บท
ตั้งค่า

พันธะ4 แผน

หลังจากที่จบประโยคคำพูดของชนาธิป ทินภัทรก็ไม่ได้เอ่ยพูดหรือตอบอะไรกลับมาอีกและเมื่อนายน์เห็นผักขาเอาแต่นั่งเงียบหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างเดียว ก็ไม่ได้เอ่ยพูดหรือซักไซ้ก่อนที่จะหันกลับมาตั้งใจขับรถตรงไปบ้านของผักขาตามเดิม

ผ่านไปไม่นานรถคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดสนิทในรั้วบ้านสองชั้นขนาดพอดี ชนาธิปจัดการดับเครื่องยนต์แล้วหันไปมองคนด้านข้างที่พอรถจอดสนิทก็เก็บข้าวของแล้วรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างเร็ว โดยที่ไม่หันมามองคนตัวสูงแม้แต่น้อย

และเมื่อเป็นอย่างนั้นตัวชนาธิปเองก็รีบปลดเบลท์เอี้ยวตัวไปคว้าแบบโครงสร้างที่อยู่ด้านหลังแล้วรีบลงจากรถก้าวเดินเร็วๆตามโอเมก้าร่างบางเข้าบ้าน

"กลับมาแล้วเหรอผัก ทำไมกลับมาเร็วจัง"

ทันทีที่สองเท้าของผักขาก้าวเข้ามาในบ้านเสียงของอรอนงค์ผู้เป็นแม่ที่นอนดูทีวีอยู่ที่ประจำก็ทักถามขึ้นทั้งที่สายตาไม่ได้มองมาที่ลูกชายยังคงเอาแต่จับจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวี

"คุณนายผมไม่ได้มาคนเดียว"ผักขาที่เห็นผู้เป็นแม่นอนดูทีวีด้วยท่าทีสบาย ๆ ก็เอ่ยบอกเป็นนัยว่าตัวเองไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียวหรือกลับมากลับน้องชายนะ ให้รีบลุกขึ้นนั่งดี ๆ

"หื้มม อ่าวคุณชนาธิปมาได้ไงคะเนี่ย มาค่ะเข้ามานั่งก่อน"อรอนงค์ที่เข้าใจในสิ่งที่ลูกชายต้องการจะสื่อก็รีบลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองทางลูกชาย ก่อนที่จะพบว่าด้านหลังของลูกชายมีชายหนุ่มที่ตัวเองรู้จักยืนอยู่ก็รีบทักทายแล้วชวนมานั่งทันที

"ขอโทษที่ไม่ได้โทรบอกล่วงหน้านะครับว่าจะเข้ามา พอดีว่าพึ่งตัดสินใจกันกะทันหันที่หน้าไซต์งานน่ะครับ"นายน์เอ่ยตอบคุณนายอรอนงค์ด้วยใบหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะก้าวเดินมาทรุดตัวลงนั่งยังโซฟาตามคำเชิญของเจ้าของบ้าน

โดยทุกการกระทำของคนตัวสูงก็อยู่ในสายตาของผักขาตลอด

ด้านผักขาที่ยังไม่รู้ว่าจะหาวิธีการไล่ให้อัลฟ่าตัวสูงนี้กลับไปโดยเร็วได้ยังไงก็ได้แต่จำใจเดินตรงมาทรุดตัวนั่งลงข้างผู้เป็นแม่ เพื่อที่จะได้พูดคุยแบบโครงสร้างนี้ให้มันจบเร็ว ๆ แล้วจะได้ไล่ให้นายน์กลับไปอย่างไม่น่าเกลียด

เพราะมีวิธีนี้วิธีเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้

"งั้นเราเริ่มคุยงานกันให้จบเร็ว ๆ เถอะครับ"

"เอ๊ะไอ้ลูกคนนี้นี่ ทำไมพูดจาแบบนี้ พี่เขาพึ่งจะมาถึงบ้านเราเหนื่อย ๆ ไปหาน้ำหาท่ามาต้อนรับแขกไป"อรอนงค์ที่เห็นลูกชายแสดงท่าทีออกมาไม่ดี ก็รีบฟาดฝ่ามือใส่ต้นแขนผักขาไม่แรงมากนักพร้อมกับเอ่ยพูดสั่งสอนลูกชายเล็กน้อย ก่อนที่จะไล่ผักขาให้ไปเตรียมพวกน้ำและขนมมาต้อนรับแขก

"ต้องขอโทษแทนลูกชายด้วยนะคะ เจ้าผักขาก็เป็นคนแบบนี้แหละไม่ค่อยมีมิตรไมตรีเท่าไหร่นัก"

หลังจากลูกชายคนโตลุกเดินปึงปังออกไปตามคำที่ตนบอก อรอนงค์ผู้เป็นแม่ก็หันมาเอ่ยขอโทษขอโพยนายน์ทันที

ส่วนด้านนายน์ที่เห็นท่าทีของคนร่างบางที่มองมาที่ตนด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะเดินออกไปนั้น ก็ได้แต่ยิ้มอย่างนึกเอ็นดูแล้วหันมาพูดคุยกับอรอนงค์ต่อ

"ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเข้าใจครับว่าน้องเขาคงอยากจะคุยงานให้เสร็จเร็ว ๆ "

"เฮ่อออเจ้าลูกคนนี้นี่ชอบทำให้แม่ปวดหัวจริง ๆ ถ้าเกิดว่าน้องแสดงท่าทีไม่ดีต่อคุณชนาธิปฉันต้องขอโทษแทนด้วยนะคะ"อรอนงค์บ่นให้ลูกชายตัวเองเบา ๆ ก่อนที่จะเอ่ยขอโทษชนาธิปอีกครั้ง

"ไม่เป็นไรเลยครับ คุณอรอนงค์ไม่ต้องขอโทษผมแล้ว อีกอย่างเรียกผมว่านายน์ก็ได้นะครับไม่ต้องเรียกชื่อจริงของผมก็ได้"

"อ่าถ้าอย่างนั้น งั้นก็เรียกน้าว่าน้าอรก็แล้วกันจะได้สนิท ๆ กัน"

"เอาอย่างงั้นก็ได้ครับ"

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีผักขาก็นำพวกขนมผลไม้และน้ำเข้ามาแล้วคนทั้งสามก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับโครงสร้างตึกอีกครั้งอย่างจริงจัง ว่าต้องการที่จะปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมตรงไหนอีกมั้ยและก็พูดคุยเกี่ยวกับระยะเวลาในการสร้างและสิ่งต่าง ๆ อีกมากมาย จนเวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมง

มารู้ตัวอีกทีเวลาก็ปามาถึงห้าโมงเย็นแล้ว เห็นดังนั้นคุณนายอรอนงค์จึงได้เอ่ยปากชวนให้ชนาธิปนั้นได้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อน โดยที่ไม่ฟังเสียงคัดค้านของลูกชายคนโตเลยแม้แต่น้อย

และเมื่อผู้เป็นแม่ของผักขาเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่ต่อและใกล้ชิดผักขามากขึ้นมีหรือว่านายน์จะปล่อยไป ก็ต้องตอบตกลงอยู่แล้ว

หลังจากที่คุยงานและชวนอัลฟ่าหนุ่มให้อยู่กินข้าวด้วยกันสำเร็จ ผู้เป็นแม่อย่างอรอนงค์ก็ไล่ให้ลูกชายนั้นไปทำกับข้าวก่อนแล้วตัวของเธอก็อยู่ผู้คุยกับนายน์อีกเล็กน้อย ก่อนที่จะขอปลีกตัวไปช่วยลูกชายทำกับข้าว

แต่ทว่าอรอนงค์ที่กำลังลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะไปช่วยลูกชายก็ต้องทำหน้าแปลกใจ เมื่ออยู่ ๆ ชายหนุ่มตัวสูงก็แสดงสีหน้าเป็นกังวลหลังจากอ่านข้อความในมือถือ

"มีอะไรหรือเปล่านายน์ ขอโทษที่น้าเสียมารยาทนะพอดีน้าเห็นนายน์มองมือถือแล้วแสดงสีหน้าเป็นกังวล ถ้ามีธุระด่วนนายน์บอกน้าได้นะ"อรอนงค์เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะเธอเกรงว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะมีธุระด่วนแต่ไม่กล้าไปเพราะเกรงใจเธอที่ชวนกินข้าวเย็นด้วย

"เปล่าหรอกครับ พอดีว่าเลขาของผมทักมาบอกว่าทางโรงแรมที่ผมจองไว้มีปัญหาทำให้ไม่สามารถเปิดห้องพักให้ผมได้น่ะครับ เฮ่ออ"ชนาธิปเอ่ยตอบพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ

ด้านคุณนายอรอนงค์เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา ก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วงทันที

"อ่าวทำไมเป็นอย่างนั้นไปได้ล่ะ แล้วนี่นายน์ได้ที่พักใหม่หรือยัง"

"ยังเลยครับ พอดีว่าตอนนี้เลขาของผมเขากำลังเคลียร์งานด่วนอยู่น่ะครับเลยไม่มีเวลาปลีกตัวมาหาโรงแรมใหม่ให้ ผมกะว่ากินข้าวเย็นเสร็จแล้วค่อยไปหาที่พักใหม่อีกทีน่ะครับ"ชนาธิปเอ่ยตอบหญิงวัยกลางคนพลางคลี่ยิ้มเล็กน้อยส่งให้

แต่ทว่าคนตัวสูงที่กำลังนั่งคุยกับหญิงวัยกลางคนเป็นต้องนิ่งชะงัก เมื่ออยู่ ๆ กลิ่นเหม็นฉุนปนกลับกลิ่นหอมของกระเทียมที่โดนผัดก็ลอยมาเตะจมูกของเขา

"กลิ่นนี้มัน...."ชนาธิปสบถออกเสียงเบาพลางหันไปมองยังทางห้องครัวที่ผักขากำลังทำกับข้าวอยู่ในนั้น

"กลิ่นไข่เจียวชะอมน่ะ เมนูนี้โปรดผักขาเขาแหละ"อรอนงค์เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างยิ้ม ๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มดูจะสนใจกลิ่นกับข้าวที่ลอยฟุ้งทั่วบ้านในเวลานี้

"ไข่เจียวชะอมเหรอครับ กลิ่นฉุนที่ผมได้กลิ่นตอนนี้คือกลิ่นของอะไรเหรอครับคุณน้า"นายน์ที่ยังสงสัยเรื่องกลิ่นที่ตัวเองได้กลิ่นในตอนนี้เอ่ยถามหญิงวัยกลางคนตรงหน้าขึ้นอย่างสงสัย

เพราะตอนนี้กลิ่นที่ฟุ้งทั่วทั้งบ้านในตอนนี้มันเหมือนกับกลิ่นฟีโรโมนขอผักขาเหลือเกิน ในตอนแรกเขานึกว่าเป็นกลิ่นฟีโรโมนของผักขาที่ลอยปนมากับกลิ่นของอาหาร

แต่ทว่าเขาต้องคิดใหม่เพราะอรอนงค์ที่นั่งอยู่กับเขาก็ได้กลิ่นด้วย เพราะฉะนั้นกลิ่นกลิ่นนี้ต้องเป็นกลิ่นของอะไรสักอย่างที่เหมือนกับกลิ่นฟีโรโมนของผักขา

"กลิ่นของผักชะอมที่ใส่ในไข่เจียวน่ะจ้ะ ความจริงกลิ่นนี้ก็เป็นกลิ่นฟีโรโมนของผักขาเขานะ แต่ถึงพูดอย่างนั้นน้ากับน้อง ๆ ของผักขาก็ไม่เคยได้กลิ่นฟีโรโมนของเจ้าตัวหรอกเพราะพวกน้าต่างก็เป็นคนธรรมดา มีแค่ผักขาที่เป็นโอเมก้าอยู่คนเดียว ว่าแต่นายน์เป็นอัลฟ่าใช่มั้ยลูก"อรอนงค์เอ่ยพูดอธิบายขึ้นมายาวเหยียด ก่อนที่จะเอ่ยถามชายหนุ่มขึ้นว่าเขานั้นมีสถานะเป็นอัลฟ่าอย่างที่เธอคิดไว้ใช่มั้ย

"ใช่ครับ ผมเป็นอัลฟ่า"นายน์เอ่ยตอบไปตามความจริงพลันนึกดีใจว่าในที่สุดตัวเองก็ได้รู้สักทีว่ากลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าตัวน้อยที่เขานึกสงสัยมานานหลายปีนั้นคือกลิ่นอะไร

ที่แท้ก็คือกลิ่นผักชะอมนี่เอง

"อะจริงสิ! น้าก็ดันคุยเรื่องของลูกชายของน้าซะเพลินจนลืมเรื่องของนายน์ไปเลย"

"ครับ? เรื่องของเหรอครับ"

"ใช่จ้ะ เอาอย่างนี้มั้ยจ้ะถ้านายน์ยังไม่มีที่พัก งั้นนายน์มาพักที่บ้านของน้าก่อนมั้ย"อรอนงค์พูดเสนอขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มๆ

"เอ่อ...มันจะดีเหรอครับคุณน้า คือผมเกรงใจเพราะยังไงผมก็พึ่งจะรู้จักคุณน้าเอง"

"โอ๊ยไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะยังไงบ้านของน้าก็มีห้องว่างไว้สำหรับแขกอยู่แล้ว อีกอย่างวันนี้มันก็จะมืดแล้วด้วยแถมที่นี้ยังอยู่ต่างจังหวัดอีกกว่าจะหาโรงแรมดี ๆ ได้ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย แล้วน้าเองก็รู้สึกชอบและเอ็นดูนายน์มาก นายน์ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ ว่ายังไงจ๊ะนายน์จะพักอยู่บ้านน้ามั้ย"

อรอนงค์เอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง พลางใบหน้าที่เริ่มมีรอยย่นตามอายุก็จ้องมองชายหนุ่มเพื่อรอคำตอบ

แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่นายน์เอ่ยพูดขึ้นมาว่าเขาไม่มีที่พักนั้นเป็นแผนของเขาทั้งหมด ที่หาเรื่องให้คุณนายน์อรอนงค์ชวนตัวเขาค้างอยู่ที่นี้ต่อ

"งั้นผมก็ขอรบกวนคุณน้าสักคืนด้วยนะครับ"

เป็นไปตามแผน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel