บท
ตั้งค่า

2.เกือบไม่ได้หมั้น

EP2.เกือบไม่ได้หมั้น

สองวันถัดมา

งานหมั้นกำลังจะถูกจัดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เอมิกายืนหน้าแดงอยู่คนเดียว หลังจากที่มาถึงบ้านหลังโตของว่าที่คู่หมั้นได้สักพัก หัวใจดวงเล็กก็เต้นถี่รัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เพียงแค่คิดว่าเขาจะต้องสวมแหวนให้เธอ เอมิกาก็ใจสั่นรอเสียแล้ว เธอไม่เคยเข้าใกล้เขาขนาดนั้นมาก่อนเลย หญิงสาวพลางคิดไปต่างๆนาๆว่าหากถึงตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา เธอควรจะต้องยิ้มแบบไหนส่งไปให้คู่หมั้นดี

“มายืนทำอะไรตรงนี้จ๊ะลูกสาวแม่” อัญญาเดินเข้ามาหาลูกสาวที่อยู่ในชุดสีชมพูสวยสดใส

“มี่ตื่นเต้นค่ะแม่ ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีตอนอยู่ใกล้พี่มาร์ค” หญิงสาวตอบออกมาแบบไม่คิดจะปกปิด เพราะเธอสนิทกับมารดามาก ถึงขั้นคุยกันได้ทุกเรื่อง

“โธ่…ลูกสาวแม่ แค่ทำหน้าสวยๆเอาไว้นั่นแหละลูก ไปด้านในกันเถอะ เดี๋ยวอีกหน่อยพี่เขาก็มาถึงแล้ว”

“ค่ะแม่”

เอมิกาตอบรับมารดาก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าข้างในไปด้วยกัน ฤกษ์ดีของการหมั้นหมายในเช้านี้ก็คือตอนที่เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลข 09.09 น. ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวก็จะถึงพิธีหมั้นหมายแล้ว

ทุกคนนั่งรออยู่ในห้องรับแขกกันอย่างใจจดใจจ่อ เหลือแต่เพียงเจ้าบ่าวเท่านั้นที่ยังไม่โผล่หน้ามาในตอนนี้ งานที่จัดขึ้นเป็นงานแบบภายใน ซึ่งมาเรียมก็ไม่ได้เชิญใครเลย มีแต่ครอบครัวของฝั่งบ่าวสาวเท่านั้น มาติเนสกับนาริกาก็มาร่วมด้วย ทั้งสองอาสาช่วยถ่ายรูปให้ในวันนี้ ส่วนมารีน่าบินกลับมาไม่ทัน และเจ้ามาร์ตินตัวแสบก็ติดงานด่วนอยู่ที่เกาะอันดารา

“เป็นไงครับแม่? น้องรับโทรศัพท์ไหม” มาติเนสเอ่ยถามมารดาที่กำลังยกโทรศัพท์แนบหูด้วยท่าทางร้อนใจ

มาเรียมพยายามโทรตามมาร์โคอยู่หลายสายแล้ว แต่ลูกชายของนางไม่มีท่าทีว่าจะรับสายเลย เหลืออีกครึ่งชั่วโมงก็จะถึงฤกษ์สวมแหวน ถ้ามาร์โคไม่โผล่หน้ามา นางคงรู้สึกแย่และทางบ้านของเอมิกาจะต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ

“ไม่เลยตาเนส แม่จะทำยังไงดี ปกติตามาร์คเป็นคนมีความรับผิดชอบจะตายไป” มาเรียมเอ่ยพึมพัมออกมา นางไม่อยากจะเชื่อว่ามาร์โคจะไม่อยากหมั้นจนถึงขั้นจงใจล้มงานนี้

“ใจเย็นๆครับแม่ น้องต้องมาทันแน่” มาเฟียหนุ่มเอ่ยปลอบมารดา เขามั่นใจในตัวน้องชายว่ามีความรับผิดชอบมากพอ

สิบนาทีผ่านไป…..

เอมิกาเริ่มมีสีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด อัญญาเลื่อนมือมากุมไหล่ของลูกสาวที่นั่งรอเจ้าบ่าวอยู่บนพื้นพรหมด้วยความเข้าใจ หากมาร์โคจะไม่มาในในวันนี้จริง…นางก็คงจะโกรธหลานอยู่นิดหน่อย แต่ถ้าถามว่าจะโกรธเพื่อนรักของตัวเองไหม ก็คงไม่ถึงขั้นนั้น….คนไม่รักกัน จะไม่อยากหมั้นก็คงไม่แปลก แต่ลูกสาวของนางนี่สิ รักเขาไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมัน

สิบนาทีสุดท้าย….ก่อนถึงฤกษ์หมั้น

“เฮ้อ….มีมี่ลูก ป้าต้องขอโทษจริงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น” มาเรียมหันไปเอ่ยกับหลานสาวสุดที่รักด้วยความรู้สึกผิดจับใจ การพาคนตัวเล็กมานั่งรอเก้อแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย เเต่ทว่า….มาเรียมยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น

เจ้าของร่างสูงร้อยแปดสิบแปดเซ็นติเมตรก็เดินย่างกรายเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเรียบนิ่ง สีหน้าของเขาไม่แสดงอาการใดๆออกมาเลย ถึงแม้จะไม่ได้นอนมาหนึ่งวันเต็มก็ตาม

“ผมขอโทษที่มาช้าครับ” มาร์โคค่อยๆเดินเข้ามานั่งข้างว่าที่คู่หมั้นของตัวเอง ท่ามกลางความตกตะลึงของคนอื่นๆ และความโล่งอกของมาเรียม

“ผมมาทันใช่ไหม” เมื่อทุกคนเงียบกันไปหมด เพราะมัวแต่ใจหายใจคว่ำ คนที่พูดน้อยที่สุดจึงเอ่ยถามออกมา

เอมิกาเองก็พูดไม่ออก เหมือนเธอถูกกระชากขึ้นมาจากความทุกข์ระทม ความรู้สึกเศร้าสร้อยเมื่อครู่ จางหายไปในพริบตา เมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่เธอตามกรี๊ดอยู่ในใจมานานหลายปี จริงๆเธอตามดูเขาจากเพจเฟสบุ๊คของโรงพยาบาล เพราะมาร์โคไม่ได้เล่นโซเชียลใดๆเลยด้วยซ้ำ

“เอ่อ…ทันสิลูก เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าบ่าวมาแล้ว ก็สวมแหวนให้น้องได้เลยลูก ถึงฤกษ์พอดีเลย”

“หยิบแหวนไปสวมให้น้องสิตามาร์ค” มาร์โคค่อยๆหยิบแหวนหมั้นที่เป็นเพชรรูปหัวใจขึ้นมาก่อนจะเอื้อมมือหนาไปจับมือบางเอาไว้มั่น

เอมิการู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเป็นระยะ เพราะตอนนี้สายตาคมเข้มที่แสนจะดุดันกำลังจ้องมองเธออยู่ไม่วางตา ทำเอาเธอประหม่า หญิงสาวเลื่อนมือไปหยิบแหวนวงใหญ่ขึ้นมาด้วยความสั่นเทาเล็กๆ มาร์โคเองก็ได้แต่นั่งมอง เขาเห็นทุกปฎิกิริยาของคนตรงหน้า แต่ก็เลือกที่จะเมินเฉย อย่างที่รู้ดีว่าเขาไม่ได้อยากจะหมั้นกับคนข้างๆมาตั้งแต่แรก ก็เลยไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใดๆกับหญิงสาวคนนี้

แค่เขามาเข้าพิธีหมั้นได้ทันเวลาก็ดีเท่าไหร่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาเกือบหลงลืมว่าวันนี้เป็นวันอะไร เมื่อวันก่อนเขาเเลกเวรกับหมอสาธิต กว่าจะได้ออกเวรก็ปาไปแปดโมงเช้า กลายเป็นว่าตั้งแต่เช้าของเมื่อวานลากยาวมาถึงวันนี้ ร่างกำยำยังไม่ได้พักผ่อนใดๆเลยแม้แต่น้อย

“เอาล่ะ วันนี้ต้องขอโทษอัญญากับคุณมานัสด้วยนะคะที่ปล่อยให้รอนาน แล้วก็หนูมีมี่ด้วยน๊ะจ๊ะ ใช่ไหมตามาร์ค” มาเรียมเอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม แต่ประโยคสุดท้ายที่นางวกกลับมาหาลูกชาย กลับฟังดูดุดันจนน่าเกรงขาม

เกือบงามไส้แล้วไหมล่ะ

“ครับ เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินนิดหน่อย ผมแลกเวรกับหมอในโรงบาล ก็เลยทำให้กะเวลาคลาดเคลื่อน” มาร์โคบอกไปตามความจริง ถึงจะไม่ได้เต็มใจหมั้น แต่เขาก็ไม่อยากให้แม่มีปัญหากับเพื่อนสนิท

“ไม่เป็นไรเลยมาร์ค อาสบายๆ นั่งคุยกับมาร์คัสก็สนุกดี” มานัสเอ่ยออกมาสีหน้าเปื้อนยิ้ม เขาเองไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรกับเรื่องนี้ ปล่อยให้พวกเมียๆจัดการกันไปเองน่าจะดีกว่า

“ครับคุณอา” สายสูงเบือนหน้าไปหาคู่หมั้นหมาดๆที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ไม่ลดละสายตา

เอมิกาเมื่อเจอเขามองกลับก็สะดุ้งเล็กน้อย เธอมัวแต่ดีใจที่รู้ว่ามาร์โคมาสายเพราะติดงาน เธอเกือบคิดว่าเขาอยากยกเลิกงานหมั้นก็เลยตัดสินใจมาช้าเสียแล้ว

“เอาล่ะ ไหนๆก็หมั้นกันแล้ว งั้นเราปล่อยให้เด็กๆทั้งสองไปทำความรู้จักกันสองต่อสองดีไหมคะ”

“ตามาร์คพาน้องออกไปทานข้าวสักมื้อนะลูก ต่อจากนี้เราต้องทำความรู้จักกันไว้ให้มากๆนะ” มาเรียมยิ้มออกมาอย่างชอบใจในความลื่นไหลของตัวเอง

“ครับ” เขายอมตอบรับมารดาโดยง่าย เพราะตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะมานั่งพูดคุยกับใครต่อ

ตั้งแต่เมื่อวานเขายังไม่ได้พัก มาร์โคเพียงอยากจะทำทุกสิ่งในวันนี้ให้มันรีบๆจบสิ้นไปเสียที เขาจะพาคู่หมั้นของตัวเองไปทานข้าวข้างนอกตามที่มารดาต้องการและหลังจากนั้นเขาจะกลับไปนอนพักผ่อนให้สมใจ

เอมิกาส่งยิ้มแห้งๆไปให้ร่างสูง ตั้งแต่งานเริ่มจนจวบจะจบงานเธอยังไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลยสักคำ มองหน้าเธอเพียงเสี้ยววิ เขาก็เดินนำเธอออกไปด้านนอกเสียแล้ว เอมิกาจึงรีบบอกลาผู้ใหญ่แล้วเดินตามเขาไป ต่อจากนี้เธอมีโอกาสทำคะแนนแล้ว อย่างวันนี้คุณป้าก็รู้งาน สามารถทำให้เธอได้ออกไปทานข้าวกับเขาสองต่อสองได้สำเร็จ

“ฟู่ว” หญิงสาวพ่นลมหายใจลดความประหม่าออกไปก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในนั่งในรถเก๋งคันหรูด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

“วันนี้เราจะทานอะไรกันดีคะพี่มาร์ค” เธอหันไปถามเขาอย่างอารมณ์ดี ผิดกับอีกคนที่ทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีความรู้สึกใดๆ

“อยากกินอะไร” เห็นแบบนั้นเขาก็มีมารยาทมากพอที่จะถามเธอกลับ เพียงประโยคสั้นๆก็ทำให้ร่างบางรู้สึกใจชื้นขึ้นมาได้มากมายเหลือเกิน

“อะไรก็ได้ค่ะ ที่พี่มาร์คชอบกิน มี่ทานได้หมดเลยค่ะ” เธอยิ้มจนตาหยีส่งกลับไปให้เขา คุณหมอหนุ่มหันมามองร่างเล็กอยู่แวบนึงก่อนที่เขาจะตั้งใจขับรถต่อ

อะไรจะดีใจขนาดนั้น…

“อืม”

ตอบกลับเพียงเท่านั้นเขาก็เลือกเส้นทางที่จะไปยังร้านที่ตัวเองต้องการ ในเมื่อเธอคิดว่าการเข้ามานั่งในใจของเขามันง่ายนัก เขาก็จะทำให้เธอได้รู้ว่าเธอคิดผิด ผู้ชายอย่างมาร์โคคือคนที่ไม่เคยรักใครและเขาไม่อยากรัก เพราะความรักมันทำให้จิตใจของคนวุ่นวาย เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเด็กคนนี้จะทนตามตื๊อเขาได้ถึงเดือนไหม

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงร้านอาหารข้างทางที่ดูเป็นร้านอาหารอีสานธรรมดาๆ เอมิกาได้แต่นั่งกระพริบตาปริบๆด้วยความแปลกใจ มันเกินคาดของเธอไปมาก ไม่คิดว่าท่าน ผอ แห่ง Must Hospital จะพาเธอมาจอดแวะทานอาหารอีสานที่ดูแซ่บสุดๆแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเอมิการังเกียจอะไร อาหารแบบนี้เธอก็พอเคยกินมาอยู่บ้าง แต่ที่แปลกใจที่สุดก็คือคุณหมอที่น่าตาดูฝรั่งอย่างเขากำลังจะพาเธอไปนั่งจกส้มตำนี่แหละ

“ลงได้แล้ว ฉันหิว” ตอนนี้มาร์โคไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาว่าจบก็เดินดุ่มๆลงรถไปเลย

ใช่ว่าเขาจะทานอะไรแบบนี้บ่อย นานๆทีถึงจะเลือกกิน แต่ที่เขาพาเธอมาร้านนี้ในวันนี้ก็เพราะอยากหาเรื่องทำให้เธอไม่ชอบ หรือรำคาญจนทนไม่ไหวเท่านั้นเอง แม่ของเขาเลี้ยงเขามาด้วยอาหารไทยตั้งแต่เด็กๆ ขนาดบิดาที่เป็นฝรั่งจ๋ายังทานอาหารไทยฝีมือมารดาจนชินไปแล้ว นับประสาอะไรกับเขา ถึงแม้จะไม่ชอบทานเผ็ดมาก แต่ทุกอย่างในร้านนี้เขาทานได้ทั้งหมดนั่นแหละ

เอมิการีบวิ่งตามร่างสูงลงมาภายในร้าน ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนผืนน้ำ มันเป็นคลองที่อยู่ข้างถนน ร้านถูกสร้างมาจากไม้ทำเป็นแพ ที่นั่งไม่มีเก้าอี้มีแต่โต๊ะเอาไว้วางอาหารต้องนั่งพื้นเอา ซึ่งนั่นสร้างความลำบากให้ร่างนุ่มนิ่มเป็นอย่างแรก เพราะเธอใส่กระโปรงมาเวลานั่งกระโปรงจึงรั้งขึ้นมาด้านบนทำให้เห็นขาอ่อนของเด็กสาวโผล่พ้นออกมา

“รับอะไรดีคะ”

“จะกินอะไร” เขาหันมาถามเธอ ในขณะที่ร่างบางกำลังนั่งแบบเก้ๆกังอยู่

“อะไรก็ได้ค่ะ รบกวนพี่มาร์คสั่งให้หน่อยนะคะ” ตอนนี้เอมิกากำลังไม่มั่นใจกับท่านั่งของตัวเอง เธอจึงไม่มีอารมณ์จะสั่งอาหาร

มาร์โคเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาหันไปสั่งอาหารกับพนักงานอย่างคล่องแคล่ว

“เอาคอหมูย่างหนึ่งที่ ตำไทยหนึ่ง ต้มแซ่บกระดูอ่อนหนึ่ง แล้วก็ หมูกรอบคั่วพริกเกลือหนึ่งครับ ทุกอย่างขอแบบไม่เผ็ดนะ”

เอมิกานั่งนิ่งฟังเขาสั่งอาหารอย่างชำนาญ เรียกได้ว่าไม่ต้องมองเมนูมาร์โคก็นึกเมนูอาหารขึ้นมาได้เลย อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้เขากำลังหิวมากๆอยู่นั่นแหละ ตั้งแต่ออกเวรมาก็ยังไม่ได้ทานอะไร ต้องรีบกลับบ้านไปสวมแหวนให้กับคนแถวนี้

“พี่มาร์คสั่งคล่องมากเลยนะคะ ชอบทานร้านนี้เหรอคะ” เธอยิ้มถามออกไปอย่างมีความสุข เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ออกมาทานข้าวกับเขาแค่สองคน ไม่ว่าจะเป็นร้านไหนเธอก็ชอบทั้งหมด

“ก็ไม่เชิง นั่งรออยู่นี่” พูดจบมาร์โคก็ลุกออกไป สร้างความงุนงงให้ร่างบางอยู่ไม่น้อย

“หื้อ…ไปไหนของเขา” เธอมองตามหลังเขาไปแต่ก็ไม่ได้มองจนสุดทาง ร่างบางหันมาสนใจสิ่งรอบข้าง ตอนนี้มีลมพัดโชยไม่ทำให้เธอรู้สึกเย็น ไม่น่าเชื่อว่าบรรยากาศข้างร้านจะดีขนาดนี้

“เย็นดีจัง….”

พรึ่บ!

เสื้อคลุมตัวใหญ่ถูกโยนลงมาบนตักของเอมิกาทันทีที่มาร์โคเดินกลับเข้ามา เมื่อครู่เขาเห็นเธอนั่งไม่สะดวก เลยเดินกลับไปรถเพื่อหยิบสิ่งนี้มาให้ แต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเขามีใจเชียวนะ เขาแค่เป็นสุภาพบุรุษเท่านั้นเอง

“คลุมไว้”เขาบอกเมื่อเห็นเธอทำหน้างง

เอมิกาค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาเมื่อรับรู้ได้ถึงความใส่ใจของคนตรงข้าม ถึงแม้ว่าเขาอาจจะทำไปเพียงเพราะเห็นใจมนุษย์ผู้หญิงอย่างเธอ แต่นั่นมันก็เป็นสัญญาณที่ดีแล้วสำหรับการเริ่มเข้าหาเขา

“ขอบคุณค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel