บท
ตั้งค่า

๗ เห็นกับตาแทบไม่อยากเชื่อ (๑)

เห็นกับตาแทบไม่อยากเชื่อ

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณนับคิดนะคะ นางแค่ แค่คิดว่าเป็นหมากฝรั่งน่ะค่ะ” เหตุผลฟังไม่ขึ้นและดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อซะด้วย

นับอนันต์ยิ้มขำจนไหล่สั่น ยิ่งเห็นใบหน้าแดงก่ำก็นึกเอ็นดูหญิงสาว เขามองเธอเต็มตาเห็นว่าอีกฝ่ายต่างจากทุกวันที่เจอ ผมเผ้าซึ่งเคยมัดรวบเป็นระเบียบถูกปล่อยยาวแถมดัดลอน ใบหน้าถูกแต่งจนกลายเป็นสาวหวาน

โดยเฉพาะชุดเดรสที่อีกฝ่ายสวม จากคนห้าวเป็นลุคคุณหนู หล่อนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“อือ ฉันเชื่อ” ตอบไปแบบนั้นทั้งที่ในใจไม่เชื่อสักนิด

คนตัวเล็กรู้ดีว่าเขาแค่ตอบรับเพื่อให้ตนสบายใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะคิดไม่ออกว่าควรทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นแบบกะทันหัน

“คุณออกมาแบบนี้เลยเหรอคะ คนอื่นจำไม่ได้เหรอ” ที่เขาไม่ชอบออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากให้ผู้คนสังเกตเห็น แต่แปลกที่มาหอพักของหล่อนแล้วเปิดหน้าตาไม่ใส่แม้กระทั่งหน้ากากปกปิดใบหน้า แล้วอย่างนี้จะไม่ถูกพบเห็นจากคนภายนอกเหรอ

“ฉันใส่หมวกกับแมส แต่ถอดหมวกไว้บนรถ” บอกอย่างละเอียดพร้อมชูหน้ากากอนามัยซึ่งถูกพับเก็บไว้ที่กระเป๋ากางเกง

พยักหน้าเข้าใจแล้วเงียบลง เหมือนย้อนกลับไปตอนครั้งแรกที่เจอเขา เพราะหล่อนพูดอะไรไม่ออกสักอย่าง

บรรยากาศมันกระอักกระอวนมากเกินไป ไม่รู้ว่าควรสนทนาไปในทิศทางไหน เมื่อนับอนันต์เข้าใจผิดไปแล้วว่านัดเขามาวันนี้เพื่อบอกชอบ หล่อนถอนหายใจแผ่วเบาแสนเสียดายกับช่วงเวลาพิเศษที่ควรเกิดขึ้นระหว่างตนกับพงพนา

แต่มันกลับพลิกล็อคกลายเป็นนักแสดงชายดาวรุ่งไปเสียได้

“อือ...ห้องเธอน่ารักดีนะ มีรูปฉันด้วย” มองภาพที่ติดข้างฝาผนังก็เอ่ยทัก หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปที่โซนห้องนอนแล้วยืนบังรูปของเขาเอาไว้

“ก่อน ก่อนทำงานต้องหาข้อมูลคุณนับ นางก็เลยต้องเขียนไว้น่ะค่ะ ทำเหมือนละครสืบสวนไงคะ” อธิบายจนลิ้นเกือบจะพันกัน ทำไมวันนี้ถึงซวยหลายอย่าง เธอตกเป็นรองเขาทุกทาง หันไปไหนก็ดูเหมือนจะไม่รอด

“แต่รูปไม่ค่อยหล่อนะ เดี๋ยววันหลังฉันเอาภาพที่หล่อกว่านี้มาให้” ยังคงมองร่างบางไม่เคลื่อนสายตา เขาหลงเธอในรูปลักษณ์นี้จริงๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ” ส่ายหน้าปฏิเสธ จะเดินไปทางอื่นก็ไม่อยากให้นับอนันต์เห็นรูป หรือควรจะหันไปแกะออก มันดูเป็นการทำร้ายจิตใจชายหนุ่มเกินไปหรือเปล่า

“อือ เข้าใจ เห็นตัวจริงอยู่แล้วจะเอารูปมาทำไมล่ะเนอะ” รู้สึกเหมือนว่าเขาจะเข้าข้างตัวเองมากเกินไป จนเธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรแล้ว

ตั้งแต่เรื่องที่บอกชอบผิดคน อีกฝ่ายเจอถุงยางอนามัยในห้อง ล่าสุดมีรูปของเขาติดอยู่ข้างฝาผนัง มองอย่างไรก็เหมือนคนคลั่งไคล้ดารา

อยากถอนหายใจดังๆ สักสิบรอบ

“คุณนับ มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ” ทำได้เพียงปฏิเสธแต่ก็ไม่อธิบายอะไรต่อให้กระจ่าง หญิงสาวมองหน้าเขาต้องการให้เลิกแกล้งกันสักที แต่กลายเป็นร่างสูงเดินดุ่มมาหาหล่อน แล้วยันมือไว้ผนังเพื่อปิดกั้นทางออกของคนตัวเล็ก

มองดูชินานางใกล้ๆ เป็นครั้งแรก ทำเอาร่างบางถึงกับถอยชิดติดผนัง แต่ก็ลืมไปว่าตนเองยืนอยู่ตรงนี้นานแล้วและไม่สามารถถอยไปไหนได้อีก ลำตัวแทบจะรวมเป็นหนึ่งกับผนังสีขาว

“เธอชอบฉันมากเลยเหรอ” น้ำเสียง แววตา ใบหน้า ทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นนับอนันต์มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบเขา

ชายหนุ่มเป็นคนมีเสน่ห์เหลือล้นจนเกินต้านทาน แค่อยู่ด้วยไม่กี่สัปดาห์ก็รับรู้ถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของตัวเอง ทว่าหญิงสาวอยากได้ความมั่นใจมากกว่านี้ว่ามันคือความรักจริงๆ ใช่ไหม

เพราะเธอไม่เคยอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนเลย เขาถือเป็นคนแรกที่ได้ทำงานด้วยและมีการพูดคุยมากกว่าคนอื่น แล้วยังเป็นคนอบอุ่น คิดถึงผู้อื่น เจออย่างนี้ใครบ้างจะไม่หลง

“นาง..” ไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอทำได้เพียงเงยหน้ามองเขาอยู่อย่างนั้น

“ถ้างั้นเรามาลองเรียนรู้กันดูไหม ยังไม่ต้องเป็นแฟนแต่ค่อยๆ ทำความรู้จักกันไปก่อน วันไหนที่พร้อมเราค่อยพัฒนาก็ได้” เสียงอ่อนหวานที่ออกจากปากเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกละคร ไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง กำมือแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือ

เมื่อเจ็บจึงได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันเป็นความจริง ไม่ใช่เรื่องที่ฝันไปหรือกำลังถ่ายละคร

“คุณนับลืมคุณเพลินได้แล้วเหรอคะ หรือว่าใช้นางเพื่อลืมคนรักเก่า” เป็นเหตุผลอีกข้อที่เธอกลัว หญิงสาวไม่ต้องการเป็นตัวแทนของใคร

ถ้าจะรักก็ต้องรักด้วยความรู้สึก ไม่ใช่เห็นว่าอยู่ใกล้และคว้ามาได้อย่างง่ายดายจึงคิดเล่นกับหัวใจของเธอ

“ฉันไม่เคยใช้ใครเพื่อลืมใคร และที่ฉันบอกแบบนั้นก็เพราะฉันสนใจในตัวเธอ เธอที่เป็นเธอ เป็นนางที่ฉันรู้จักไม่ใช่ตัวแทนของใคร” ไม่รู้คำพูดของเขามันกินใจหรือเปล่าหล่อนถึงได้มองไม่หลบสายตา คำพูดเล็กน้อยแต่มันกลับสร้างเสน่ห์ในตัวของนับอนันต์ให้เพิ่มมากขึ้น

ใจหล่อนเต้นไม่เป็นจังหวะ...จนไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าใบหน้าคมเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

รู้สึกตัวอีกทีเธอก็หลับตาลงพร้อมกับรู้สึกอุ่นที่หน้าผาก พอลืมตาก็เห็นเขาถอยห่างออกแล้ว หญิงสาวรู้สึกหมดแรงจนเกือบยืนไม่ไหว

“ฉันคิดว่าถ้าอยู่ห้องเธอนานกว่านี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” ลงท้ายด้วยการยีศีรษะแล้วยิ้มให้เธอหนึ่งที ค่อยหยิบหน้ากากอนามัยมาสวมเพื่อปกปิดใบหน้า เขาออกจากห้องของเธอแล้วเดินก้มหน้าปล่อยหญิงสาวให้ทรุดลงบนพื้น

เชื่อว่าตอนนี้แก้มคงแดงเป็นลูกมะเขือเทศ สมองเบลอไปชั่วขณะจนทำอะไรไม่ถูก เธอมองเตียงนอนแล้วเผลอนึกถึงภาพแสนเร่าร้อนจนต้องยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองทั้งสองข้างเพื่อเรียกสติ

“หยุดคิดเดี๋ยวนี้เลยนะนาง เป็นบ้าไปแล้วหรือไง หยุดๆๆ” แค่เขาจุมพิตที่หน้าก็ทำให้หล่อนฝันหวานไปได้ไกลขนาดนั้นเลยเหรอ

แต่คำพูดของนับอนันต์ก็ชวนให้คิดไปไกลเหมือนกัน เท่าที่ฟังก็แสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มสนใจเธอ...

แน่เหรอ ทำไมสนใจเธอล่ะ ผู้หญิงที่หน้าตากลางๆ ฐานะกลางๆ ไม่มีจุดเด่นอะไรให้สนใจสักอย่าง แล้วเขาชอบตรงไหน ถ้าวัดตนเองและแฟนเก่าของชายหนุ่มอย่างเพลินพลิน เรียกได้ว่าห่างกันราวฟ้ากับเหว

แน่นอนว่าเธอต้องเป็นเหวอยู่แล้ว

ถ้าอย่างนั้นเขาเอาอะไรมาชอบเธอ คิดหาคำตอบแต่ก็ลงท้ายด้วยคำถามเช่นเดิม สุดท้ายหญิงสาวจึงถอนหายใจแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า วันหยุดคงอยู่ห้องนอนเปื่อยๆ แล้วคิดเพียงเรื่องของเจ้านายหน้าหล่ออย่างเดียว

จากที่จะบอกชอบรุ่นพี่อย่างพงพนา กลายเป็นบอกชอบคนที่ไกลเกินเอื้อมอย่างนับอนันต์ไปเสียได้ ใครมาเล่นตลกกับชีวิตของเธอกันเนี่ย

นับอนันต์นึกเอ็นดูคนตัวเล็กยามอยู่ใกล้เขา เธอเหมือนกระต่ายที่ตื่นตูมตลอดเวลา นั่งบนรถกันสองคนแค่ชายหนุ่มขยับตัวนิดหน่อยก็สะดุ้งหันมามอง พอจะเข้าใกล้ก็เดินหนีไปสองสามก้าวทำให้ยามอยู่ด้วยกันแทบไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์อย่างที่กล่าวไปเลย

เขาเพียรทักหาตอนเช้าหรือบอกราตรีสวัสดิ์ยามเย็นหล่อนทำเพียงแค่อ่าน แล้วส่งสติ๊กเกอร์กลับมา ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรพอนานวันเข้าก็เริ่มหนักใจ

ตนทำอะไรผิดไปหรือเปล่า...

“เสร็จงานแล้วเธอจะไปไหนเหรอ” วันนี้มีเพียงถ่ายรายการช่วงเช้า หลังจากนั้นก็ว่างทั้งวันเขาจึงคิดจะไปผ่อนคลายกับชินานาง

“นัดกับเพื่อนว่าจะไปกินข้าวด้วยกันน่ะค่ะ” หันมาบอกทันที เธอไม่ค่อยกล้าสบตาเขาเท่าไหร่เพราะเรื่องวันนั้นมักจะผุดขึ้นมา

แถมมันไม่ใช่เพียงแค่การจูบหน้าผาก แต่ยังรวมถึงภาพมโนยามอยู่บนเตียงกับเขาอีกต่างหาก หญิงสาวก่นด่าตัวเองที่คิดฝันไปไกลทั้งที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่เธอหมกมุ่นกับเรื่องอย่างว่ามากเกินไปหรือเปล่า

“อ้อ” ปิดบทสนทนาแต่เพียงเท่านั้น เขาเงียบไปตลอดเส้นทางไม่รู้ว่าควรชวนคุยอะไรดี แปลกที่เธอบอกชอบแต่กลับทำเหมือนพยายามหนี

แล้ววันนั้นมาทำให้เขาหวั่นไหวทำไม...

ชินานางไม่สามารถคิดอะไรคนเดียวได้ เธอจึงนัดเพื่อนสนิทอย่างสมิดาเพื่อระดมสมองคิดช่วยกัน หญิงสาวเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังไม่มีตกหล่น โดยเลือกร้านอาหารที่ไม่ค่อยมีคนเข้าเพราะราคาแพงและค่อนข้างเป็นส่วนตัวคือจุดนัดพบ

“เขาจะชอบฉันแน่เหรอ เธอดูฉันสิ แล้วเธอดูแฟนเก่าเขา” มองสภาพของตัวเองแล้วเปรียบเทียบกับเพลินพลิน อย่างไรก็คนละลุคเลย

แล้วนับอนันต์จะมาชอบได้ยังไง ถ้าไม่บ้าก็คงเพี้ยน

“ฉันว่าเธอโฟกัสผิดจุดนะ แฟนเก่าแล้วไงล่ะ เขาต้องชอบแบบนั้นตลอดหรือไง บางทีคนที่ทำให้เราสบายใจก็ไม่ได้จำกัดว่าต้องหน้าตาแบบไหนหรอก เธออาจเป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข เป็นตัวของตัวเองก็ได้ อย่าด้อยค่าตัวเองมากเกินไปสิ เธอมีค่าพอที่จะให้ผู้ชายมาชอบนะ” ชินานางเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลย

ตลอดระยะเวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยมีคนวนเวียนมาจีบบ้าง แต่ก็โดนตัดขาดเหตุหนึ่งเพราะมีคนที่ชอบ แต่อีกอย่างก็คือเพื่อนของเธอไม่มั่นใจในตัวเอง บอกก็แล้วหาเหตุผลมาสนับสนุนว่าควรลองคุยกับผู้ชายคนอื่นบ้าง ทว่าสุดท้ายก็ถูกปัดตกหมด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel