ตอน 3 ความรู้สึกนี้คืออะไร
พลอยดาว
ฉันกำลังแต่งตัว เพื่อที่จะไปงานเลี้ยง วันนี้ฉันใส่ชุดเดรสสีขาว มันเป็นสีโปรดของฉัน หลังจากที่ฉันทบทวนตัวเองมาหลายชั่วโมง มันก็ทำให้ความเสียใจของฉันเบาบางลง แต่ก็นะ ยังไงก็เสียใจอยู่ดี
“สวยแล้วครับเจ้าหญิง”
เสียงที่ดังมาจากด้านหลังก็พบว่าเป็นเฟียส เฟียสเป็นเพื่อนของฉัน เป็นตำรวจหนุ่มที่หล่อคมเข้มมาก ๆ แต่ว่านี่มันห้องแต่งตัวฉันนะ เขาเข้ามาได้ยังไง
“นี่อย่ามองเหมือนฉันเป็นคนโรคจิตยังนั้นสิ ฉันเห็นเธอแต่งตัวนานก็เลยขึ้นมาตามก็เท่านั้น” -3-
“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ นายร้อนตัวทำไม ฮั่นแน่ คิดอะไรกับฉันหรือเปล่า หนุ่มน้อย...”
ฉันพูดเสียงล้อเลียน อย่าแปลกใจฉันมักจะพูดแบบนี้กับคนที่สนิทจนพวกนั้นชินแล้วล่ะ
“นี่สายแล้ว ไปกันสักที”
“อุ้ย!! หน้าแดง ฮั่นแน่เขินหรอ....”
“เปล่าสักหน่อยไปกันได้แล้ว!!”
เฟียสเดินนำฉันไป แหมทำเสียงเข้มเชียวฉันรู้น้าว่านายเขิน 5555 ฉันขึ้นรถไปงานเลี้ยงกับเฟียส อันที่จริงตอนแรกฉันต้องไปกับคนขับรถ แต่บังเอิญสักคนจะไปงานนั้นพอดี ฉันเลยใช้อำนาจที่มีสั่งให้เฟียสมารับฉันด้วย ไม่เปลืองน้ำมันอีกต่างหาก
“ทำไม เธอถึงไม่ไปกับไอ้พอลล่ะ เธอต้องออกงานคู่กับมันไม่ใช่หรอ”
หลังจากที่เงียบมานานเฟียสก็เป็นฝ่ายเอ่ยถาม แต่คำถามนี้มันช่างตอกย้ำแผลเก่าฉันจริง ๆ
“ก็พอลไม่ว่าง แถมรถก็เต็มอีกต่างหาก”
“ไม่ว่าง?? รถเต็ม???”
“อืม”
ฉันตอบสั้น ๆ ไม่พูดอะไรมาก สายตาของฉันมองทอดออกไปถนนข้างหน้า อย่างไร้จุดหมาย
เอี๊ยด!!!!!
“โอ๊ย!!”
ไม่รู้เฟียสเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้จอดรถกะทันหันทำให้ฉันหัวฉันโขกกับข้างหน้า ฉันหันไปมองเฟียสทันที
“ทำอะไรของนายเนี่ยฉันเจ็บนะ”
เฟียสไม่ตอบแต่เขากับขมวดคิ้วทั้งสองข้างเข้าหากัน แล้วมองมาที่ฉัน บางทีฉันก็เริ่มเห็นความซวยราง ๆ แล้วล่ะ
“บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงเศร้าแบบนี้”
ฉันลืมบอกใช่ไหมว่าหมอนี่เป็นตำรวจ ซึ่งตอนนี้ฉันก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังเป็นผู้ร้ายที่โดนหมอนี่สอบปากคำอยู่
“อะไรใครเศร้าไม่มี นายมั่วหรือเปล่า”
ฉันโกหกออกไปคำโตแต่นั่นทำให้คิ้วของเฟียสขมวดเข้าหากันหนักกว่าเดิม บางทีการโกหกหมอนี่อาจเป็นความคิดที่ผิดมหันต์
“เธอเหม่อมองข้างทาง 5 ครั้ง ใช้เล็บจิกมือตัวเองประมาณ 3 ครั้ง ได้ แล้วก็.....”
“พอ ๆ โอเคฉันเศร้าแล้วมันผิดตรงไหน”
บางทีการมีเพื่อนเป็นตำรวจก็เป็นความคิดที่ผิดนะ T-T
“อะไรที่ทำให้เธอเศร้าล่ะ”
“ก็ฉันแค่..........แค่....”
ฉันตอบยังไงดี ถ้าบอกว่าเป็นเพราะพอล เฟียสต้องไปหาเรื่องพอลแน่ ๆ ฉันไม่ชอบเห็นสองคนนั้นทะเลาะกันหรอกนะ
“แค่อะไร”
"ฉันก็แค่ไม่อยากไปงานนี้ก็เท่านั้น”
“หืม...ไม่อยากไปงานแล้วทำไมต้องเศร้าด้วยล่ะ ฉันไม่เชื่ออย่ามาหลอกซะให้ยาก”
ดันมาฉลาดกว่าฉันอีก ทำไมฉันต้องมีเพื่อนฉลาดแบบนี้ด้วยเนี่ย
“มันไม่ใช่แค่นั้น พอดีว่าวันนี้พีชได้เกมมาใหม่มา แล้วชวนฉันแต่ฉันดันไปเล่นไม่ได้เพราะต้องมางานนี้ นายก็รู้ใช่ไหมว่าฉันติดเกมแค่ไหน”
ฉันพูดออกไป อันนี้ฉันไม่ได้โกหกนะ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ฉันเศร้า ฉันเป็นคนที่ติดเกมมาก มากถึงขั้นพอเกมออกมาใหม่ฉันกับพีชต้องเป็นคนแรกที่ได้เล่น ประมาณว่าใช้เส้นสายในการซื้อ
“โอเค ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”
เฟียสพูดจบก็เลี้ยวหัวรถกลับทันที บางที่นายควรจะปรึกษาฉันบ้างนะ พวกเราขับรถกลับมาที่บ้านและมุ่งตรงไปที่ห้องของพีชทันที
“สรุปว่า ที่แกวนรถกลับมา เพื่อพายัยนี่มาเล่นเกมเนี่ยนะ ให้ตายเถอะพลอยดาว”
“ก็ฉันไม่อยากเห็นยัยเพี้ยนนี่เศร้านี่หว่า”
พีชกับเฟียสกำลังคุยกันอยู่ นี้ฉันรู้นะว่าพวกนายนินทาฉัน แต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนลืมอะไรสักอย่างเลยนะ
“ว่าแต่ เธอคงโทรบอกพี่พอลแล้วใช่ไหมว่าไม่ไป”
เฮือก!!! ฉันรู้แล้วล่ะว่าสิ่งที่ลืมนั้นมันคืออะไร ตายล่ะหว่าพลอยดาว แกลืมสุดที่รักของแกได้ยังไง พอคิดได้ดังนั้นฉันก็รีบโทรหาพอลทันที
(ฮัลโหล..พลอยดาวเธออยู่ที่ไหนแล้ว ฉันรอเธอนานแล้วนะ)
“อะ....อะ....แค๊ก..ๆ ..ตัวเองเค้าคงไปไม่ได้...เค้าไม่...สบาย...อะ...อะ..แค๊ก ๆ ”
ฉันแกล้งทำเสียงแหบแถมไอยังกับคนเป็นวัณโรค ฉันขอโทษนะที่ต้องโกหกนาย แต่ถ้าฉันบอกว่าฉันไปไม่ได้เพราะติดเกมมีหวังนายโกรธฉันแน่ ๆ
“-_-”