บทที่ 3
เดิมทีฉันคิดว่าน้ำตาของฉันไหลพรากออกมาจนเหือดแห้งแล้ว
แต่ความรักความผูกพันธ์กว่าสิบปี เมื่อเห็นท่าทางของตะวันแล้ว ฉันเองก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดทรมานใจ
ที่จริงแล้วฉันเองก็เข้าใจดี ที่เป็นแบบนี้เพราะตนเองรู้สึกเสียใจ รู้สึกว่าตนเองไม่คุ้มค่าเลย
ฉันไม่เข้าใจว่า ตอนนั้นน้ำฟ้าได้เคยปฏิเสธตะวันไปนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทำไมเขายังคงหลงใหลหมกมุ่นอยู่กับน้ำฟ้าอยู่อีก
หรือว่าสิ่งที่ไม่ได้รับมาโดยง่ายถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างงั้นเหรอ?
ตอนนั้นที่พ่อและแม่ของฉันหย่าร้างกัน ฉันได้ไปอยู่กับคุณแม่ ส่วนคุณพ่อก็แต่งงานใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว และก็ได้ให้กำเนิดน้ำฟ้า
ดังนั้นถึงแม้ฉันกับน้ำฟ้าจะเป็นพี่น้องกัน แต่ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันมากนัก
ทว่าฉันก็เคยได้ยินว่าน้ำฟ้าเองนั้นมีคู่รักที่เหมาะสมกันตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ซึ่งทั้งสองเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก สนิทสนมกันมาก แม้แต่มหาวิทยาลัยก็ยังคงเรียนอยู่ในที่แห่งเดียวกัน
แต่ปัญหาอยู่ที่หน้าที่การงานหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย
น้ำฟ้ามุ่งมั่นตั้งใจที่จะไปเป็นครูอาสาสมัครสอนหนังสือในเขตภูเขา และหล่อนยังได้ขอร้องให้ตะวันไปด้วยกันกับหล่อนด้วย
แต่ตะวันหวาดกลัว เขาทนต่อความลำบากในเขตภูเขาไม่ได้ และก็อยู่ห่างไกลจากพ่อแม่ไม่ได้
ดังนั้นน้ำฟ้าจึงตัดสินใจเลิกรากับตะวัน
ตอนนั้นที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น มีแต่แม่ของฉันได้เล่าให้ฉันฟังในตอนที่หล่อนยังมีชีวิตอยู่
หลังจากที่แม่ของฉันได้เสียชีวิตลง พ่อของฉันก็มารับตัวฉันไปพักอยู่ที่บ้านของเขาช่วงหนึ่ง และฉันก็ได้พบเจอกับตะวันโดยบังเอิญ
ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเขาคือแฟนเก่าของน้ำฟ้า
ต่อมาเขาก็เริ่มตามจีบฉันอย่างกระตือรือร้น ซึ่งฉันเองไม่เคยมีความรักมาก่อน ไม่นานนักความจริงใจของเขาก็เอาชนะใจฉันได้ ฉันจึงยอมตกลงที่จะคบหาดูใจกับเขา
หลังจากที่พวกเราตกลงเป็นแฟนกันแล้ว เขาก็ได้สารภาพเรื่องราวระหว่างเขากับน้ำฟ้าในอดีต
แม้ว่าฉันจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่เมื่อคิดว่าเรื่องของพวกเขาได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ อาจารย์ที่ปรึกษาของฉันรับรู้ถึงอุดมคติของฉัน ก็เลยแนะนำให้ฉันไปยังเขตภูเขาเพื่อทำการสำรวจธรณีวิทยา
ฉันได้ลองสอบถามถึงความคิดเห็นของตะวันอย่างระมัดระวัง กลัวว่าพวกเราจะต้องเลิกรากันเพราะเรื่องนี้
แต่ตะวันกลับผิดแปลกไปจากเดิม บอกว่าพวกเราสามารถรักทางไกลกันได้ เขาจะรอฉันกลับมาเพื่อแต่งงานกัน
ฉันจึงเชื่อมั่นในคำสัญญาที่ว่างเปล่านี้มาโดยตลอด และดำรงชีวิตอยู่ในป่าเขามานานกว่าสิบปี
สุดท้ายก็ต้องมารับผลลัพธ์ที่เจ็บปวดทรมานอย่างที่สุดจากแฟนและน้องสาวต่างแม่ที่ร่วมกันทรยศ
......
หลังจากที่จัดเก็บทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้ว ฉันพบว่าก่อนหน้านี้ฉันได้นำเสื้อผ้าและเครื่องประดับบางส่วนไปไว้ในเรือนหอแต่งงานบ้างแล้ว จึงคิดที่จะไปนำกลับมา เพราะต้องการที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับตะวันลงโดยสิ้นเชิง
เมื่อกลับมาที่เรือนหอแต่งงานอีกครั้ง ฉันก็สะอิดสะเอียนอยากจะอาเจียนออกมาเป็นที่สุด
ขณะนั้น ก็ได้ยินตะวันกับน้ำฟ้าพูดคุยหยอกล้อออดอ้อนกันอย่างร่าเริง
ฉันผลักประตูอย่างเงียบๆ มองเห็นพวกเขาทั้งสองซุกตัวกันอยู่บนโซฟา น้ำฟ้ากำลังเอนนอนอยู่บนอ้อมอกของตะวัน พร้อมกับป้อนผลไม้ให้เขาทาน
น้ำฟ้าป้อนองุ่นเม็ดหนึ่งเข้าใส่ในปากของตะวัน และพูดถามขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “นายว่า หากพี่สาวของฉันรับรู้เรื่องของพวกเราแล้วจะเป็นอย่างไร? อยากที่จะเห็นสภาพท่าทางตอนหล่อนเสียใจเจ็บปวดจริงๆ”
“เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว? พวกเราก็แสดงละครเปลี่ยนตัวเจ้าสาวในงานแต่งงานเลยสิ เพื่อจะได้ฉีกหน้าของเธออย่างรุนแรงไปเลย ให้คุณได้เห็นถึงสภาพท่าทางที่หล่อนต้องอับอายขายหน้า เพราะถึงอย่างไรผมก็ต้องการที่จะแต่งงานกับคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น”
ทั้งสองคนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้นพร้อมกัน
น้ำฟ้าพูดต่อว่า “อย่างนั้นเรือนหอแต่งงานหลังนี้ ก็เป็นของพวกเราสองคนแล้วใช่ไหม?”
“แน่นอน พวกเราได้เคยมีอะไรกันในเรือนหอแห่งนี้ตั้งหลายครั้งแล้ว เป็นของพวกเราอย่างแน่นอน”
“อย่างนั้นฉันจะโยนสิ่งของของหล่อนทิ้งไปให้หมด น่าสะอิดสะเอียนจะตายอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องยุ่งยากหรอก ฉันจัดการเอง”
ฉันแสดงสีหน้าท่าทางเย็นชา พร้อมกับขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขาทั้งสองทันที