให้เขาใช้แซ่จ้าวด้วย และตลอดหลายปีที่ผ่านพวกข้าก็ให้พวกเจ้าอาศัยแซ่จ้าวของพวกข้าแล้ว ข้าจะไม่ให้อะไรพวกเจ้าเช่นกันพวกเจ้าจะไปต้องไสหัวออกไปตัวเปล่า!”
บ้านหลังนี้ไม่ใหญ่นัก แม้ทั้งสองคนจะจงใจพูดเสียงเบา ทว่าหลายคนที่ยืนอยู่ไกลก็ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน
จ้าวเว่ยเว่ยส่ายหน้าคนเราจะใจร้ายจนถึงขั้นนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว พวกเขาช่างทำได้ดีเหมือนกันทั้งตระกูลจริงๆ
ขณะนั้นเองหัวหน้าหมู่บ้านที่ถูกจ้าวเว่ยเว่ยให้น้องรองวิ่งออกไปเชิญก็มาถึงบ้านตระกูลจ้าวพอดี
**** น้องไม่ได้ถูกแยกบ้านนะคะ น้องถูกไล่ออกจากบ้านค่ะ แบบนี้ก็ตรงกับความต้องการพอดี แต่ว่าจะออกไปโดยไม่ได้ทิ้งความประทับใจให้คนตระกูลจ้าวสักหน่อยก็คงจะผิดธรรมเนียมแล้วล่ะค่ะ5555