10 หนี
วันต่อมา
“เป็นไง?” ครามเดินเข้ามาถามหลังจากที่พิงค์วางสายจากผู้เป็นแม่ไป
“….” ร่างบางหันไปมองพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นคำตอบให้กับเขา “นายก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วนะ”
“อย่าคิดมากสิ ไม่แน่พ่อกับแม่ของเธออาจจะชอบฉันก็ได้ใครจะไปรู้” มาเฟียหนุ่มยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมกับวางมาดเข้มใส่เธอ
“นายอย่าสำคัญตัวเองมากเกินไปเลย ฉันรู้ว่าพ่อแม่ของฉันเป็นคนยังไง ท่านไม่ได้เข้ากับใครง่าย ๆ หรอก”
“ฉันไม่ได้สำคัญตัวเอง ฉันแค่บอกว่าบางทีพ่อกับแม่ของเธออาจจะชอบฉันก็ได้”
“….” เธอถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง
“คืนนี้จะไปคลับ เธออยากไปด้วยมั้ย” มาเฟียหนุ่มเอ่ย
“ได้เหรอ?” เธอหันไปเลิกคิ้วถาม
“อืม…”
“งั้นก็ดะ…”
“แต่มีข้อห้าม! หนึ่งคือเธอต้องอยู่กับฉันตลอดเวลา เธอต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอด สองห้ามดื่มจนเมาไม่ได้สติ สามห้ามลงไปด้านล่างเด็ดขาด สี่ห้ามดื้อห้ามขัดคำสั่งฉันด้วย”
“โห…ถ้าจะห้ามขนาดนี้ไม่ต้องให้ฉันไปจะดีกว่า ให้ฉันนอนอยู่บ้านก็ได้หรอก” พิงค์เบี่ยงหน้าหนีเขาอย่างเบื่อหน่าย แค่อยู่บ้านด้วยกันเขาก็ออกคำสั่งกับเธอจนขยับตัวแทบจะไม่ได้ละ
“ตกลงไม่ไป?”
“เออ! ห้ามกันซะขนาดนี้คงจะอยากไปอยู่หรอก ไปคนเดียวเลย” เธอพูดกระแทกเสียงใส่เขา กินเหล้าจะไม่ให้เมาก็คงจะไม่ได้แล้วแบบนี้มันจะไปสนุกอะไร
“ก็แล้วแต่ ฉันอาจจะกลับดึก ๆ นะ เธอง่วงก็นอนไปก่อนเลยก็ได้ไม่ต้องรอ”
“แล้วทำไมฉันต้องรอด้วยล่ะ นายไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับฉันมากขนาดนั้น” เธอเบะปากใส่มาเฟียหนุ่มก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ด้านล่าง
หญิงสาวเดินมาเตะยอดหญ้าเล่นอยู่ที่สวนหลังบ้านเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายและหงุดหงิดที่ถูกมาเฟียหนุ่มขัดใจเธอ
“ไอ้บ้าคราม ไอ้คนบ้าอำนาจ ไอ้คนชอบเอาแต่ใจ ฉันไม่น่าหลวมตัวมาอยู่กับนายเลย” พิงค์ก้มหน้าก้มตาเตะยอดหญ้าจนกระจุยกระจายเต็มไปหมด
“เฝ้าเอาไว้ให้ดี อย่าให้เธอออกไปข้างนอกเด็ดขาด” มาเฟียหนุ่มหันไปพูดกับลูกน้องของตน
“ครับนาย”
“กูกลับมาไม่เจอเธอ พวกมึงเจอดีแน่”
“…”
ร่างสูงใหญ่พูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินไปที่รถสปอร์ตของตัวเองจากนั้นก็ขับออกไปคนเดียวโดยที่ไม่มีลูกน้องติดตามไปด้วย เขาต้องการให้ลูกน้องอยู่ที่นี่คอยจับตามองพิงค์ เพราะเธอนั้นฉลาดและหัวไวมาก เกรงว่าลูกน้องของตัวเองจะถูกหลอก เพราะเขาคือคนเดียวที่ทันเล่ห์เหลี่ยมทุกอย่างของพิงค์
“เจ้านายของพวกนายออกไปแล้วเหรอ” พิงค์เดินกลับเข้าไปในบ้าน ถามลูกน้องที่ยืนเฝ้ามองเธออยู่ไม่ห่าง
“ครับ”
“ไม่มีอะไรแล้วพวกนายก็ไปพักเถอะไม่ต้องมาคอยเฝ้าฉันหรอก ฉันโตแล้วนะไม่ใช่เด็กสามขวบที่จะต้องมีผู้ใหญ่มาคอยดูแลทุกฝีก้าว”
“ไม่ได้ครับ นายสั่งมา” ลูกน้องพูดอย่างเด็ดขาด
“เจ้านายของพวกนายเอาแต่ใจ ดีแต่สั่งแต่ไม่เคยทำ เขาไม่อยู่แบบนี้พวกนายพัหผ่อนได้ตามสบายเลย ฉันสัญญาว่าจะไม่ปริปากบอกใครเลย”
“เอ่อ…” ลูกน้องสองคนเริ่มหันมองหน้ากัน
“รู้น๊าว่าอยากพัก ฉันไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการเหมือนกับเจ้านายของพวกนายหรอกนะ เพราะฉะนั้นเวลาอยู่กับฉันทำตัวตามสบายอยากทำอะไรทำเลย ส่วนฉันจะขึ้นไปนอนละ”
“ครับคุณพิงค์”
พิงค์กลับขึ้นมานอนเล่นอยู่บนห้องของตัวเอง อยากเที่ยวก็อยากเที่ยว แต่ลูกน้องของเขาก็อยู่เต็มบ้านไปหมด ไม่มีทางที่เธอจะเดินออกไปได้อย่างง่ายดายเลย นอกเสียจากเธอจะแอบออกไปโดยที่ไม่ให้ลูกน้องของเขารู้
“เอาไงดีนะ” พิงค์ผุดลุกผุดนั่งครุ่นคิดว่าจะเอายังไงต่อดี เธออยากเที่ยวแต่ไม่อยากอยู่ในโอวาทของใคร เพราะเธอเคยใช้ชีวิตแบบที่ไม่มีใครบงการและตอนนี้เธอก็ยังอยากใช้ชีวิตแบบนั้น “เดียร์!”
แต่แล้วเธอก็นึกถึงเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เคยติดต่อกันสมัยที่เธอยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยในไทย พิงค์พยายามนึกเบอร์มือถือของเพื่อนสนิทตน พร้อมกับกดโทรออกไปทุกเบอร์เท่าที่จำได้
จนกระทั่ง…
( ฮัลโหลสวัสดีค่ะ )
“ขอโทษนะคะนี่ใช่เบอร์เดียร์หรือเปล่า”
( ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าปลายสายเป็นใครคะ? )
“อร้ายอีเดียร์ กูเองพิงค์” หญิงสาวกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ เมื่อความพยายามของเธอนั้นเป็นผล เธอสามารถติดต่อเบอร์เพื่อนสนิทจนได้
( ห๊ะอีพิงค์ มึงหายไปอยู่ไหนมา แล้วตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน )
“อีเดียร์มึงฟังกูนะ มึงช่วยมารับกูที่บ้านหลังใหญ่ ๆ แถวซอยxxxหน่อยนะ แต่มึงอย่าไปจอดรถอยู่หน้าบ้าน กูจะออกไปรอมึงอยู่แถว ๆ ข้างบ้านตกลงไหม”
( เออ ๆ ถ้าถึงแล้วกูจะรีบโทรบอกนะ )
“ขอบใจ”
พิงค์กดวางสายจากเพื่อนสนิทก่อนจะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินย่องลงไปที่ด้านล่างอย่างเงียบเชียบ ลูกน้องของมาเฟียหนุ่มตอนนี้พากันหลับอยู่บนโซฟาด้านล่างหมดแล้ว ซึ่งมันเป็นโอกาสดีของเธอที่จะหนีออกไปเที่ยวก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับมา
“ขอโทษนะพวกพี่ ๆ แล้วฉันจะรีบกลับมาเลย” พิงค์เดินย่องออกมาทางด้านหลังของตัวบ้าน รอจังหวะที่ลูกน้องของมาเฟียหนุ่มเดินไปตรวจที่มุมอื่น เธอจึงรีบวิ่งไปปีนกำแพงแล้วกระโดดข้ามไป
ตุบ~
“เฮ้อ ในที่สุด” ร่างบางถอนหายใจให้กับความสำเร็จของตัวเองก่อนจะรีบเดินไปที่รถเก๋งของเพื่อนสนิท
“หวัดดีเพื่อนรัก”
“อีพิงค์! มากอดให้หายคิดถึงหน่อย อื้อออ”
สองเพื่อนรักโอบกอดกันด้วยความคิดถึง
“กูได้ข่าวมาว่ามึงไปเรียนต่อเมืองนอก ทำไมไม่ติดต่อกลับมาเลยว่ะคิดถึงมึงจะตายแล้ว”
“กูขอโทษทีว่ะ อยู่เมืองนอกก็มีแต่ความวุ่นวายกูไม่ได้ติดต่อหาใครเลยที่นี่”
“ป่ะ มึงกลับมาทั้งทีอย่างนี้ต้องฉลอง”
“นี่แหละคำที่กูอยากได้ยิน”
จากนั้นสองสาวก็พากันขับรถไปยังคลับที่เคยเที่ยวอยู่เป็นประจำสมัยที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยด้วยกัน และก็ได้นั่งที่โต๊ะประจำที่เคยนั่ง
“เคร้งง สุดยอดไปเลยอีเดียร์ สมกับที่เป็นเพื่อนซี้กู”
“อีพิงค์มึงไปทำอะไรที่บ้านหลังนั้นวะ นั่นไม่ใช่บ้านของมึงไม่ใช่เหรอ กูเคยขับรถผ่านเมื่อนานมาแล้วเห็นคนเต็มบ้านเลย อย่างกะบ้านมาเฟียในหนัง”
“อืม บ้านมาเฟีย” พิงค์ตอบไปตามความจริง
“ห๊ะมาเฟีย แล้วมึงไปทำอะไรอยู่ที่บ้านหลังนั้น มันจับตัวมึงไปหรอ ให้กูไปแจ้งตำรวจมั้ย”
“พอ ๆ กูไม่ได้เป็นอะไรหรอก เรื่องมันยาวว่ะ”
“แต่กูมีเวลาฟังเล่ามา”
“….” พิงค์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่เพื่อนสาวก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“อย่างจ๊าบ อีเชี่ย ได้ผัวเป็นมาเฟียโคตรเท่ห์เลย”
“เท่ห์บ้านป๊ามึงดิ ทำอะไรก็ไม่ได้สั่งห้ามหมดทุกอย่าง เจ้ากี้เจ้าการเอาแต่ใจชะมัด สั่งนั่นสั่งนี่ให้ทำตาม” พิงค์บ่นยาวเหมือนเก็บกด แต่ด้วยฤทธิ์น้ำเมาที่เธอดื่มเข้าไปมันเริ่มกล่อมให้เธอระบาย
“เค้ารับปากจะช่วยกู จะได้ไม่ต้องไปแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลิกให้”
“จะว่าไปพ่อแม่ของมึงก็เกินไปนะ นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้วไม่มีการคลุมถุงชนแล้ว จะรักใครจะแต่งงานกับใครสักคนมันก็ต้องขึ้นอยู่กับคนสองคนสิ กูล่ะเหนื่อยใจแทนมึงจริง ๆ”
“ช่างเหอะ ถ้าพ่อกับแม่กูรู้ว่ากูมีผัวแล้ว เค้าก็คงไม่จับกูแต่งงานหรอก”
“อืมดีละ ว่าแต่มึงจะอยู่กับผู้ชายคนนั้นไปตลอดชีวิตเลยเหรอวะ”
“ทำไมอะ?”
“เปล่ากูแค่อยากรู้”
“ไม่รู้ดิ มึงก็รู้ว่ามาเฟียแม่งมีอิทธิพลเยอะ ถึงกูหนีไปก็ไม่รอดอยู่ดี เผลอ ๆ โดนตามฆ่าอีก” พิงค์พูดอย่างหนักใจ
“ก็จริง…เอา ๆ ไปเหอะ รวยก็รวย ว่าแต่หล่อมั้ยวะ”
“ไม่อะ ไม่หล่อ แถมปากหมาด้วย” พิงค์รีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“พูดแบบนี้แสดงว่าต้องหล่อ เอาไปเหอะให้ไอ้เชี่ยต้นมันอิจฉาไปเลย คนห่าอะไรบอกเลิกผู้หญิงเพราะไม่ได้เอาแล้วไปเอากับผู้หญิงคนอื่นทั้ง ๆ ที่มีแฟนอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายคนนั้นหรอก กูเกลียด”
“กูก็เกลียด ถ้าวันนั้นมึงบอกกูสักนิดนะกูจะจ้างคนไปรุมกระทืบมันรวมทั้งผู้หญิงคนนั้นด้วยเลย เอาให้แม่งนอนหยอดน้ำข้าวต้ม”
“ช่างเหอะ เรื่องมันผ่านมาแล้วกูไม่อยากนึกถึงมันอีก ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บใจ”
“ใช่แล้วค่ะเพื่อนรัก ไม่ต้องไปคิดถึงอะไรมันอีกแล้ว ตอนนี้มึงมีผัวรวยมีผัวเป็นมาเฟียเพราะฉะนั้นมึงไม่ต้องกลัวใคร ถ้ามีใครมารังแกมึงมึงก็สั่งให้ผัวมึงไปจัดการเลยไม่เห็นยาก”
“เหอะ! ตื่นเถอะอีเดียร์ มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ”
“เดี๋ยวกูหาผัวเป็นมาเฟียเหมือนกับมึงบ้างดีกว่า บนเตียงคงจะเร่าร้อนน่าดูเลย”
“….” พิงค์อยากจะเถียงกลับไปแทบแย่ บนเตียงจะเร่าร้อนอะไรขนาดนั้นไม่จริงเลย รุนแรงต่างหากล่ะ
ตัดมาทางด้านของคราม
“นายครับ ลูกน้องที่ด้านล่างบอกว่าเจอคุณพิงค์มาเที่ยวที่นี่ครับ”
“อืม…คอยดูเธอเอาไว้เดี๋ยวกูลงไปจัดการเอง” มาเฟียหนุ่มพูดเสียงเรียบ
“ครับนาย”
เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าพิงค์จะต้องหาทางหนีออกมาเที่ยวจนได้
หลังจากที่เสร็จงานเขาก็เดินลงไปด้านล่าง
“เธออยู่ไหน?”
“อยู่นั่นครับนาย”
มาเฟียหนุ่มปรายตามองตามที่ลูกน้องบอก เขาเห็นพิงค์กำลังดื่มอยู่กับผู้หญิงอีกคน แถมเธอก็ยังเต้นร่อนเอวไปมาท่ามกลางสายตาของหนุ่ม ๆ ที่กำลังจ้องมองอยู่จนตาเป็นมัน
“เธอมาที่นี่นานหรือยัง”
“มาได้สักพักแล้วครับนาย”
“อืม จะไปไหนก็ไป”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวขาเดินไปที่โต๊ะของพิงค์
“อีพิงค์ มีหนุ่มหล่อกำลังเดินมาหามึงว่ะ หล่อชิบหายเลย” เพื่อนสนิทกระซิบบอก
“อือช่างดิ กูไม่ได้มาหาผู้ชายสักหน่อย”
ความหล่อเหลาของมาเฟียหนุ่มทำเอาเพื่อนสนิทของพิงค์ถึงกับยืนจ้องจนไม่กระพริบตา
“ไหนบอกว่าไม่มาเที่ยวไงครับเมีย…” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเปล่งผ่านริมฝีปากหยักกระซิบลงข้างหูของพิงค์
“…” เธอหันกลับไปมองด้วยสีหน้าที่ตกใจ “นะ นาย”
“หนีผัวมาเต้นยั่วผู้ชายแบบนี้เหรอ หืมม รู้มั้ยว่าฉันขี้หึงมาก”
“เอ่อ..”
“ผัวมึงเหรออีพิงค์”
“เอ่อ…”
“ครับผมเป็นผัวของพิงค์ คุณกลับบ้านไปก่อนได้เลยนะครับ ส่วนพิงค์เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฝากเพื่อนของดิฉันด้วยนะคะ พ่อสุดหล่อ”
“ครับผม จะดูแลให้เป็นอย่างดีเลย”
เพื่อนสนิทของพิงค์รีบคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกมา ปล่อยให้พิงค์ยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับไปไหน
“หนีผัวมาเที่ยวแบบนี้ไม่ดีเลยนะ สงสัยจะต้องลงโทษซะแล้ว”
“….”