บทที่ 4
ดานี่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจอย่างที่สุด หันขวับไปยังทางวิ่ง ดวงตาที่เบิกโพลงบอกความตระหนกนั้นมองไปทางเดอะ โร้ค ที่ยังคงวิ่งอยู่ เพียงแต่ว่าท่าวิ่งของมันไม่เป็นปกติเสียแล้ว แมนนี่พยายามฉุดสายบังเหียนไว้เต็มเหนี่ยวเพื่อให้มันหยุดจิตใต้สำนึกทำให้เธอมองเห็นภาพผู้ชายทั้งสามคนกระโจนข้ามราวรั้วลงไปในทางวิ่ง และความเคลื่อนไหวของตัวเองที่ตามพวกเขาไปติดๆ ผวาวิ่งเข้าไปหาเจ้าม้าตัวที่ลดความเร็วลงแล้ว
“เสียงมาจากนั้น....ผมสาบานต่อหน้าพระเจ้าได้เลยว่าเสียงมาจากมัน...จากขาข้างที่รักษาหายแล้วนั่น” พ่อของเธอพร่ำพูดอยู่แต่ประโยค ที่สำแดงออกถึงความสิ้นหวังและกึ่งภาวนาอยู่
เมื่อทุกคนวิ่งไปถึงม้านั้น แมนนี่ได้ลงจากหลังมันแล้วและกำลังปลอบโยนมันให้สงบอยู่ ดวงตาที่บอกถึงความฉลาดเฉลียวของมันเหลือกลาน ดิ้นรนต่อสู้กับผู้ชายทั้ง 4 คนที่กำลังพยายามช่วยเหลือมันอยู่ ดานี่ตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย ได้แต่มองมือของบาร์เรทท์ คิง ที่ใช้เข็มขัดรัดขาหน้าตรงที่ห้อยให้มันอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายมากกว่าที่เป็นอยู่
ความตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรึงร่างเธอไว้กับพื้นดินที่ยืนอยู่อย่างไม่อาจเคลื่อนไหว หรือคิดทำอะไรได้เลย จนเมื่อสายตาคมปลาบของบาร์เรทท์ คิง ตวัดมองมาทางเธอ
“ตามสัตวแพทย์สิ...เร็วเข้า” เขาออกคำสั่ง
ขณะที่เธอหันหลังออกวิ่งตรงไปยังคอกม้านั้น แข้งขาที่สั่นเทาแทบจะทำให้ดานี่ล้มลงเสียให้ได้ และในวูบหนึ่งของความตระหนก ดานี่คิดว่าเธอแทบจะวิ่งไม่ไหวเอาเสียด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังวิ่ง ต่อสู้กับเสียงร้องที่ขึ้นมาจุกแน่นอยู่ในอกไปตลอดทาง
ช่วงเวลา 30 นาทีต่อมานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับจะมิได้เกิดขึ้นจริงๆ เลย เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปถึงห้องทำงานของหมอแลงเลย์ที่อยู่ในบริเวณสนามม้านั้นได้อย่างไร หรือแม้แต่เสียงสั่งห้วนๆ ของเขา ขณะที่สั่งผู้ช่วยให้จัดรถพ่วงพิเศษและรีบออกไปที่สนามในทันที เท่าที่พอจะจำได้ก็คือ ภาพเข็มฉีดยาขนาดให้ที่ทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อหนังของ เดอะ โร้ค เพื่อให้มันหมดสติเท่านั้น มีการพูดอะไรบางอย่างถึงเรื่องเอ๊กซเรย์ และให้รีบติดต่อกับหมอแฮมิลตัน ผู้คนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ต่างพูดจากันด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทั้งสิ้น
และเมื่อสติกลับคืนมา ดานี่ก็พบว่าตัวเองกำลังจ้องมองดูแว่นกันแดดที่แมนนี่กำลังเหวี่ยงไปมาอยู่ในมือ ราวกับไม่เคยเห็นมันมาก่อน คราบฝุ่นดำๆ จับอยู่บนใบหน้าทุกส่วน นอกเสียจากส่วนที่สวมแว่นกันแดดไว้เท่านั้น เธอกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ เขา มือจับเท้าแขนเก้าอี้ไว้แน่น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมานั่งอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ดานี่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเลื่อนสายตาจากแว่นกันแดดขึ้น จมูกได้กลิ่นยาที่คละคลุ้งอยู่ในห้องทำงานของหมอ และมองเห็นพ่อที่นั่งก้มหน้าคอตกอยู่
“ลิว...” น้ำเสียงของเธอมิได้ต่างไปกว่าเสียงกระซิบเลย ดานี่ไม่เคยเรียกเขาว่าพ่อหรือแด๊ดมาก่อน
เมื่อศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีเทาผงกขึ้น ดานี่ก็ได้เห็นแววแห่งความชอกช้ำของคนที่หัวใจสลายปรากฏอยู่ในดวงตาของพ่อ มันเป็นแววตาของคนแก่ที่ประสบกับความพ่ายแพ้สิ้นหวังแล้วในชีวิตนี้ จิตวิญญาณของเขาได้ถูกทำลายลงจนไม่เหลืออะไรไว้อีก ถ้ามันจะยังมีก็เพียงภาพของผู้ชายแก่ๆ คนหนึ่งที่สิ้นหวังในชีวิตอย่างสิ้นเชิง
“ขามันหัก” พ่อของเธอเอ่ยขึ้นอย่างขมขื่น
ดานี่รู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังตัวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อได้รับการยืนยัน พยายามกล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ที่ขึ้นมาตันอยู่ตรงลำคอ
“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องตายนี่” เธอพูดอย่างเกรี้ยวกราด น้ำกรดร้อนๆ หล่อรื้นขึ้นในดวงตา “แค่ขาหักเท่านั้นต้องรักษาให้หายได้แน่ มันไม่ถึงนับสิ้นหวังเสียทั้งหมดหรอกน่า”
แต่สายตาของพ่อที่มองมา เหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเธอด้วยซ้ำ และแล้วเขาก็ซุกหน้าลงในอุ้งมือ
“จำตอนที่สวาปส์มันขาหักได้ไหมล่ะ?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งจะอ้อนวอน “หมอก็ต้องรักษาขาของมันให้หายเหมือนเจ้าตัวนั้นได้เหมือนกัน แล้วมันก็จะต้องลงวิ่งแข่งได้อีก...ฉันรู้นะ...ฉันรู้ว่ามันจะต้องทำได้จริงๆ”
ประตูเปิดออก พร้อมกับหมอแลงแลย์ที่ปรากฏตัวขึ้น
“ลิว” สัตวแพทย์ผู้นั้นมิได้สบสายตากับทุกคนที่นั่งรวมกันอยู่ในห้องนั้นเลย เขาเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าพ่อของดานี่ซึ่งนั่งห่อตัวอยู่ในเก้าอี้
“ครับ” เสียงของพ่อที่ตอบรับ เหมือนจะดังมาจากก้นล้ำที่ไกลแสนไกล และไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือ
“แฮมิลตันกับผมได้ตรวจดูจากฟิล์มเอ๊กซเรย์แล้วน่ะ มันไม่มีหวังเลย” คำพูดตรงๆ ประโยคนั้นเหมือนจะเฉือนเข้าไปในความหนาหนักของบรรยากาศ
ดานี่จ้องหน้าสัตวแพทย์สูงอายุอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เธอส่ายศีรษะอย่างรุนแรงเหมือนจะลบล้างคำพูดของเขาให้หายไปในทันที และแล้ว เสียงพ่อก็เอ่ยขึ้นว่า
“จำเป็นต้องทำยังไงก็ทำไปก็แล้วกัน”
หมอแลงเลย์หันหลังจะเดินกลับไปยังประตู แต่ดานี่ถลันขึ้นจากที่นั่งเสียก่อน
“ไม่...” เธอกรีดร้องออกมา “หมอต้องช่วยมันได้สิ...หมอจะฆ่ามันทิ้งไม่ได้นะ”
“ฉันเสียใจด้วยนะ” สีหน้าของสัตวแพทย์ผู้นั้นสลดลง ท่าทางของเขาไม่อยากจะสบตาดานี่เลย “กระดูกข้อตีนมันแตกละเอียดไม่เหลืออะไรไว้ให้ยึดได้อีกแล้ว”
แต่ดานี่ไม่ยอมรับในความจริงเรื่องนี้ เธอไม่อาจจะทำใจให้ยอมรับได้จริงๆ มันเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างเหลือจะกล่าว
“ฉันไม่เชื่อ...” เธอพูดเสียงกร้าว
สมองของเธอยังพอจะรับภาพของทุกคนที่นั่งรวมกันอยู่ในห้องซึ่งกำลังมองมาด้วยความเห็นใจ และแล้ว ก็มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นตรงประตู บาร์เรทท์ คิงกำลังเดินเข้ามาในห้องด้วยเรือนร่างสูงสง่า ท่าทางมีอำนาจยิ่งนัก โทสะเดือดพล่านขึ้นในกาย เมื่อสัตวแพทย์ผู้นั้นหันไปผงกศีรษะให้กับบาร์เรทท์ คิง อย่างเสียใจ เหมือนจะตอบคำถามที่เพียงจุดประกายขึ้นในดวงตาคู่สีเขียวของเขา
“คุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น” ดานี่หันไประบายความโกรธใส่เขาทันที “บอกมาสิว่าคุณจ่ายเงินให้หมอนั่นเท่าไหร่เพื่อให้เขาฆ่า เดอะ โร้คทิ้งเสีย? คุณพยายามของซื้อมันมาตลอด แต่เราไม่ยอมขายให้” เธอสืบเท้าเข้าไปหาเขา น้ำตาเอ่อท้นอยู่ในดวงตา “ตอนนี้คุณก็แก้แค้นเราได้สำเร็จแล้วใช่ไหมล่ะ? เพราะว่าเขาจะต้องฆ่ามันทิ้งอยู่แล้วนี่...เขากำลังจะฆ่ามันทิ้งอยู่แล้วนี่...เขากำลังจะฆ่ามันทิ้งอยู่แล้ว...” เธอกรีดร้องโหยหวน
กำปั้นเล็กๆ รัวกระหน่ำลงบนแผงอกที่แข็งแกร่งราวปราการอยู่สุดกำลัง มีมือของใครหลายคนเอื้อมมาหยุดแขนเธอไว้รั้งร่างเธอให้ห่างเสียจากเขา แต่เธอก็ยังได้ยินเสียงบาร์เรทท์ คิงพูดเรียบๆ ว่า
“ปล่อยเขาเถอะ” และแขนของเธอก็เป็นอิสระ
เสียงร้องอย่างกราดเกรี้ยวเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นไห้ด้วยความเสียใจอย่างรุนแรงที่สุด และแล้ว ดานี่ก็รู้สึกว่ามีแขนที่ล่ำสันของใครคนหนึ่งเอื้อมมาประคองเธอไว้ ให้พิงอยู่กับแผ่นอกที่เธอใคร่จะทุบทิ้งทำลายเมื่อครู่
“ร้องเถอะนะ หนู” น้ำเสียงอ่อนๆ ปลอบโยนอยู่ข้างหู “ร้องออกมาให้พอใจเถอะ”
ดานี่สะอื้นไห้จนตัวสั่น ไม่ได้ยินสรรพสำเนียงใดเลยนอกจากเสียงเต้นของหัวใจที่ดังอยู่ใกล้หูและเสียงครวญครางที่หลุดออกมาจากลำคอ และแล้ว เธอก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออก พยายามเปิดเปลือกตาขึ้น และเบือนหน้าไปมองทางพ่อ ซึ่งขณะนี้มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเขา เธอก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเธอจึงรู้ว่าเขาคือนายแพทย์ แฮมิลตัน
ดานี่ไม่อยากจะเห็นสีหน้าซีดเผือดของพ่อเลย ยามที่สัตวแพทย์ผู้นั้นเข้ามาแจ้งให้ทราบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เดอะ โร้คตายแล้ว เธอยกมือขึ้นปิดหูไว้ราวกับว่าการกระทำเช่นนั้นจะช่วยปิดป้องข่าวร้ายเข้ามาถึงหูเธอได้ ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นว่า
“ไม่...” และแล้วก็รู้ว่าเป็นเสียงของตัวเอง จากนั้นก็รู้สึกคล้ายกับว่ามันเกิดอาการแปลกๆ ขึ้นในหู ปีกแห่งความมืดมิดตกลงปกคลุมกาย ขณะที่อ้อมแขนที่แข็งแกร่งกระชับร่างเธอไว้