09 กลับไทยNC
ประเทศไทยแลนด์
“ไม่คิดว่าจะต้องกลับมาอีก เฮ้อ” พิงค์ถอนหายใจยาวเมื่อเครื่องบินลงจอดบนรันเวย์
“เธอน่าจะดีใจซะมากกว่านะ ที่กลับมาจัดการเรื่องพวกนี้ให้มันจบ พ่อแม่ของเธอจะได้เลิกยุ่งกับเธอ”
“…” ใบหน้าสวยเหลือบไปมองคนข้าง ๆ เล็กน้อยก่อนจะเดินนำออกมาจากตรงนั้น
“รู้เหรอว่ารถจอดอยู่ไหน?” มาเฟียหนุ่มเดินตามมาติด ๆ
“ไม่” เธอตอบคำเดียวสั้น ๆ พร้อมกับสีหน้าที่รู้สึกเบื่อหน่าย
“แล้วเดินออกมาก่อนทำไม?”
“แล้วจะให้ฉันยืนอยู่เพื่อ!?” เธอหันไปมองหน้ามาเฟียหนุ่ม
“รถจอดอยู่ทางนี้ครับนาย”
“อืม…” เขาหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้อง “ตามมาสิ” ครามเอ่ยบอกคนข้าง ๆ แต่ด้วยท่าทีที่เชื่องช้าของเธอทำให้เขาต้องอุ้มร่างของเธอลอยขึ้นเหนือพื้นแล้วเดินไปที่รถที่จอดรออยู่
“นี่นาย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” พิงค์ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาบนอ้อมกอดของมาเฟียหนุ่ม
“อยู่นิ่ง ๆ” เขาพูดน้ำเสียงดุดันพร้อมกับถลึงตาใส่เธอ จนหญิงสาวต้องหยุดการกระทำของตัวเอง
“เปิดประตู!” มาเฟียหนุ่มเอ่ยบอกลูกน้องที่ยืนรออยู่ที่รถ
ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างเล็กเข้าไปด้านใน พร้อมกับวางเธอลงบนตักของเขาเอง
“ปล่อยฉัน ฉันจะนั่งเอง!” พิงค์เผยอตัวขึ้นเล็กน้อยแต่กลับถูกมือหนารั้งเอวคอดให้นั่งตามเดิม ความคับแคบภายในรถทำให้เธอไม่สามารถดิ้นอย่างรุนแรงหรือขัดขืนได้
“นั่งนิ่ง ๆ ไม่งั้นฉันจับเธอกระแทกคาเบาะรถแน่!”
“….” พิงค์หยุดชะงัก เพราะนั่นไม่ใช่คำขู่ เธอสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตที่กำลังผงาดอยู่ใต้ร่มผ้า “นาย…”
“อยู่นิ่ง ๆ” เขาเอ่ยบอกสีหน้าของเขาในตอนนี้มันแดงเรื่อ บ่งบอกได้ว่าเขากำลังต้องการเรื่องอย่างว่ามาก
พิงค์ได้แต่นั่งนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เพราะส่วนล่างของมาเฟียหนุ่มมันกำลังขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอสัมผัสได้ถึงความคับแน่นของมัน เรื่องขนาดไม่ต้องถามถึงว่าใหญ่แค่ไหน เพราะเธอรู้ดีหลังจากที่ได้ลิ้มลองมันมาแล้ว
อึดอัดน่าดูเลย เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ไม่นานรถตู้คันหรูก็แล่นเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของเธอ
“บ้านใคร?” เธอเอ่ยถามอย่างงง ๆ พร้อมกับใช้สายตาสอดส่องมองไปรอบ ๆ ตัวบ้านรวมถึงในบ้านด้วย
“ลงไปสิ”
“หึ!” เธอสายหัวรัว ๆ ในขณะที่ยังนั่งอยู่บนตักของมาเฟียหนุ่ม
“พวกมึงลงไปก่อน” เขาเอ่ยบอกลูกน้องจากนั้นลูกน้องก็พากันลงจากรถไป ปล่อยให้เขาและเธออยู่ในรถด้วยกันสองต่อสอง
แขนแกร่งอุ้มร่างเล็กลอยขึ้นพร้อมกับหมุนตัวเธอให้หันหน้ามาหาเขา โดยที่เธอยังนั่งคร่อมตักเขาอยู่
“นะ นายจะทำอะไร?” เธอมีท่าทีที่ลุกลนเมื่อเห็นการกระทำของคนตรงหน้า
“ฉันอยากเอาเธอไงพิงค์”
“ไม่ได้นะ!” ร่างเล็กเบิกตากว้าง พร้อมกับทำท่าทางจะลุกออกไปจากตักของมาเฟียหนุ่ม แต่กลับถูกเขารั้งเธอเอาไว้ให้อยู่ในท่าเดิม “นี่มันในรถนะ ลูกน้องของนายก็ยืนอยู่กันเต็มไปหมดไม่อายบ้างหรือไง”
“ไม่อาย” เขาตอบหน้าตาย ในขณะที่คนด้านบนกำลังลุกลี้ลุกลนกับการกระทำของเขา
“นะ นาย” พิงค์เบิกตากว้างเมื่อแก่นกายใหญ่ถูกเอาออกมาจากใต้ร่มผ้า ความใหญ่โตของมันทำให้เธอไม่สามารถปรับตัวรับกับได้เลย
“แป๊บเดียว อืมม” มือหนารูดชุดเดรสสั้นของเธอขึ้นไปเล็กน้อยก่อนจะเกี่ยวกระหวัดแพนตี้ตัวจิ๋วเอาไว้ด้านข้าง จนมองเห็นกลีบกุหลาบสีแดงฉ่ำวาวด้านใน
กึด~
“อ๊ะ~” มือเล็กจิกเล็บลงบนบ่าแกร่งอย่างแรงเมื่อแท่งร้อนลุกล้ำเข้าไปด้านในร่องแคบทีละนิด “บะ เบาฉันจุก” เธอพยายามทรงตัวเองไม่ให้นั่งทับแก่นกายใหญ่ลงมากจนเกินไป
แต่กลับถูกมือหนารั้งตัวเธอให้นั่งทับลำแท่งใหญ่นั้นลงมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะสุดความยาวของมัน
“พะ พอแล้ว มันเข้ามาลึกเกินไปแล้วนะ” เธอเอ่ยบอกมาเฟียหนุ่มน้ำเสียงแผ่วเบา เม็ดเหงื่อที่ผุดออกมาบนใบหน้าสวยสร้างกำหนัดในกายให้กับมาเฟียหนุ่มไม่น้อยเลย
“ขย่มหน่อยสิ ฉันทำไม่ถนัด” เขาเอ่ยบอกเสียงแหบพร่า พร้อมกับก้มลงมองจุดเชื่อมต่อนั้นตาเป็นมัน ก่อนจะยื่นหน้าขึ้นไปประกบปากจูบคนด้านบนราวกับจะสูบวิญญาณเธอ
“อื้มมม~” เธอผลักมาเฟียหนุ่มออกไป พร้อมกับสูดลมหายเข้าปอดอย่างแรง “นายจะฆ่าฉันรึไง!”
“ฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก ใครจะฆ่าเมียได้ลงคอกันล่ะ”
“…” เธอมองหน้ามาเฟียหนุ่มด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
“ขย่มสิเมีย อืมม ผัวจะคลั่งแล้ว อ่าส์” ร่างใหญ่โยกตัวขึ้นลงเบา ๆ เพื่อกระตุ้นกำหนัดของเธอ ร่องแคบบีบรัดแก่นกายใหญ่จนเขาอยากจะกระแทกถี่ ๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
ปึก ปึก ปึก
ปึก ปึก ปึก
ร่างบางสาวเอวโยกตัวขึ้นลงอย่างเนิบนาบโดยมีมือหนาคอยประคองก้นงอนให้โยกได้สะดวก
“ซี๊ดด อื้มม”
“อื้อ อ๊ะ อ่าส์ อ๊ะ อ๊า” เรียวปากกระจับเปล่งเสียงครางหวานหูออกมาดังก้องเต็มรถ หน้าอกอวบใหญ่กระเพื่อมไปมาตามแรงโยกของเธอเอง จนเกาะอกที่ปกปิดมันอยู่เริ่มไหลลงอย่างช้า ๆ จนเผยให้เห็นอกอวบอิ่มขาวเนียนกำลังเด้งอยู่ตรงหน้าของมาเฟียหนุ่ม
“อืมมมจ๊วบ จ๊วบ หวานอ่าส์” เสียงครางกระเส่าดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักเมื่อได้ลิ้มลองยอดบัวงามตรงหน้า รสชาติความหวานของมันหมายถึงรสกามที่หอมหวานต่างหาก
“ฉะ ฉันไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊าส์” ร่างเล็กโยกเอวอย่างถี่ ๆ พร้อมกับภายในที่บีบรัดลำท่อนมากกว่าเดิม ทำให้มาเฟียหนุ่มทนไม่ไหวจับเอวคอดประคองไว้แน่นแล้วกระแทกสวนขึ้นไปอย่างรัว ๆ
ตับ ตับ ตับ
ตับ ตับ ตับ
“อ่ะ อ่าส์”
“อืมมซี๊ด” น้ำสีขาวขุ่นพุ่งเข้าช่องท้องอย่างรวดเร็วเมื่อมาเฟียหนุ่มถึงฝั่งฝัน เธอเองก็เช่นกัน
ร่างเล็กทิ้งตัวซบลงบนบ่าแกร่งอย่างหมดแรง การกระทำทุกอย่างหยุดลงเหลือเพียงลมหายใจหอบถี่ของทั้งสองที่พ่นออกมาแข่งกันในตอนนี้
“เข้าบ้านได้รึยัง?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับเหลือบตามองไปที่เธอ
“อือ เข้าดิ” พิงค์ผละตัวลุกออกมาจากร่างใหญ่ ทำให้จุดเชื่อมต่อหลุดออกจากกัน น้ำขาวขุ่นที่คาอยู่ในร่องก็ไหลย้อนออกมาเต็มเรียวขาของเธอ “บ้าจริง!”
“อยู่นิ่ง ๆ ที่เช็ดให้” มาเฟียหนุ่มยื้อเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำกามตามเรียวขาของเธอออก พร้อมกับเช็ดที่ปลายหัวบานที่ยังมีน้ำคาวติดอยู่ ก่อนจะพับเก็บมันกลับเข้าที่เดิม
จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินออกจากรถไปด้วยสภาพที่อิดโรย ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านนอกตามพากันรีบก้มหน้าลงทันที
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม” เธอเอ่ยถามคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ
“ฉันว่าเธอควรจะโทรบอกพ่อแม่ของเธอก่อนดีกว่านะ พวกเขาจะได้ไม่ตกใจตอนเธอพาฉันเข้าไปในบ้าน”
“อืม” พิงค์พยักหน้ารับก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปด้านใน
“ต่อไปนี้เธอก็ย้ายมาอยู่กับฉันที่นี่แหละ คอนโดนั้นก็ไม่ต้องไปอยู่แล้ว”
“ฉันอยากทำงาน” เธอพูดเสียงเรียบ ในเมื่อเธอไม่ได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัวแล้ว เธอก็จำเป็นจะต้องหารายได้เข้ากระเป๋าของตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นเธอได้อดตายแน่
“ไม่ต้อง! เมียคนเดียวฉันเลี้ยงได้อยู่แล้ว จะทำงานให้เหนื่อยทำไม”
“ฉันไม่อยากถูกมองว่าเกาะผู้ชายกิน”
“ใครจะว่า ไม่มีใครกล้าว่าเธอได้หรอก”
“ทำไม นายจะบอกว่า นายสามารถห้ามปากคนไม่ให้นินทาได้อย่างนั้นเหรอ”
“ห้ามได้สิ ห้ามด้วยลูกโม่ไง” ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มร้ายกาจบนใบหน้า ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะแปรเปลี่ยนไปเมื่อหันกลับมามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ลองให้ใครมันมาว่าเธอดูสิ ลูกโม่ก็จะไปฝังอยู่ในหัวของมันไง”
“นายพูดอะไรเนี่ย น่ากลัวชะมัด” เธอรู้สึกขนลุกแปลก ๆ กับคำพูดของมาเฟียหนุ่ม มันทำให้เธอนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องการฆาตรกรรมสามวัยรุ่นพวกนั้น ซึ่งเธอมารู้ที่หลังว่าเป็นฝีมือของเขา
“กลัวทำไม ที่ฉันทำก็เพื่อที่จะปกป้องเธอนะพิงค์”
“นอกจากสามคนนั้นแล้ว นายได้ฆ่าใครอีกหรือเปล่า”
“เปล่า ที่เหลือก็แค่สั่งสอนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้มันรู้ว่าอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของฉัน”
“ฉันถามจริง ๆ นะ นายมาติดใจอะไรฉันนักหนา ถึงได้ตามฉันมาตั้งสองปีแบบนี้ นายหวังอะไรหรือเปล่า”
“หวังสิ หวังมากด้วย”
“หวังอะไร?” เธอขมวดคิ้วย่นมองหน้าเขาอย่างสงสัย
“หวังที่จะได้หัวใจของเธอมาครอบครองยังไงล่ะ ฟอด”
“อ๊ะ นายคราม” พิงค์ผลักมาเฟียหนุ่มออกไปอย่างแรงเมื่อถูกเขาขโมยหอมแก้มต่อหน้าลูกน้องโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“แค่หอมแก้มเองทำเป็นหวงไปได้ ฉันทำมากกว่านี้ไปแล้วนะสด ๆ ร้อน ๆ เลย” มาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ใส่เธอ
“หยุดพูดไปเลยนะ ปึก!” เธอกำมือทุบอกแกร่งอย่างแรงจนร่างใหญ่เซถลาไปเล็กน้อย “นายนี่พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย คืนนี้ไม่ต้องมานอนกับฉันเลยนะ ชิ!”
พูดจบเธอก็หันหลังวิ่งขึ้นบันไดไปทันที ไม่รู้หรอกว่าห้องเธออยู่ห้อง แต่ถ้ากระเป๋าผ้าอยู่ในห้องนั้นก็แสดงว่าเป็นห้องของเธอ
“เบื่อจริงไอ้บ้าคราม มันน่าหยิกให้หูหลุดจริง ๆ” เธอบ่นพึมพำอยู่บนเตียงใหญ่ เพราะเธอรู้สึกเขินอายทุกครั้งที่ถูกเขาแสดงการกระทำแบบนี้ใส่เธอ “หรือว่าฉันกำลังหลงรักผู้ชายคนนี้! ไม่นะพิงค์ ไม่ได้เลย”
เธอส่ายหัวรัว ๆ พร้อมกับขยี้หัวตัวเองจนผมฟูราวกับอีเพิ้ง