บทย่อ
รักทางไกลมาสิบปี ความรู้สึกที่แฟนหนุ่มมีต่อฉันนั้นไม่เปลี่ยน สัญญาว่าจะให้ฉันได้เป็นเจ้าสาวที่มีความสุขที่สุดในโลก ฉันยอมทิ้งงาน กลับมาก่อนล่วงหน้า เพื่อเซอร์ไพร์สเขา กลับเห็นเขาที่ตั้งใจสะสมตั๋วเครื่องบิน1999ใบ จุดหมายปลายทางห่างจากเมืองที่ฉันอยู่ไม่ไกลมากนัก แต่เขาก็ไม่ได้อยากมาหาฉัน ฉันอยากถามเขาต่อหน้า ดันไปเห็นภาพบาดตาบาดใจ ที่น้องสาวกับเขามีอะไรกันบนเตียง "เธอยังไม่เข้าใจอีกหรอ? ฉันรักเธอแค่คนเดียว จะไปแต่งกับหญิงมารยาอย่างดาวเหนือได้ไงกัน?" "คนบ้า ไงซะหล่อนก็เป็นพี่สามฉันนะคะ แต่จะว่าไปแฟนพี่สาวนี่เด็ดจริง" ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน ยกเลิกงานแต่งอย่างไม่คิดอะไรทั้งนั้น ความรักสิบปีก็ถือว่าให้ทานหมาละกัน ทว่าหลังที่ฉันจากไป ตะวันกลับเหมือนหมาบ้า คุกเข่าอ้อนวอนให้ฉันกลับมา
บทที่ 1
ฉันมองดูตั๋วเครื่องบินที่กองทับกันอย่างหนาเตอะพร้อมกับน้ำตาคลอ
สิบปี หนึ่งร้อยยี่สิบเดือน ตั๋วเครื่องบินมีมากถึงหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าใบ
ดังนั้นในช่วงเวลาสิบปีมานี้ ทุกครั้งที่ฉันจินตนาการวาดฝันว่ากำลังจะแต่งงานกับตะวันนั้น ตัวเขากลับอยู่บนเครื่องบินรอคอยที่จะพบเจอกับคนอื่นอยู่
จิตใจของฉันราวกับถูกมีดกรีด น้ำตาไหลพรากยากจะหยุดยั้ง
หลังจากที่เจ็บปวดร้องไห้แล้ว ฉันก็สงบจิตสงบใจลง
ฉันจะไปหาตะวันเพื่อถามให้ชัดเจน หากต้องพ่ายแพ้จริงๆ ฉันเองก็ต้องการที่จะรู้ว่าฉันพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงคนไหน
เมื่อฉันนั่งรถมาถึงเรือนหอแต่งงานของพวกเรา ก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันดังมาจากห้องนอน
“คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ผมรักเพียงแต่คุณเท่านั้น เป็นไปได้อย่างไรที่ผมจะไปแต่งงานกับผู้หญิงที่ย่ำแย่อย่างดาวเหนือนั่น? ”
“ไม่เอาน่า ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นพี่สาวของฉันนะ แต่แฟนของพี่สาวก็ถือว่าค่อนข้างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว”
จากนั้นก็เป็นเสียงครวญครางออดอ้อนของน้ำฟ้า
ฉันตะลึงหยุดชะงักอยู่กับที่ ราวกับถูกฟ้าผ่าลงมากลางคัน
คิดไม่ถึงว่าคนที่แย่งแฟนของฉันไปนั้น จะกลายเป็นน้องสาวที่มีพ่อคนเดียวกันแต่คนละแม่ไปได้!
ฉันคิดถึงเมื่อสิบปีก่อน ตอนที่ตะวันโอบกอดฉันไว้ในอ้อมอกอย่างทะนุถนอม และพูดสาบานว่า “ดาวเหนือ ผมตะวันขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า เมื่อคุณกลับมา ผมจะจัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับคุณอย่างแน่นอน”
ฉันอยู่แดนไกลในบริเวณภูเขาที่มีประชากรเบาบาง การคมนาคมไม่สะดวกเพื่อทำการสำรวจวิจัยทางธรณีวิทยา อดทนต่อความยากลำบากและความคิดถึงมานานนับสิบปี
หลายครั้งที่ต้องประสบกับภูเขาหน้าดินพังทลาย เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ซึ่งที่ฉันรอดชีวิตมาได้นั้นก็เพราะยึดมั่นในคำสาบานดังกล่าวของเขา
ต่างพูดกันว่าจดหมายที่เขียนขึ้นกับมือนั้นคือสิ่งที่โรแมนติกที่สุด ดังนั้นสิบปีมานี้ ฉันได้เขียนจดหมายรักให้กับเขาทุกวัน
จนกระทั่งวันนี้ จดหมายรักจำนวนสามพันหกร้อยห้าสิบฉบับ ก็เหมือนจะกลายเป็นเรื่องตลกขบขันไปเสียแล้ว
น้ำตาของฉัน คล้ายกับน้ำท่วมทะลักหลังจากเปิดประตูระบายน้ำ ไหลพรากออกมาอย่างไม่หยุด จนเปียกปอนจดหมายรักเหล่านั้นไปหมดแล้ว
ฉันโมโหมาก จึงได้โยนจดหมายรักที่เขียนขึ้นด้วยมือของตัวเองทิ้งลงถังขยะ ไปพร้อมกับกล่องใส่จดหมายนั้นด้วย
ก็เหมือนกับว่าฉันได้โยนความรักความคิดถึงของฉันในช่วงเวลากว่าสามพันหกร้อยห้าสิบคืนและวันที่มีต่อเขาทิ้งลงไปทั้งหมด
ภายในห้อง เสียงครวญครางยังคงดังต่อเนื่อง
น้ำฟ้าส่งเสียงร้องครวญครางอย่างลามกอนาจารออกมาเป็นระยะ
“อ่า......เร็วขึ้นหน่อย......แรงขึ้นอีกหน่อย......”
ตะวันแผดเสียงเบาๆ ขึ้นว่า “ที่รัก ผมอยากที่จะตายไปบนร่างของคุณตอนนี้เลย! ”
“แล้วถ้าพี่สาวกลับมาจะทำอย่างไรดีล่ะ? หล่อนคงจะฆ่าฉันแน่เลย! ”
“ผู้หญิงย่ำแย่อย่างนั้น จะไปสนใจหล่อนทำไม ผมยังอยากจะให้หล่อนเห็นกับตาของตัวเองว่า คุณต่างหากที่จะเป็นเจ้าสาวในงานแต่งงานของผม ทำให้หล่อนต้องอับอายเสียหน้าอย่างรุนแรง”
จากนั้นทั้งสองคนก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
ฉันแทบที่จะกัดลิ้นของตัวเองจนเป็นแผลอยู่แล้ว
แต่ฉันรู้ดีว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะแตกหักกับพวกเขา
ฉันอดทนต่อความเจ็บปวดและโกรธแค้นในจิตใจ แล้วก็หันหลังเดินไปจากเรือนหอแต่งงาน
เมื่อออกจากประตู ฉันก็ได้โทรศัพท์ไปหาหัวหน้าสถาบันวิจัยของพวกเรา
“อาจารย์เฉิน ฉันไม่ขอลาออกแล้ว แหล่งสำรวจธรณีวิทยาที่ต่อไป ฉันขอไปร่วมงานด้วย”
“ดาวเหนือ ในที่สุดเธอก็คิดได้แล้วสินะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงโง่เขลาที่ยอมสละหน้าที่การงานเพื่อความรักหรอก พวกเรารอเธอกลับมานะ สถาบันวิจัยมีตำแหน่งงานให้กับเธอเสมอ! ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สภาพอารมณ์ที่ฉันได้ควบคุมเอาไว้เมื่อครูนี้ ก็พลันพรั่งพรูขึ้นอีก ดวงตาอัดอั้นที่จะแดงกล่ำขึ้นไม่ได้อีกแล้ว
ก่อนที่จะร้องไห้ออกมานั้น ฉันจึงรีบตอบรับและขอบคุณอาจารย์เฉิน แล้วก็รีบวางสายโทรศัพท์ลงทันที
ฉันพลันนึกขึ้นได้ว่า ในช่วงเวลาสิบปีที่แยกกันอยู่คนละที่นั้น เมื่อฉันมีโอกาสก็จะโทรศัพท์ไปหาตะวัน บอกกับเขาว่าฉันคิดถึงเขาจนแทบจะบ้าคลั่งแล้ว
แต่ท่าทีของเขานั้นย่ำแย่อย่างมาก บอกว่าฉันก็แค่ดีแต่พูดเท่านั้น
ฉันบอกกับเขาไปว่า ฉันยังได้เขียนจดหมายรักให้กับเขาด้วย ซึ่งจดหมายรักเหล่านี้เป็นสื่อแทนความรักและความคิดถึงของฉันที่มีต่อเขา
แต่เขากลับเยาะเย้ยฉันว่าน่าเบื่อสิ้นเปลืองเวลาอย่างที่สุด
ถึงขนาดที่ว่าฉันเคยเสนอให้เขานั่งเครื่องบินมาหาฉัน แต่เขากลับปฏิเสธอย่างไม่ลังเล และยังว่ากล่าวฉันอีกยกหนึ่งด้วย
เขาบอกว่าเขารับผิดชอบบริหารบริษัทคนเดียวก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว ยังจะมีเวลามานั่งเครื่องบินไปมาที่ไหนอีกล่ะ และยังพูดอีกว่าเขาเมาเครื่องบิน กลัวความสูง ตำหนิฉันว่าไม่คิดคำนึงถึงตัวเขาบ้างเลย
ตอนนั้นฉันตำหนิและโทษตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจอะไรเลยเสียจริง
แต่ตอนนี้ฉันรับรู้ได้แล้วว่า ตอนนั้นฉันโง่เง่ามากขนาดไหน
ในขณะที่ตะวันบอกว่าตนเองเมาเครื่องบินกลัวความสูง กล่าวโทษตำหนิฉันอยู่นั้น ในแทบจะทุกเดือนต้องนั่งเครื่องบินไปหาน้ำฟ้าไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง
พวกตั๋วเครื่องบินเหล่านั้นที่ตะวันตั้งใจเก็บสะสมเอาไว้ ก็คงจะเหมือนกับจดหมายเหล่านั้นที่ฉันได้เขียนขึ้น ซึ่งเต็มไปด้วยความรักและความคิดถึง ก็เพื่อจะต้องการเซอร์ไพรส์น้ำฟ้าเช่นกันใช่ไหม?
ความรักที่ลึกซึ้งของฉันกว่าสิบปี ก็ยังคงไม่สำคัญและเทียบไม่ได้กับความรักที่เพิ่งก่อตัวขึ้นระหว่างเขากับน้ำฟ้าเลยใช่ไหม
ยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันตอนที่ฉันลาออกจากงาน ฉันยังคงตื่นเต้นดีใจอย่างมาก ในตอนที่ได้บอกกล่าวแบ่งปันความสุขที่ฉันกำลังจะกลับไปแต่งงานให้กับเพื่อนในที่ทำงานฟัง
ฉันพูดว่าความรักที่ยืนหยัดบ่มเพาะมานับสิบปีใกล้ที่จะผลิดอกออกผลแล้ว แต่ก็ยังมีเพื่อนที่ดีกับฉันมากนั้นได้เคยกล่าวเตือนกับฉันเอาไว้บ้างแล้ว
พวกหล่อนบอกว่าถึงแม้ความรักและผู้ชายจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่สามารถพึ่งพาอาศัยได้ ผู้หญิงจำเป็นต้องยืนหยัดต่อสู้ด้วยตนเอง ให้ความสำคัญต่อหน้าที่การงานเป็นหลัก
แต่ฉันในเวลานั้น เต็มไปด้วยความต้องการที่จะแต่งงานกับตะวัน รู้สึกว่าฉันกับตะวันยืนหยัดคบหากันมานานนับสิบปีแล้ว ก็คงจะสามารถยืนหยัดด้วยกันต่อไปตลอดชีวิต
ตอนนี้ในที่สุดฉันก็รับรู้ได้แล้วว่า ฉันโง่เขลามากแค่ไหน ไร้เดียงสามากแค่ไหน
ต่างพูดกันว่าคนมักจะเติบโตขึ้นในช่วงเวลาอันรวดเร็ว
เวลานี้ ในที่สุดฉันก็รับรู้และเข้าใจกับตัวเองได้แล้วถึงความหมายของคำพูดนี้
อีกทั้งฉันยังเข้าใจในหลักเหตุผลที่แท้จริงอีกข้อหนึ่งว่า การรู้จักที่จะยอมเสียสละ ก็คือการเติบโตขึ้นอย่างหนึ่งเช่นกัน