บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 วรยุทธระดับมหาจักรพรรดิ หนึ่งกระสอบ? 

มีแหวนเอลเดน

ดูท่าศิษย์คนนี้ของตัวเองอาจเป็นบุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์ก็เป็นได้นะเนี่ย

“เจ้าไปเลือกที่พักก่อน หลังจะจัดแจกทุกอย่างเสร็จสรรพ ค่อยกลับมาหาข้าที่นี่”จงชิงกำชับหลินเฟิงด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง 

“ขอรับ อาจารย์”

หลินเฟิงก้มคำนับอย่างมีมารยาท ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป

หลังจากหลินเฟิงจากไป จงชิงก็หยิบกระสอบใบหนึ่งมาจากข้าง ๆ แล้วเดินเข้าไปในโรงเก็บของ

ไม่นานนัก หลินเฟิงก็ปฏิบัติตามคำสั่งของท่านเจี้ยน เจอถ้ำแห่งหนึ่งที่ดีเลิศอย่างยิ่ง ซึ่งอยู่ในตำแหน่งของเนตรค่ายพอดี เมื่อบำเพ็ญเพียรในสถานที่ประเภทนี้ ก็พอจะพูดได้เลยว่าลมแรงน้อยจะได้ดอกผลที่สูง 

“โดยรวมแล้วภูอาสน์มู่นี่ก็ถือว่าไม่แย่เลย ไม่มีคนรบกวน จะทำอะไรก็สะดวก ถึงแม้ค่ายกลจะย่ำแย่ แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย ถึงครานั้นหลังจากเอาอัคคีอภินิหารมาให้เจ้าได้แล้ว หลังจากเจ้าสามารถบำเพ็ญเพียร เมื่อปฏิบัติตามคำชี้แนะสั่งสอนของข้า เจ้าจะอยู่เหนือทุกคนในเวลาแรกอย่างแน่นอน รวมไปถึงผู้มีพรสวรรค์สีม่วงนั่นด้วย”

ภายในห้องพัก ท่านเจี้ยนผันเป็นเงาลวงร่างหนึ่งเดินออกมา เส้นผมที่ขาวหงอกขับให้เขาดูเหมือนเทพเจ้าที่จุติลงมาจากสวรรค์ พลางยืนไขว้มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง 

“ขอบคุณท่านเจี้ยนมากขอรับ”

เมื่อหลินเฟิงได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าจึงดูดีใจพลางกล่าวขอบคุณ 

“พอละ ไปพบอาจารย์โชคดีนั่นของเจ้าเถิด”

และในเวลานี้เอง ท่านเจี้ยนก็พูดต่ออีกว่า “ถึงแม้เขาจะช่วยเหลืออะไรเจ้าไม่ได้ ทว่าอย่างไรเสียเขาก็ทำให้เจ้าได้เข้าร่วมภูอาสน์มู่นี่ได้อย่างราบรื่น อีกทั้งอนาคตเจ้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกยาว ต้องอยู่ใกล้ชิดสนิทกันตลอดเวลา เรื่องตีสนิทจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เช่นกัน”

“รับทราบขอรับ ท่านเจี้ยน”

หลังจากหลินเฟิงจัดแจงทุกอย่างเสร็จสรรพ เขาก็เร่งเดินทางไปยังลานบ้านที่เป็นที่อยู่อาศัยของจงชิง

ในลานบ้าน มีหิมะทับถมกันจนหนาตึ้บ

ภายในห้องโถง จงชิงกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้นอน พลางผิงไฟจากเตา 

หลังจากผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนดาราเสวียนโดยตรง ปัจจัยจากสภาพอากาศก็ทำอะไรจงชิงไม่ได้แล้วจริง ๆ 

แต่เมื่ออยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่อากาศหนาวเหน็บจนพื้นดินจับตัวเป็นน้ำแข็ง การไม่ก่อไฟก็เหมือนขาดอะไรบางอย่างไปอย่างไงอย่างนั้น

“อาจารย์”

หลินเฟิงยืนอยู่หน้าจงชิงอย่างเคารพนอบน้อม

“อื้ม” 

จงชิงลืมตาอย่างสะลึมสะลือ ลุกขึ้นนั่งแล้วพูด “ในเมื่อเจ้ากลายเป็นศิษย์ของข้าแล้ว เช่นนั้นข้าที่เป็นอาจารย์ย่อมต้องแสดงความรับผิดชอบอยู่แล้ว”

“ข้าเก็บวรยุทธบางอย่างไว้ในนี้ ฉะนั้นเจ้าเลือกวรยุทธที่ชอบที่สุดแล้วนำไปบำเพ็ญเพียรเถิด”

“เอ่อคือ……”

สีหน้าของหลินเฟิงดูลังเลใจ 

อดขอคำชี้แนะจากท่านเจี้ยนไม่ได้

อย่างไรเสียท่านเจี้ยนก็เคยบอกอยู่ว่า รอให้เขาดูดกลืนอัคคีอภินิหารเสร็จสิ้น ท่านเจี้ยนจักถ่ายทอดวรยุทธวิชาหนึ่งให้เขาด้วยตนเอง ฉะนั้นแท้จริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการวรยุทธที่จงชิงมอบให้แต่อย่างใด

“มีอะไรน่าลังเลใจเล่า แม้นจักไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ก็เป็นความหวังดีของเขาเช่นกัน มากสุดก็แค่ไม่ต้องบำเพ็ญ แต่การเอาใจภายนอกต้องทำให้ถึงเครื่อง”

ท่านเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะพูดอบรมสั่งสอน

“ขอรับ”

หลินเฟิงแอบผงกหัว ก่อนจะมองไปทางจงชิงแล้วพูด “ขอบคุณอาจารย์มากขอรับ”

“อยู่ในกระสอบข้าง ๆ เจ้าเลย เจ้าไปเลือกเองเถอะ”จงชิงใช้นิ้วชี้ไปทางกระสอบที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา 

กระสอบ?

หลินเฟิงผงะไปอย่างอดไม่ได้ 

ถึงแม้เขาอาจจะไม่ต้องการวรยุทธที่จงชิงมอบให้เขา 

แต่ไม่ว่าอย่างไรจงชิงก็มีผลการฝึกตนอยู่ในแดนดาราเสวียนอยู่ คาดว่าวรยุทธที่จะมอบให้เขาก็คงไม่แย่แน่นอน

ดังนั้นจริง ๆ แล้วหลินเฟิงก็รู้สึกตั้งตารอคอยอยู่เล็กน้อยเหมือนกัน

แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าวรยุทธที่จะมอบให้เขากลับถูกเก็บไว้ในกระสอบ นี่จึงทำให้เขารู้สึกเอือมมากจริง ๆ 

อย่างไรเสียวรยุทธที่ถูกเก็บไว้ในกระสอบจะเป็นวรยุทธดี ๆ ได้หรือ 

แม้แต่ท่านเจี้ยนที่อยู่ในแหวนไร้ขารก็อดกลอกตามองบนไม่ได้ 

“ช่างเถอะ ไม่เป็นไร อย่างไรมันก็ไม่มีประโยชน์ต่อเจ้าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธประเภทใดก็ไม่เป็นไร หยิบเป็นพิธีก็พอแล้ว”ท่านเจี้ยนพูดย้ำเตือน 

หลินเฟิงพยักหน้า ก่อนจะโน้มตัวพลางเดินไปทางกระสอบที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเปิดกระสอบอย่างเรื่อยเปื่อย 

อย่างไรก็ตาม 

จากการที่เขาเปิดกระสอบออก ออร่าต่าง ๆ ที่โบราณเรียบง่าย ลึกซึ้งและน่าสยดสยองก็ตีเข้าหน้าเขาทันที

ในขณะเดียวกันรัศมีสีทอง สีแดงและสีสันงดงามต่าง ๆ ที่สว่างจ้าก็ทำให้เขามองอะไรไม่เห็นเลย 

ทำเอาหลินเฟิงตกตะลึงหนักมากจนหน้าถอดสีทันที 

ส่วนท่านเจี้ยนที่เตรียมตัวหลับใหลพักผ่อนครู่หนึ่งก็กระปรี้กระเปร่ากะทันหันเช่นกัน แล้วสบถคำหยาบทันที “เชี่ย”

“วอวอวอวอ……วรยุทธระดับเจ้ายุทธจักร!!!”

ท่านเจี้ยนถึงกับพูดติดอ่างไปเลย เบิกตากว้างพลางเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา 

พอสิ้นเสียงประโยคนี้ ก็มีเสียงกรี๊ดเปล่งออกมาจากลำคอเขา

“ระดับอริยปราชญ์ แม่งยังมีระดับอริยปราชญ์ด้วย!”

“ไม่ใช่สิ คือระระระระดับมหาจักรพรรดิ……”

“แม่เจ้า นี่ข้าไม่ได้อยู่ในความฝันจริง ๆ ใช่ไหม!”

และเมื่อหลินเฟิงได้ยินเสียงอุทานต่าง ๆ ของท่านเจี้ยนที่สะท้อนขึ้นมาในหัว เขาก็ค่อย ๆ ดึงสติกลับมาได้เช่นกัน

ถึงแม้เขายังไม่สามารถเริ่มบำเพ็ญเพียรได้ แต่ท่านเจี้ยนปูความรู้ด้านการบำเพ็ญเพียรให้เขาตั้งนานแล้ว

ดังนั้นเขาจึงเข้าใจดีมาก ๆ ว่าวรยุทธเหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไร 

ต้องเท้าความก่อนว่าวรยุทธที่ท่านเจี้ยนเคยบอกว่าจะถ่ายทอดให้เขา ก็เป็นวรยุทธระดับราชันย์เท่านั้น 

ระดับราชันย์ก็สามารถทำให้คนจำนวนมากแก่งแย่งกันจนเลือดสาดได้แล้ว ยิ่งกว่านั้นคือต่อให้ขายทั้งสำนักเซียนเจียง ก็แลกกับวรยุทธระดับราชันย์ขั้นต้นเล่มหนึ่งไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าระดับเจ้ายุทธจักร ระดับราชันย์ก็เป็นเพียงเศษขยะเท่านั้น 

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับอริยปราชญ์และระดับมหาจักรพรรดิที่อยู่สูงกว่าเลย 

ภายในเวลาชั่วขณะ มือทั้งสองข้างของหลินเฟิงก็กำลังสั่นเทา กล้ามเนื้อทั้งร่างกายบีบแน่นขึ้นมา เขาใช้มือตบหน้าตัวเอง ราวกับกลัวว่าทั้งหมดที่ตัวเองเห็นจะเป็นความฝัน

แต่ความเจ็บปวดที่ส่งตรงมาจากใบหน้าบอกกับเขาว่าเขาไม่ได้อยู่ในความฝันแต่อย่างใด

แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นต่อหน้าเขาจริง ๆ

วรยุทธระดับเจ้ายุทธจักร ระดับอริยปราชญ์และระดับมหาจักรพรรดิจำนวนมากถูกเก็บไว้ในกระสอบใบหนึ่ง แล้ววางอยู่ตรงหน้าเขาจริง ๆ!

“เจ้าหนู รีบเลือก รีบเลือกเล่มหนึ่งสิ!!!”

ท่านเจี้ยนที่อยู่ในแหวนไร้ขารใจเย็นต่อไปไม่ไหวแล้ว อดไม่ได้ที่จะกระโดดออกมาเลือกด้วยตัวเอง 

“เล่มนั้น เอาคัมภีร์ต้าฮวงหวูระดับมหาจักรพรรดินั่น ไม่ใช่สิ เลือกอีกเล่มที่เป็นคัมภีร์มกุฎอัคคีระดับมหาจักรพรรดิ” 

“แล้วก็เล่มนั้นด้วย คัมภีร์ฟ้าดินมหากายานั่นก็เหมาะสมกับเจ้ามากเช่นกัน”

“ช้าก่อน ๆ ๆ เคล็ดมหโคจรบรรพ์นั่นก็ไม่เลวเช่นกัน……” 

วินาทีนี้ ท่านเจี้ยนที่ใช้วิสัยทัศน์ร่วมกับหลินเฟิงมองดูจนตาลายไปหมดแล้วจริง ๆ อันนี้ก็ไม่เลว แต่อันนั้นก็เหมือนจะเหมาะสมกับหลินเฟิงมากกว่า แต่อีกใจก็ไม่อยากทิ้งอีกเล่มหนึ่งไป

และจากการที่ท่านเจี้ยนอุทานอย่างต่อเนื่อง หลินเฟิงจึงวางเล่มนี้ลงไป หยิบอีกเล่มหนึ่งขึ้นมา หยิบเล่มหนึ่งขึ้นมาแต่ก็ถูกใจอีกเล่มหนึ่งมากกว่า 

เหมือนจงชิงที่อยู่ข้าง ๆ จะมองความในใจหลินเฟิงออก

จึงอดอมยิ้มไม่ได้ 

“ในเมื่อชอบทุกเล่ม เช่นนั้นก็เอาไปหมดเลยสิ!”จงชิงย้ำเตือนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา 

“จะ จริงหรือขอรับ?”

หลินเฟิงมองจงชิงด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ

จงชิงผงกหัว

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเฟิงที่อยู่ภายใต้การช่วยเหลือจากท่านเจี้ยนก็ไม่เกรงใจเช่นกัน ก่อนจะเลือกวรยุทธระดับมหาจักรพรรดิที่เหมาะสมกับวิถีเส้นทางของเขามากที่สุด 

“มีความสุขจัง ช่างมีความสุขเหลือเกิน”

“อ๊ากกก……”

“นี่คือวรยุทธระดับมหาจักรพรรดิห้าเล่มเชียวนะ!!!”

ท่านเจี้ยนที่อยู่ในแหวนไร้ขารดีใจจนกระโดดโลดเต้นไปมา ประหนึ่งเขาเป็นผู้ได้รับวรยุทธทั้งหมดนี้ยังไงอย่างนั้น 

ในขณะเดียวกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะย้ำเตือนหลินเฟิงอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าหนู เจ้าจงจำไว้ด้วยว่า นอกจากเจ้าและอาจารย์เจ้าทราบเรื่องที่เจ้ามีวรยุทธระดับมหาจักรพรรดิห้าเล่มนี้แล้ว เจ้าจักเปิดเผยให้ผู้อื่นไม่ได้เด็ดขาด”

“ทันทีที่แพร่งพรายออกไป ผู้คนที่มาช่วงชิงล้วนสามารถทำลายมิติพื้นที่ที่เจ้าอยู่ได้ในนิ้วมือเดียวเลย!”

หลินเฟิงก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเช่นกัน 

แม้นเขาจักยังเด็ก ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจ 

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาโง่ 

จงชิงวางกาน้ำทองแดงที่เต็มไปด้วยน้ำเย็นลงบนเตาไฟด้วยความเคยชิน ก่อนจะหันหน้ากลับมาถาม “เลือกวรยุทธ์ที่ต้องการเสร็จแล้วใช่หรือไม่?”

“เลือกเสร็จแล้วขอรับอาจารย์”หลินเฟิงพยักหน้าแล้วตอบกลับอย่างเคารพนอบน้อม

“อื้ม”

จงชิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็ยื่นมือเข้าไปในกระสอบ หยิบวรยุทธปึกหนึ่งออกมา แล้วโยนเข้าไปในเตาไฟโดยตรง 

ทันใดนั้นเอง ไฟที่อยู่ในเตาก็ลุกโชนขึ้นมาทันที 

ไม่นานนัก ก็เริ่มมีไอน้ำพุ่งออกมาจากกาน้ำทองแดง

“ห๊ะ นี่มันปู้ยี่ปู้ยำของล้ำค่าอยู่ชัด ๆ!”

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ท่านเจี้ยนที่อยู่ในแหวนไร้ขารก็แทบจะเป็นบ้าไปแล้ว เขาที่อยู่ในแหวนไร้ขารเริ่มคำรามตะคอกเสียงดัง 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel