พันธะ3 ปฏิเสธไปเถอะ
ชนาธิป
"ถ้าคุณชนาธิปยังไม่คุยตอนนี้ งั้นผมขอตัวไปคุยกับผู้รับเหมาก่อนนะครับ"หลังจากที่ผักขาเอ่ยจบประโยคเจ้าตัวก็รีบสาวเท้าเดินหนีจากนายน์ไปในทันที
"หึ! หนีเก่งจริงๆ"
ด้านนายน์เองเมื่อเห็นโอเมก้าตัวน้อยที่เขาพยายามตามหามาตลอดหลายปีมีท่าทีไม่อยากจะเข้าใกล้ตัวเองเท่าไหร่นัก ก็ได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างชอบใจ ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินตามหลังของผักขาที่เดินไปทางน้องชายตัวเองเพื่อจะคุยงานต่อ
"อ่าวพี่ผัก คุยงานกับคุณสถาปนิกเสร็จแล้วเหรอ"ข้าวเม่าที่กำลังแจกบัวลอยที่ผักขาทำแบ่งใส่ถ้วยพลาสติกให้กับเหล่าผู้เหมาอยู่นั้น เมื่อหันมาเห็นพี่ชายตัวเองก็เอ่ยถามขึ้นพลางขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยเพราะนี้พึ่งผ่านไปไม่กี่นาทีเองทำไมพี่ชายเขาคุยเร็วจัง
"เอ่อ...."ผักขาที่ยังคิดข้อแก้ตัวกับน้องชายไม่ได้ก็ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แต่ทว่าชนาธิปที่เห็นท่าทีอึกอักของคนตัวเล็กก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงเอ่ยแทรกตอบข้าวเม่าไป
"อ๋อ ยังหรอกครับคุณผักขาเขาบอกว่าจะให้ผมไปคุยที่บ้านน่ะครับ เห็นบอกว่าอยากให้คุณอรอนงค์ช่วยดูอีกทีว่าตรงไหนมีปัญหาหรือเปล่าถ้าเขาต้องการจะแก้ไข"
"ห๊ะ?"ผักขาเบิกตากว้างหันไปมองยังต้นเสียงที่ไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเดินตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยแววตาอึ้ง ๆ
"อ่าว อย่างงั้นเหรอพี่"ข้าวเม่าที่ไม่รู้อะไรก็นึกว่าเป็นอย่างที่ชนาธิปว่าจริง ๆ ก็หันไปถามความเห็นจากพี่ชายตัวเองอีกรอบ
ส่วนผักขาที่ยังงงงวยอยู่ก็ได้แต่จ้องมองใบหน้าหล่อของนายน์ด้วยแววตาเบิกกว้าง ก่อนที่จะหันไปตอบน้องชายอย่างจำใจ
"อืมใช่ พี่อยากให้คุณนายอรดูแบบโครงสร้างช่วยอีกทีน่ะ เผื่อมีตรงไหนที่พี่อยากแก้แล้วมันไม่ดีตามที่พี่คิด"
"อ่อ อย่างนี้นี่เอง งั้นตรงนี้ก็เหลือคุยกับผู้รับเหมาก็จบแล้วใช่มั้ย"
"อืม ใช่แล้วถามทำไมอ่ะ แกรีบไปไหนอย่างงั้นเหรอ"ผักขาเอ่ยถามน้องชายขึ้น เมื่อเห็นท่าทีของน้องชายที่ก้มมองมือถือในมือด้วยท่าทีเครียด ๆ
"ไอ้ปริ้นเพื่อนผมอ่ะดิ มันทักมาบอกว่ามีเรื่องชกต่อยบอกให้ผมไปหามันที่โรงพักหน่อย"ข้าวเม่าเอ่ยตอบพี่ชายด้วยสีหน้าเครียด ๆ
"ห๊าาาา"
"คุณข้าวเม่าไปหาเพื่อนเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวคุณผักขาผมไปส่งก็ได้ ยังไงผมก็ต้องเข้าไปคุยกับคุณอรอนงค์ที่บ้านอยู่แล้ว"นายน์รีบเอ่ยอาสาขึ้นทันที
เมื่อเห็นจังหวะที่จะได้อยู่กันสองคนมีหรือที่นายน์จะปล่อยโอกาสไป
"เอ่อ...งั้นผมรบกวนคุณสถาปนิกด้วยนะครับ"ข้าวเม่าที่เป็นห่วงเพื่อนรีบเอ่ยตอบข้อเสนอของชนาธิปที่จะไปส่งพี่ชายตัวเองในทันที
"ไม่เป็นไรเลยครับ"
ส่วนด้านผักขาที่เห็นชายหนุ่มทั้งสองเอ่ยตกลงกันเองสองคนโดยที่ไม่ถามตัวเขาก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นในทันที
"เดี๋ยวสิไอ้เม่า นี่แกจะทิ้งพี่ไว้ที่นี้คนเดียวหรือไง"ผักขาคว้าหมับเข้าที่แขนแกร่งของน้องชายพลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ
"พี่ก็ได้ยินแล้วนี่ว่าไอ้ปริ้นมันอยู่ที่โรงพัก อีกอย่างผมก็ไม่ได้ทิ้งพี่สักหน่อย ก็พี่บอกเองว่ายังไงพี่ก็ต้องไปคุยงานกับคุณเขาที่บ้าน ผมก็แค่ให้พี่ติดรถไปกับคุณสถาปนิกก็แค่นั้นเอง ปล่อยผมได้แล้วผมต้องรีบไปประกันตัวไอ้ปริ้น"ว่าจบข้าวเม่าก็แกะมือพี่ชายออกแล้วรีบยัดถุงที่เหลือบัวลอย2ถ้วยใส่มือพี่ชาย ก่อนที่จะรีบเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
"ไอ้ข้าวเม่า! ไอ้น้องเวรเอ๊ยยย"ผักขาที่ทำอะไรไม่ได้เหมือนอย่างเคยก็ได้แต่ตะโกนด่าไล่หลังน้องชายเพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น
"เอายังไงครับ ไปกันเลยมั้ย"ชนาธิปเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยืนหันหลังให้ตัวเอง พลางนัยน์ตาคมก็ไล่มองสำรวจร่างกายของคนตรงหน้า ก่อนที่จะไปหยุดสายตาที่ต้นคอของผักขาที่มีรอยกัดแผลเป็นนูนขึ้นมา ที่ดูก็รู้ว่าเป็นรอยพันธะที่ตัวเขาเป็นคนทิ้งไว้เมื่อ5ปีก่อน
"ผมขอไปคุยกับผู้รับเหมาก่อนนะครับ"
"โอเค....อ่าาไม่รอให้พูดจบประโยคเละแฮะ"นายน์บ่นออกมาเสียงเบา เมื่อเห็นว่าผักขานั้นที่พูดจบก็เดินหนีไปเลยไม่รอให้เขานั้นเอ่ยตอบเลยสักนิด
ผักขาเดินไปคุยงานกับผู้รับเหมาเพื่อที่จะตกลงกันว่าจะเริ่มก่อสร้างตรงส่วนไหนก็มีนายน์ยืนสังเกตดูและมองตามคนร่างบางอยู่ตลอด ก่อนที่จะหันไปเอ่ยปากไล่เลขาชายคนสนิทให้กลับไปก่อน เพราะตัวเขานั้นต้องการที่จะอยู่กับผักขาแค่สองคนบนรถ
จะได้พูดเคลียร์กันสักที
บนรถ
หลังจากที่ผักขาพูดคุยกับผู้รับเหมาอยู่สักพักก็เป็นอันตกลงกันเรียบร้อยว่าจะเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ ผักขาจึงเดินกลับมาหานายน์และเดินขึ้นมานั่งบนรถข้างคนขับเพื่อจะไปคุยรายละเอียดอะไรกันต่อที่บ้านของผักขา
"เลขาคุณล่ะ"ผักขาเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นคนตัวสูงเปิดประตูรถและขึ้นมานั่งฝั่งคนขับโดยไร้เงาของเลขาชายที่ผักขาเห็นตั้งแต่แรกที่ลงจากรถ
จะว่าไปก็ไม่เห็นสักพักแล้วนะ
"เขามีงานด่วนที่ต้องกลับกรุงเทพกะทันหันน่ะครับ"นายน์เอ่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ก่อนที่จะเอี้ยวตัวมาทางผักขา จนทำให้ผักขาที่ไม่ทันตั้งตัวเบิกตากว้างร้องถามขึ้นอย่างตกใจ
"นี่คุณจะทำอะไร!"
"ผมแค่จะคาดเบลท์ให้คุณเองครับ"นายน์ยังคงเอ่ยตอบด้วยท่าทีนิ่ง ๆ และใบหน้าประดับรอยยิ้มพลันจมูกก็แอบสูดดมกลิ่นฟีโรโมนที่เจือจางของผักขา
"ผมคาดเองได้! ออกไปหาง ๆ ผมเลยนะ"
"ขอโทษทีถ้าผมทำให้คุณตกใจ"ชนาธิปเอ่ยพูดขึ้นมาแค่นี้ ก่อนที่จะทำการสตาร์ทรถแล้วขับไปตามเส้นทางที่คนด้านข้างบอก
ระหว่างทางที่ล้อรถวิ่งแล่นไปถามท้องถนนภายในรถก็ปกคลุมไปด้วยความเงียบโดยไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร ชนาธิปที่ทำหน้าที่เป็นสารถีก็ทอดสายตามองไปยังถนนเส้นยาวเบื้องหน้า แต่ก็มีบ้างที่เหลือบสายตามองมายังโอเมก้าตัวน้อยที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่ด้านข้างเขา
ส่วนด้านผักขาที่รู้สึกเกร็งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วที่ต้องมาเจออัลฟ่าหนุ่มที่ตัวเองหนีหายเขามาถึง5ปี แล้วยิ่งตอนนี้ต้องมานั่งรถคันเดียวกับเขาสองต่อสองก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเกร็งและประหม่าเข้าไปอีก
"นี่ผักขา ผมถามอะไรหน่อยสิ"เป็นนายน์ที่เอ่ยทำลายความเงียบภายในรถลง
ส่วนผักขาที่นั่งเกร็งเม้มปากเงียบมาตั้งแต่ต้นทางก็หันไปมองชายหนุ่มตัวสูงอย่างชั่งใจว่าจะเอ่ยพูดคุยกับเขาดีมั้ย แต่สุดท้ายผักขาก็ได้แต่ถอนหายใจทิ้งออกมาเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยพูดกับนายน์
"ครับ คุณมีอะไรจะถามผมเหรอ"
"ทำไมวันนั้นคุณถึงหนีผมมา"นายน์เอ่ยถามเปิดประเด็นเรื่องเมื่อ5ปีก่อนขึ้นพลางนัยน์ตาคมก็ทอดมองไกลไปยังถนนเบื้องหน้าไม่ได้หันมามองคนข้างกายเลยว่าตอนนี้ได้แสดงสีหน้ายังไง
"คะ คุณพูดเรื่องอะไรผมไม่เห็นเข้าใจเลย ผมไปหนีอะไรคุณตอนไหนกัน"ผักขาเลือกที่จะเอ่ยตอบโกหกออกมา
เขาไม่อยากจะยอมรับความจริงกับชนาธิป เขาไม่อยากจะยุ่งวุ่นวายกับผู้ชายคนนี้ เขาอยากจะใช้ชีวิตอยู่เงียบ ๆ เหมือนเดิมที่ผ่านมา
อยากจะทำเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เอี้ยดดดด
เมื่อได้ยินคำตอบจากคนร่างบาง ชนาธิปตัดสินใจเลี้ยวรถจอดสนิทที่ข้างทางทันที ก่อนที่จะหันไปพูดกับผักขาด้วยสีหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจ
"เฮ่ออ นี่ผักขาถึงวันนั้นผมจะไร้สติและเห็นหน้าคุณไม่ค่อยชัด แต่ผมจำกลิ่นของคุณได้แม่นนะและผมเองก็มั่นใจว่าคุณเองก็จำกลิ่นของผมได้เช่นกัน"
"คุณพูดเรื่องบ้าอะไรของคุณคุณชนาธิป ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย"ผักขายังคงยืนกรานคำเดิมของตัวเอง
ส่วนชนาธิปที่เห็นทินภัทรยังคงปากแข็งไม่ยอมรับหรือพูดอะไรอีก แถมยังหันหน้ามองออกไปทางหน้าต่างรถเพื่อหลบสายตาของเขา นายน์ก็ได้แต่จำนนและยอมถอยให้ก่อนในวันนี้
"โอเคผักขาวันนี้คุณปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องเมื่อ5ปีก่อนก็ไม่เป็นไร แต่คุณอย่าลืมว่ารอยที่คอของคุณมันปฏิเสธไม่ได้หรอกนะ ว่าคุณเป็นโอเมก้าของผมแล้ว"
ตอนนี้อยากจะปฏิเสธก็ปฏิเสธไปเถอะ แต่ถ้ายอมรับเมื่อไหร่ ผมไม่ยอมปล่อยคุณไปอีกแน่
กล้ามากที่ได้ผมแล้วหนีมา ปล่อยให้ผมตามหาอยู่ตั้งนานหลายปี
