บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

เตียงที่กำลังนอนอยู่สร้างความรู้สึกแปลกๆ และไม่เคยคุ้นให้เกิดขึ้น ดานี่กระพริบตาถี่ๆ กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง พยายามที่จะนึกให้ออกว่าคราวนี้กำลังพักอยู่ในโรงแรมแห่งใด แต่เมื่อมองไปยังฝาผนังกับผ้าที่คลุมตัวไว้ อนุสติก็บอกให้รู้ว่าเธอกำลังอยู่ในโรงพยาบาล เธอใช้ความคิดตรวจร่างกายว่าได้รับบาดเจ็บที่ไหนบ้าง แต่แล้วก็แน่ใจว่าถ้าจะมี มันก็คืออาการปวดร้าวในสมองที่กำลังเป็นอยู่นั่นเอง

นี่เจ้า เดอะ โร้ค มันเตะเธอเข้าให้หรือนี่? ดานี่สงสัยอยู่ครามครัน แต่แล้วความปวดร้าวอย่างสาหัสก็บังเกิดขึ้น เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า บัดนี้เจ้าม้าตัวนั้นได้ตายลงแล้ว มันเป็นการฆ่าด้วยความเมตตาทั้งนี้เพื่อมิให้มันต้องทนทุกข์เวทนากับการที่กระดูกข้อเท้าหัก จนใช้การไม่ได้อีกต่อไป เธอครางออกมาอย่างรานร้าวใจ ซุกหน้าลงในหมอนปล่อยหยาดน้ำตาให้ลามไหลลงมา แต่มิได้ร่ำไห้สะอึกสะอื้นอย่างที่เป็นมาอีก เพียงแต่รู้สึกหม่นไหม้กับความเป็นจริงที่ได้ประจักษ์ชัดแล้วเท่านั้น

และแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องที่ฉาบไว้ด้วยสีขาว หยาดน้ำตายังไหลพรากอยู่อย่างไม่ยอมเช็ดออก ไม่สนใจกับความยุ่งเหยิงของเรือนผมที่ตัดสั้นแบบเด็กผู้ชาย มีเสียงฝีเท้าเดินใกล้ประตูเข้ามา เป็นเสียงเดินช้าๆ อย่างคนที่สิ้นหวังแล้ว ก่อนที่มันจะก้าวเข้ามาในห้องด้วยซ้ำที่ดานี่รู้ว่า มันเป็นเสียงฝีเท้าของพ่อ

“เฮลโล แดเนียล” พ่อของเธอทักทายเรียบๆ ไม่มีรอยยิ้มบนมุมปาก ไม่มีแววในดวงตาคู่นั้นอีกต่อไป

“เฮลโล ลิว” เธอขานรับ

มีความเงียบที่น่าอึดอัดเกิดขึ้นระหว่างสองพ่อลูก ถ้าเป็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดานี่จะไม่ยอมคิดถึงว่า พ่อจะแก่ลงขนาดไหนเลย แต่มาถึงวันนี้ เมื่อเธอมองดูร่างเล็กๆ ไร้ความหวังในชีวิตของผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้านั้น เธอก็พยายามจะนึกให้ได้ว่าเวลานี้พ่ออายุ 56 หรือ 57 แล้ว แต่จะอย่างไรก็ตาม สีหน้าของพ่อก็ดูจะแก่เกินอายุมาก

“ทำไมฉันถึงได้มานอนอยู่ที่นี่ล่ะ?” เธอถามขึ้นในที่สุด

“แกเป็นลม ตกใจเพราะ...เพราะ...”

เสียงของเขาขาดหายไป และดานี่ก็ไม่ได้บังคับให้เขาต้องพูดต่อ

“ฉันเข้าใจแล้ว” เธอพูดเสียงเบา “แล้วนี่ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ล่ะ?”

“เขาอยากให้แกพักอีกสักคืนหนึ่ง ซึ่งก็ต้องนับว่าเป็น...การตัดสินใจ...ดีที่สุดสำหรับเวลานี้” เขาถอนหายใจ

“ตัดสินใจเรื่องอะไรกัน? เวลานี้ฉันก็สบายดีแล้วนี่”

“แกควรจะได้อยู่เงียบๆ สงบๆ เสียในขณะที่ยังมีโอกาส” พ่อของเธอพูดอย่างเป็นปริศนา ใบหน้าซีดเซียวอย่างผิดปกติเบือนมาสบตาลูกสาวที่กำลังมองอยู่คล้ายจะถาม “ตอนที่อยู่ที่ห้องทำงานของสัตวแพทย์น่ะ พวกผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เข้าไปออกันอยู่เป็นโขยง รูปของแกกับคิงก็เลยเกลื่อนอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์”

ทันใด ดานี่ก็นึกขึ้นมาได้ถึงแสงแปลบปลาบ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เข้ามาอยู่ในฝันร้ายของเธอด้วย แท้ที่จริงแล้วมันก็คือแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปนั่นเอง ซึ่งทำให้เธอต้องทบทวนถึงปฏิกิริยาที่สำแดงออกมาต่อคิง และคำตัดพ้อต่อว่าอย่างไม่ยั้งคิดที่กระทำต่อเขา

ถ้าจะพูดกันอย่างมีเหตุผลแล้ว ดานี่ก็เชื่อว่า ปฏิกิริยาที่เธอแสดงออกนั้น คือการต่อสู้เพื่อจะเรียกร้องสิ่งที่ต้องสูญเสียไปให้กลับคืนมา...จะจากใครก็ได้ แต่จากความไม่ชอบหน้าคิงที่สะสมอยู่ ทำให้เธอเลือกเขาเป็นเป้า และดานี่ก็มิได้รู้สึกเสียใจเลยในสิ่งที่ตนได้ทำลงไป เพียงแต่ว่า มันมีคนนอกเข้ามาร่วมรู้เห็นในเหตุการณ์นั้นด้วยเท่านั้น เธอพยายามจะสบตากับพ่อ แต่เขาก็ไม่ยอมประสานสายตาด้วย

“ทำไมแกถึงเกลียดเขามากมายถึงขนาดนั้น?” ลิว วิลเลียมส์ถามพลางถอนใจ

คำตอบโต้ที่เธอพลั้งออกไปด้วยสัญชาตญาณและความรู้สึกภายในก็คือ

“เพราะว่าเขาหายใจได้เหมือนเราน่ะสิ” โดยปกติแล้ว พ่อของเธอมักจะยิ้มรับในปฏิภาณการพูดจาอย่างฉับไวของเธอเสมอ แต่ครั้งนี้ เขาได้แต่ส่ายศีรษะอย่างสิ้นหวัง “ฉันเสียใจ ลิว” ดานี่พูดอย่างไม่เต็มใจเลย คางลดต่ำลงอย่างรู้สึกตัว “บังเอิญฉันไม่ชอบหน้าผู้ชายคนนั้นเท่านั้น”

“มาถึงตอนนี้ ฉันได้คิดว่า ที่จริงแล้วเราควรจะขาย เดอะ โร้คให้เขาไปเสียตั้งแต่แรกยังจะดีกว่า”

“นั่นพูดอะไรออกมาน่ะ?” เธอร้องออกมาเมื่อได้ยินพ่อพูดอย่างขมขื่น ตวัดสายตาขึ้นมองชายชราที่กำลังจับตาอยู่กับผ้าม่านอย่างเหม่อลอย

“ที่จริงแม่ของแกน่ะเขาวิจารณ์ตัวฉันไว้ถูกแล้วนะ” เขาไม่สนใจในคำถามของลูกสาวเลย ยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เสมือนไร้ความรู้สึก “ว่าถ้าฉันลงมือทำกิจการม้าแข่งเพียงลำพังคนเดียวแล้วฉันจะต้องสูญเสีย และมาถึงเวลานี้ฉันก็คือผู้สูญเสียจริงๆ ฉันไม่สามารถจะทำอะไรได้ดีไปกว่าเป็นแค่จ๊อคกี้หรอก มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะจ้างฉันให้ฝึกม้า ส่วนไอ้ม้าต่าง ที่เรามีอยู่ มันก็เรียกไม่ได้ว่าเป็นม้าสายเลือดตรง คนอย่างฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เป็นเจ้าของม้าดีๆ อย่างเดอะ โร้คมันเลย”

“ไม่จริง” แต่คำคัดค้านของเธอก็เป็นเพียงแค่การปฏิเสธในคำพูดอย่างต่ำต้อยน้อยใจของพ่อเท่านั้น

“มันเป็นความจริงอย่างที่สุด” ดวงตาคู่สีน้ำตาลเบือนกลับมามองดานี่ มันสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่อยู่ลึกลงไปภายใน เป็นดวงตาที่ไร้ประกาย เพียงแต่ลุ่มลึกราวกับบ่อน้ำที่ไม่อาจจะมีใครหยั่งถึงได้ จนอยู่ในเบ้าตาลึกโหลที่ห่อหุ้มมันไว้ “ฉันได้ให้ชีวิตแก่ม้าตัวเมียขึ้นมาได้เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น และมันก็คือแก...ดานี่ แต่หลังจากนั้นล่ะฉันได้ทำอะไรให้แกบ้าง? ฉันเพียงแต่ส่งบังเหียนแห่งอิสระให้แก ไม่เคยอบรมสั่งสอนแก ไม่เคยระงับยับยั้งยามที่แกเกิดอารมณ์ร้ายขึ้นมา ไม่สนใจกับความกร้าวกระด้างที่มันเป็นนิสัยของคนรุ่นหนุ่มสาวที่กำลังเจริญเติบโตเสียด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น ฉันไม่ตำหนิแกหรอก เรื่องที่แกแสดงอะไรต่อมิอะไรวันนี้น่ะ แต่ฉันคงโทษว่ามันเป็นความผิดของฉันเอง”

น้ำตาเริ่มหล่อรื้นขึ้นในดวงตาของเธอ

“อย่าพูดอะไรอย่างนั้นหน่อยเลยน่า”

“ก็แกรู้อะไรบ้างล่ะ ลูก? ถ้าจะพูดกันถึงเรื่องนี้ ที่แกรู้ก็แต่เรื่องม้าเท่านั้น” ประโยคหลังเหมือนเขาจะช่วยตอบคำถามนั้นแทนเธอ “ทุกวันนี้ แกกิน แกนอน กลิ่นตัวก็เหมือนม้าไปแล้ว แกไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำว่าไอ้การเป็นผู้หญิงหรือสุภาพสตรีน่ะเขาเป็นกันยังไง...ก็แกจะรู้ได้ยังไงล่ะ? ในเมื่อเกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยพบเคยเห็นเลยเสียด้วยซ้ำ”

ดานี่นอนมองอยู่ในความเงียบอันน่าสยดสยอง มองตามมือที่กำลังล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อแจ๊กเก็ต และแล้วดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจก็เห็นปึกธนบัตรที่กำลังถูกดึงออกมา ยัดใส่ลงในมือที่เย็นเยือกของเธอ

“เมื่อแกออกจากโรงพยาบาลนี่ตอนพรุ่งนี้เช้า ฉันไม่ต้องการให้แกกลับไปที่สยามม้าอีก และไม่ต้องการให้แกเฉียดเข้าไปใกล้มันอีกต่อไปด้วย” น้ำเสียงของลิว วิลเลียมส์สั่นสะท้านพอๆ กับมือ “ฉันต้องการให้แกเอาเงินนี่ไว้ แล้วก็ไปตั้งต้นชีวิตใหม่เสีย หาห้องเช่าเข้า แล้วก็หางานทำ หรือไม่เช่นนั้นก็เข้าโรงเรียน ใช้ชีวิตอย่างที่คนทั่วๆ ไปเขาใช้กันเถอะ อย่าเป็นยิปซีต้องเร่ร่อนอยู่อย่างนี้เลย”

“แล้วเงินนี่น่ะได้มาจากไหนล่ะ?” เธอถามเสียงห้วนห้าว กางฝ่ามือออกและเห็นว่ามันเป็นเงินก้อนสุดท้ายซึ่งมีอยู่ประมาณ 2-3 พันเหรียญ

“ฉันขายม้าไปหมดแล้ว... ทุกตัว... เหลือไว้แต่แม่ม้าเท่านั้น สิ่งเดียวที่ฉันมีความรู้ในชีวิตนี้ก็คือเรื่องการแข่งม้า ไม่ได้มีความรู้อย่างอื่นเลย” เขาพูดเสียงแตกพร่า “แต่แกยังเด็ก แกสามารถจะเริ่มต้นใหม่ ใช้ชีวิตใหม่ได้” น้ำตาขึ้นมาคลอคลองอยู่ในเบ้าตา “แกเป็นนักต่อสู้ ก็เหมือนไอ้ เดอะ โร้คนั่นแหละ เพราะฉะนั้น สักวันหนึ่งแกอาจจะเป็นอะไรขึ้นมาก็ได้ แต่อย่ามาจมอยู่กับฉันเลย เพราะฉันมีแต่จะทำให้ชีวิตของแกตกต่ำลงแล้วชีวิตของแกมันก็จะไม่มีความหมาย แล้ววันหนึ่งแกก็จะต้องเป็นผู้สูญเสียอย่างที่ฉันเป็นอยู่ในเวลานี้”

“ไม่ค่ะ พ่อ...ไม่” ดานี่ถลันพรวดขึ้น เอื้อมมือออกไปหาเขา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้เอ่ยเรียกเขาว่าพ่อออกไป มิได้เรียกลิวอย่าวที่เคยเป็นมา แต่เขาผละออกจากเตียงเสียแล้ว

“ให้สัญญากับฉันนะว่าแกจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องม้าอีก เพราะมันจะทำลายหัวใจทำลายจิตวิญญาณของแกให้ล่มลง ให้สัญญาสิ”

“จ้ะ ฉันสัญญา” ดานี่ผงกศีรษะอย่างหนักแน่น น้ำตานองหน้า

“ฉันจะออกเดินทางคืนนี้ ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนแล้วเมื่อไหร่จะได้พบแกอีก” เขาพูดต่ออย่างเลื่อนลอย “เวลานี้ทั้งสนามม้าเต็มไปด้วยนักข่าว ฉันไม่อาจจะทนที่จะพูดถึงเรื่อง...” เขานิ่งอั้นไป ได้แต่จับตามองหน้าที่เต็มไปด้วยความตระหนกของลูกสาว “ลาก่อนนะ ดานี่”

ก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว ลิว วิลเลียมส์ก็เดินออกไปจากห้องนั้นเสียแล้ว ดานี่พยายามจะร้องเรียกให้พ่อกลับมาก่อน แต่ไม่มีเสียงหลุดรอดออกมาจากลำคอที่ตีบตันเลย เธอกำเงินแน่น ปัดผ้าห่มออกจากตัวกระโจนลงจากเตียง เสื้อคนเจ็บที่ทางโรงพยาบาลสวมใส่ไว้ให้ปัดอยู่ที่น่องอย่างน่ารำคาญ เธอหายตกตะลึงจากคำพูดของพ่อแล้ว และขณะนี้สิ่งที่ปรารถนาก็คือ จะต้องวิ่งตามพ่อออกไป และพูดให้พ่อเข้าใจว่า ทั้งหมดที่เขากล่าวมานั้นมันไม่เป็นความจริงเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel