สวาทรักคืนแรม บทที่2.จะสนใจสาวเสิร์ฟทำไมเมื่อเจ้าของร้านน่าหม่ำกว่าเยอะ
“ผมเรียนอยู่ เจ้ก็น่าจะรู้นี่ครับ”
“ไม่คิดว่าเด็กเกร็นๆ อย่างเบส โตมาจะใหญ่ได้ขนาดนี้”
สมัยเด็กๆ ผมตัวเล็กจริงๆ ไม่ติดว่าพอผ่านช่วงวัยรุ่นผมจะทะลึ่งโตได้เท่านี้เหมือนกัน
“เจ้ก็ด้วย โตกว่าเก่าเยอะเลยครับ”
ตาผมมองที่จุดกึ่งกลางร่างกาย ไอ้ที่เคยเห็นว่าอวบอัดจนน้ำลายหยด วันนี้ต้องยอมแพ้ ไม่รู้ว่าเจ้หมวยไปอัพไซส์มาหรือเปล่า
“ยังลามกไม่เปลี่ยนนะ ที่เห็นนี่แม่ให้ไม่ ไม่มียัดไส้หรอก”
เจ้หมวยตอบเหมือนอวด ผมกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ กะขนาดไม่ใคร่ถูก รู้แค่ว่าทั้งอวบทั้งใหญ่ หากเป็นของแท้แม่ให้ ก็น่าสนใจมากขึ้นนับเท่าตัว
ผมเบื่อของปลอมแล้วล่ะ สาวๆ สมัยนี้ตีกินเพราะขายของปลอมนี่แหละ ตอนดูมันก็ชวนให้คึกคักหรอก แต่เมื่อได้จับ ได้ขย้ำจริงๆ ของจริงดีกว่าเยอะ
“หยุดหรือไงถึงโผล่มาให้เห็นหน้าได้”
“ครับ ปิดเทอม ท่าทางจะขายดีนะครับ ลูกค้าแน่นเลย”
ผมตอบพร้อมกับชวนคุย
“ลูกค้าขี้หม้อทั้งนั่นแหละ” เจ้หมวยตอบพร้อมกับยิ้มหยัน ลูกค้าส่วนใหญ่มาเพราะหวังอย่างอื่น ซึ่งก็น่าสมเพช แต่ช่วยไม่ได้เธอเองก็ต้องการแบบนั้น เลยปล่อยให้พนักงานของตัวเองหาลำไพ่พิเศษ เงินใครก็อยากได้ แต่บางครั้งก็รู้สึกละอาย
“อย่าคิดมากกครับ...นั่นคือสิ่งที่เขาเลือกแล้ว”
ผมปลอบใจแกนๆ แต่ก็ไม่วายแอบมองเจ้หมวยไปด้วย
“จะมองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นนมหรือไง”
เจ้ผมเป็นคนปากไวมาแต่ไหนแต่ไร ผมยิ้มแหยๆ “นมน่ะเห็นมาเยอะแยะ แต่ไม่เคยเห็นใหญ่เหมือนเจ้นี่ครับ”
“เดี๋ยวนี้กล้าขึ้นนะ กล้าต่อปากฉันด้วย”
“แหม ก็นิดหน่อยครับ”
“ไปนั่งเถอะ พ่อ กับพี่ชายชะเง้อมองคอยาวแล้ว ไปไป๊”
เจ้หมวยผลักอกผม พร้อมกับบุ้ยปากไปที่โต๊ะที่พ่อกับพี่ผมนั่งอยู่ “อ้อ...ตอนกลับแวะมาหาหน่อยนะ อยากคุยด้วย”
ผมไม่ได้ดูสึกไปเอง เจ้หมวยไม่ได้อยาก ‘คุย’ กับผมหรอก สัญชาญาณผมเตือน ตาเจ้แกมองเป้ากางเกงผมตาเป็นมันแบบนั้น แกน่าจะอยาก...มากกว่า
ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างพี่ชาย “รู้ไหมเบส พ่อเฝ้าเจ้แกมาหลายปีแล้วยังไม่ได้แอ้มเลย” เสียงพี่ผมกระซิบบอก ผมหัวเราะเงยหน้ามองพ่อ
“อย่าปากมากน่า เข้าหูแม่มึง วันหลังพ่อไม่พามาแดกเหล้านะโว้ย”
พ่อผมตวาด “ไม่ยักรู้ว่าเบสสนิทกับหมวย”
“นานแล้วพ่อ ตั้งแต่สมัยเรียน” ความจริงมันก็แค่ไม่กี่ปี แต่มันนานสำหรับผม การที่ไม่ได้ใกล้ชิดขวัญใจตัวเอง แต่ผมก็ไม่ได้เหงานะ ช่วงที่ผมเรียม ผมก็ฝึกฝีมือไปพลางๆ ไม่แน่ว่า...คืนนี้ผมอาจจะได้งัดวิชาที่ผมฝึกมา กับใครบางคนที่นี่
เจ้หมวยไม่ได้แวะมาที่โต๊ะของผมเลย เธอเดินดูแลลูกค้า ผ่านไปผ่านมาจนพ่อผมเริ่มฮึกฮัด
“กลับเถอะดึกแล้ว” เลยเที่ยงคืนไปกว่า20นาที ในที่สุดความอดทนของพ่อผมก็หมด จู่ๆ พ่อก็ชวนกลับ พี่ชายผมที่เมาได้ที่ก็ไม่คัดค้าน หลังเช็กบิล คิดค่าเสียหาย พ่อเดินหน้าตึงนำไปก่อน มีพี่ชายผมเดินโซเซตามไป
“กลับกันก่อนเลยนะพ่อ บาส ผมมีธุระ”
ผมรีบบอกและเดินเลี่ยงไปอีกทาง เสียงพ่อตะโกนถามตามหลัง
“ไปไหนวะเบส?”
ผมโบกมือไม่ได้อธิบายเพิ่มขึ้น ผมเดินหลบไปทางด้านหลัง รอจนพ่อกับพี่ออกเดินทางกลับบ้าน ถึงได้เดินย้อนกลับไปหาเจ้หมวย
พนักงานในร้านเริ่มเก็บโต๊ะ ลูกค้าบางตาเหลือแค่โต๊ะหรือสองโต๊ะผมก็ไม่แน่ใจ เจ้หมวยกวักมือเรียกผม ผมเลยหมดความสนใจสิ่งรอบตัว ผมเดินจ้ำอ้าวเข้าไปหา
“รอเก็บของแป๊บนะเบส” เจ้หมวยบอกผมแค่นั้นแล้วก็ผลุบกลับเข้าไปในห้องทำงาน ผมเดินเตร่ไปเตร่มาแถวนั่น จนกระทั่งเจ้หมวยเดินออกมา
เธอเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวแล้ว ไม่ได้ใส่กางเกงรัดรูปให้ผมหัวใจสั่น เปลี่ยนเป็นกางเกงวอร์มหลวมๆ กับเสื้อยืดตัวใหญ่
ในมือเจ้มีขวดเหล้าที่พร่องไปกว่าครึ่งแกหนีบไว้ที่ซอกรักแร้
“ไปกินต่อที่บ้านเจ้ดีกว่า คิดถึง”
คำพูดแฝงความนัยบางอย่าง ผมเดินตาเจ้หมวยไปต้อยๆ เหมือนสมันเด็กไม่มีผิด
บ้านหลังเล็กชั้นเดียว หลังร้านอาหารที่ทำกินของเจ้หมวย เธอพาผมเดินเลยไปถึงห้องนอน พอเจ้แกทิ้งตัวลงนั่ง ผมก็ได้แต่ยืนขาแข็ง