ทำความรู้จัก
ทำความรู้จัก
" เฮ้อออ!! .... ออกงานสังคมมันน่าเบื่อแบบนี้เหรอเนี้ย " เสียงหวานที่จู่ๆก็ดังอยู่ใกล้ๆทำให้เย่วเฟิ่งที่ยืนหลบมุมเสาอยู่หันไปมอง
" งานสังคมก็แบบนี้แหละครับ คุณคงไม่ค่อยได้มาบ่อยก็เลยไม่ชิน " ขายาวก้าวออกจากมุมที่ตัวเองยืนอยู่
" เอ่อ...ขอโทษค่ะ ดิชั้นไม่คิดว่าจะมีใครยืนอยู่ตรงนี้ " ปาลิตาเอ่ยพร้อมกับหมุนตัวเตรียมเดินออกไป
" เดี๋ยวก่อนสิครับ ไหนๆก็ออกมาเพราะเบื่อแล้ว ก็อยู่ต่อสักหน่อยสิครับ "
" ดิชั้นอยากอยู่เงียบๆคนเดียวค่ะ ต้องขอโทษด้วย " หญิงสาวเอ่ยแบบไม่สนใจอีกฝ่าย เธอรู้สึกเหนื่อยที่ต้องพูดทักทายกับคนนั้นคนนี้ตามคำแนะนำของพ่อแม่ ดูก็รู้ว่าวันนี้ท่านทั้งสองมีความสุขแค่ไหน แม่บอกว่านี่เป็นความใฝ่ฝันของท่านที่จะได้พาเธอมาออกงานแบบนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอป่วยเป็นโรคประหลาดมีตุ่มสีแดงขึ้นตามผิวหนัง พอโตขึ้นมาหน่อยตุ่มที่ว่านี้เริ่มหายไปจะเหลือแต่เฉพาะบริเวณใบหน้าเท่านั้น ยิ่งสามปีที่ผ่านมาตุ่มที่เคยเกิดขึ้นเรื่อยๆไม่ผุดขึ้นมาอีกจะเหลือก็แต่รอยแผลเป็นที่อยู่บนใบหน้าเท่านั้น
" คิดซะว่าผมเป็นเสาไฟหรืออะไรก็ได้นะครับ ผมจะยืนอยู่เงียบ ๆ " คำพูดของชายหนุ่มทำให้ปาลิตานึกขำ รูปร่างของเขาก็เหมือนอยู่หรอกนะ...เสาไฟน่ะ ในเมื่อเธอยังไม่อยากกลับเข้าไปในงานตอนนี้และคนที่ยืนอยู่ก็ไม่ได้มีท่าทีคุกคามเธอแต่อย่างใด ปาลิตาจึงเลือกที่จะยืนอยู่ที่เดิม
เย่วเฟิ่งหันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่เหม่อมองออกไปข้างหน้า สักพักเขาก็หันใบหน้าไปตามสายตาของเธอบ้าง เขาเลือกที่จะยืนอยู่เงียบๆตามคำพูดของตัวเอง ใบหน้าคมแหงนขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิด ในเวลาเช่นนี้หากเป็นที่บ้านของเขาคงจะได้เห็นแสงดาวระยิบระยับอยู่เต็มท้องฟ้าแล้ว แต่ที่นี่เป็นเมืองหลวงซึ่งมีแสงไฟจากบ้านเรือนและท้องถนนมากมายทำให้ไม่สามารถมองเห็นดาวบนท้องฟ้าได้
" เสียดายจังที่ที่นี่ไม่มีดาวให้มอง " จู่ๆคนที่บอกอยากยืนอยู่เงียบๆก็เอ่ยขึ้น เขาและเธอต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง...เขากำลังคิดถึงแสงดาวที่บ้านของเขาที่เมืองจีนอยู่เลย จู่ๆเธอก็พูดถึงดาวบ้าง...ท่าทางเธอจะเป็นคนชอบดูดาวเหมือนเขา
อย่างว่าเธอไม่ใช่เมธิญา...
เมธิญาไม่ชอบดูดาว....เหตุผลเพราะท้องฟ้ายามค่ำคืนมันดูเศร้า
" ครับ...คงเพราะที่นี่เป็นเมืองหลวงมีแสงไฟส่องเต็มไปหมดเราก็เลยมองไม่เห็นดวงดาว แต่เวลานี้ถ้าเป็นที่บ้านของผมมีเต็มท้องฟ้าเลยล่ะครับ "
" บ้านของคุณ ? "
" ครับบ้านของผม ที่เมืองจีนน่ะครับ "
" อ๋อ... คงสวยมากน่าดูเลยนะคะ " ปาลิตาพยักหน้า เธอหันมามองเขาเล็กน้อยก็หันกลับไปมองทางเดิม ท่าทางสบายๆของเขาทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย สายตาของเขาไม่ได้มองเธอเหมือนที่ผู้ชายคนอื่นๆในงานใช้มองเธอ
" ครับสวยมาก ท่าทางคุณจะชอบดูดาวนะครับ " เย่วเฟิ่งหันไปมองหญิงสาวที่กำลังยืนยิ้มแหงนหน้ามองท้องฟ้าอยู่
" ค่ะ ดิชั้นชอบดูดาว " ปาลิตาตอบคนข้างๆแต่กระนั้นใบหน้าของเธอยังคงจ้องมองที่ท้องฟ้าอยู่เช่นเดิม แขนเรียวยกขึ้นกอดอกตัวเองเพราะรู้สึกหนาวจากอากาศที่เริ่มเย็นลง
" คุณคงจะหนาวแล้วเอาเสื้อของผมไปใส่ก่อนมั้ยครับ " เย่วเฟิ่งที่ยืนมองอยู่เอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวกอดอกตัวเอง
" ไม่...ไม่ดีกว่าค่ะ ดิชั้นกำลังจะกลับเข้าไปในงานแล้ว ขอบคุณนะคะ " ปาลิตารีบปฏิเสธเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะถอดเสื้อมาให้เธอจริงๆ หญิงสาวหมุนตัวหันหลังให้เขาทันทีเมื่อพูดจบ
" เดี๋ยวก่อนสิครับ...คุยกันมาตั้งนานเรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยนะครับ ผมจางเย่วเฟิ่งครับ "
" ..... " ปาลิตายืนนิ่งฟังคนที่ตัวเองหันหลังให้พูดจนจบ ในใจที่เงียบสงบก่อนหน้าตอนนี้เหมือนมีอะไรเข้ามาวิ่งวุ่นวายอยู่เต็มไปหมด
" ยินดีที่รู้จักค่ะ ดิชั้นปาลิตา เอ่อ...ออกมานานแล้วเดี๋ยวยังไงดิชั้นขอตัวเลยนะคะ " ปาลินหันกลับมาหาชายหนุ่มอีกครั้งเธอเลือกที่จะทำความรู้จักเขา แต่เมื่อคิดว่าไม่ควรที่จะพูดอะไรให้มากไปกว่านี้หญิงสาวจึงรีบบอกลาและเดินกลับเข้าไปในงาน
เย่วเฟิ่งยืนมองแผ่นหลังบางของหญิงสาว เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อสักครู่เขาดีใจและตื่นเต้นมากแค่ไหนที่ได้ยืนใกล้เธอ เธอคนนี้ที่มีใบหน้าเหมือนกับคนรักเก่าของเขา คนรักที่เขาไม่เคยลืมแม้จะเป็นฝ่ายบอกเลิกและทิ้งเธอมาก็ตาม
ร่างใหญ่ยืนอยู่เงียบๆคนเดียวไม่นานโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น เย่วเฟิ่งขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ นี่อาเหลียงทำงานได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ...ความจริงลูกน้องคนนี้ปกติก็ทำงานได้รวดเร็วอยู่หรอก แต่เรื่องที่เขาสั่งให้ทำมันรวดเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ
" ว่าไง "
" นายครับ...คุณเมธิญาตายแล้วครับ " คำบอกเล่าของลูกน้องคนสนิททำให้คนที่ยืนถือโทรศัพท์อยู่นิ่งอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
" นาย...นายครับ " เสียงจากปลายสายทำให้เขาเริ่มได้สติ
" อาเหลียง ...เมื่อกี้นายบอกว่าอะไรนะ "
" ผมบอกว่าคุณเมธิญาผู้หญิงที่นายให้ผมตามหาตัวตอนนี้เธอเสียชีวิตแล้วครับ ความจริงเธอเสียไปตั้งแต่สองปีที่แล้วครับนาย "
" เป็นไปไม่ได้....เป็นไปไม่ได้ เมย์ อาเหลียงนายแน่ใจใช่มั้ย " เย่วเฟิ่งไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ลูกน้องคนสนิทบอก
" ถ้าเป็นคุณเมธิญา เอ่อ...คนรักเก่าของนาย ก็เอ่อ...เธอตายแล้วจริงๆครับ ผมพึ่งตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลที่รักษาเธอก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเมื่อสักครู่นี้เองครับ ที่นั่นยืนยันชื่อนามสกุลและรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับคุณเมธิญาว่าเป็นคนคนเดียวกันจริงๆครับ "
" .... " สิ่งที่ได้ยินทำให้คนที่ได้ฟังแทบไร้เรี่ยวแรงที่จะยืน เสียงของคนปลายสายดังขึ้นเป็นระยะๆแต่เวลานี้เย่วเฟิ่งไม่มีกระจิตกระใจที่จะรับฟังหรือพูดอย่างอื่นอีก น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่คิดจะให้ใครเห็นไหลเต็มสองแก้ม มือหนายกขึ้นลูบใบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เขายืนร้องไห้อยู่ที่เดิมเงียบๆคนเดียว โดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครคนหนึ่งยืนแอบมองตัวเองอยู่
ปาลิตายืนมองชายหนุ่มที่ตัวเองพึ่งเดินเลี่ยงออกมาอยู่อีกฝั่ง ตอนแรกเธอคิดที่จะเดินกลับเข้าไปในงานแต่เพราะสายตาคู่นั้นทำให้เธออยากจะมองเขาอยู่เงียบๆในมุมของเธอ หญิงสาวเห็นเขายืนอยู่ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาพอเห็นเขากดรับสายและพูดคุยอยู่สักพักอาการของเขาก็เป็นอย่างที่เธอเห็น
เขาร้องไห้...มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ เรื่องอะไรกันนะที่ทำให้เขาร้องไห้ เย่วเฟิ่งคนที่เธอเคยรู้จักไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครหรือเรื่องอะไรเลยนี่ ...