๑ นับอนันต์ (๒)
“หายแล้ว ม้าสบายตัวขึ้นมากเพราะน้องแดนเลยนะ พรุ่งนี้ต้องให้ของรางวัลเยอะๆ อยากได้อะไรครับ” ปล่อยลูกน้อยให้เป็นอิสระแล้วจ้องตารอฟังคำขอ ทว่ากลับพบใบหน้ากลมที่หมองเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดจนปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
“อยากให้หม่าม้า อยู่กับแดนไปนานๆ” หล่อนหันไปมองบิดาที่นิ่งเงียบ แววตาท่านเอ็นดูหลานชายเหนือจะบรรยาย ไม่คิดว่าคนอายุน้อยจะคิดได้ขนาดนี้
หากให้คาดเดาคงเพราะการ์ตูนที่ดูด้วยกันเมื่อครู่ แม่ของเป็ดน้อยหายไปปล่อยลูกเคว้งอยู่อย่างนั้นและใช้ชีวิตตามมีตามเกิด จนแยกย้ายไปมีครอบครัว เว้นแต่ลูกสุดท้องที่รอคอยการกลับมาของแม่อย่างใจจดจ่อ
แต่สุดท้ายแม่เป็ดก็ไม่ได้กลับมา...เพราะมันถูกมนุษย์จับไปทำเป็นอาหารและคอยเฝ้ามองลูกๆ จากบนฟ้า
“ม้าจะอยู่กับน้องแดนไปอีกร้อยๆ ปีเลยดีไหม” พอได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย หล่อนจึงพาลูกชายขึ้นไปบนห้องเพื่อพักผ่อน
ช่วงนี้แดนดาวเหนือตัวหนักขึ้นจนอุ้มแทบไม่ไหว หลายครั้งจึงต้องใช้รถเข็นสำหรับเด็กหรือไม่ก็จับมือเพื่อจูงเดินไปด้วยกัน ยามเช้าถึงพยายามขุดลูกจากเตียงนอนเพื่อไปวิ่งเล่นที่สวนหย่อมของหมู่บ้าน ได้พบเจอผู้คนและมีสนทนากับเพื่อนวัยใกล้เคียง
ทว่าเด็กน้อยก็ฝืนลืมตาแทบไม่ไหว หลายคราวก็มีคุณแม่ไปวิ่งเพียงคนเดียว ค่อยกลับมาบ้านเพื่อรับประทานอาหารเช้าพร้อมลูกและเริ่มการทำงาน
ดีที่ชินานางทำงานอยู่บ้านไม่ต้องออกไปไหน หน้าที่ของหล่อนคือการเขียนนวนิยายให้อยู่ในรูปแบบของบทโทรทัศน์ โดยมีรุ่นพี่ที่รู้จักคอยตรวจทานอีกรอบ ช่วงเดือนไหนที่ต้องเร่งส่งให้ทางช่องก็ปั่นหัวหมุนแทบไม่หลับไม่นอน ต้องขอร้องมารดาช่วยดูแลแดนดาวเหนือ
ซึ่งท่านก็เต็มใจเป็นอย่างมาก หนีบเด็กน้อยไปที่ทำงานด้วย เป็นเรื่องที่ลูกชายของหล่อนชอบมากเพราะโรงแรมมีอาหารและสถานที่กว้างให้วิ่งเล่น
“หม่าม้า แดนไม่มีป่าป๊าเหรอ” ระหว่างอาบน้ำที่อยู่ในอ่างเล็กก็เงยหน้าถามมารดาที่คอยนำเจ้าเป็ดสีเหลืองลอยวนให้ลูกจับเล่น
มือบางชะงักกับคำถาม ไม่คิดว่าจะเจอเกมทดสอบจิตใจจากเด็กตาแป๋วที่จ้องไม่หันหนี ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
เพิ่งเจอพ่อของลูกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน และชายหนุ่มก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนท้องลูกเขา ชินานางไม่ได้อยากปิดเป็นความลับ แต่คิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้น่าจะดีต่ออาชีพมากกว่า
“มีสิ ทำไมน้องแดนจะไม่มีป่าป๊าล่ะ” ลูบใบหน้ากลมที่มีหยดน้ำเกาะ กลุ่มผมหนาที่หยักศกน่าจะเป็นกรรมพันธุ์จากคนเป็นพ่อซึ่งตอนนี้ถูกน้ำจนลีบแบน ตอนแรกก็ว่าจะไม่สระผมให้แต่พอได้กลิ่นเหม็นตุหล่อนก็ไม่สามารถทนได้จนต้องทำความสะอาดแดนดาวเหนือทั้งตัว
อ่างอาบน้ำขนาดเล็กที่ถูกวางไว้กลางห้องน้ำ มีเจ้าของร่างนั่งอยู่ในนั้นพร้อมมองมารดาตาวาวเมื่อได้ยินเรื่องน่ายินดี ไม่สนใจเหล่าสัตว์เล็กใหญ่ที่ลอยรอบตนเอง
“แล้วป่าป๊าอยู่ไหน ทำไมไม่มาหาแดน ป๊าไม่รักแดนเหรอ” ถามเสียงเศร้ายามคิดว่าตนเป็นคนไม่ถูกรัก พอชินานางเห็นใบหน้าหงอยก็ไม่สามารถทนได้ รีบยิ้มแล้วบอกด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงกว่าเมื่อครู่เพื่อให้เด็กเล็กคลายกังวล
“ใครว่าล่ะ ป่าป๊ารักน้องแดนมากเลยนะแต่ป๊าต้องไปทำงานอยู่ไกล อีกหลายปีกว่าจะกลับเลยไม่ได้ติดต่อน้องแดน น้องแดนไม่โกรธป๊าใช่ไหม” เพื่อให้ลูกชายสบายใจจำต้องโกหก แค่เห็นรอยยิ้มของแดนดาวเหนือที่ส่งมาให้ก็เบาใจได้เปราะหนึ่ง
รู้ดีว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นอันขาด นับอนันต์ไม่รู้ว่าตนมีลูกชายแสนน่ารัก และเธอก็ไม่คิดจะบอกเขาเพราะไม่ต้องการเป็นตัวถ่วงชีวิตใคร
ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังรุ่งโรจน์และไปได้ดีในวงการบันเทิง อายุเพียงแค่ 28 ปีถือว่ายังเด็กและสามารถโลดแล่นไปได้ไกลและอีกนาน หล่อนไม่ต้องการทำลายอนาคตของเขา
ในเมื่อทุกอย่างมันจบไปแล้วก็ให้เป็นเพียงอดีต...ที่เธอจะไม่มีวันลืม
สามปีก่อน
ชินานางแทบไม่มีเวลาอาบน้ำแต่งตัวเพราะเขียนบทละครทั้งวันทั้งคืน หล่อนวิ่งออกจากห้องประชุมทั้งที่งานยังไม่เดินเพื่อไปหารุ่นพี่ร่วมสาขาซึ่งนัดอยู่ร้านกาแฟใกล้บริษัท จัดการโบกแท็กซี่เพื่อไปให้ทันเวลาและคิดว่าคงแต่งหน้าทัน
ชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็ไม่เลวร้ายเสมอไป หล่อนรวบผมให้เป็นมวยเพราะไม่ได้สระมาหลายวันจนหนังศีรษะเริ่มมัน หยิบครีมกันแดดและรองพื้นขึ้นมาทา ดีที่ก่อนออกมาล้างหน้าเรียบร้อยไม่อย่างนั้นได้เป็นสิวอุดตันแน่
พอลงครีมก็ตามด้วยแป้งฝุ่นเนื้อบางเบา ทาลิปสติกพร้อมปัดแก้มให้หน้ามีสีสัน ไม่ลืมเขียนคิ้วอย่างระมัดระวัง
“ถึงแล้วน้อง” รีบจ่ายเงินค่าแท็กซี่แล้วลงจากรถ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงร้านกาแฟที่นัดหมายโดยฝ่ายชายนั่งรออยู่ข้างในสักพักแล้ว รีบยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ตนไม่สาย คงเป็นเขาที่มาก่อนเวลา
พรูลมหายใจค่อยเปิดประตูเข้าไปข้างใน ร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นเน้นโทนสะอาดสีขาวน้ำตาล ประตูหน้าต่างเป็นทรงโค้งมนเหมาะสำหรับการมานั่งเล่นหรือถ่ายภาพ ดวงตากลมมองแผ่นหลังกว้างที่จำได้แม่นจึงก้าวเข้าไปหาเขา พยายามปิดบังความตื่นเต้นของตนเองเอาไว้ให้ลึกที่สุด
“พี่ต่อคะ” เรียกเพื่อให้อีกฝ่ายหันมา ชายหนุ่มรีบวางแก้วกาแฟก่อนยืนเต็มความสูง หันมองร่างบางที่เพิ่งมาถึงพลางฉีกยิ้มกว้าง
“มาแล้วเหรอ นั่งสิ พี่สั่งเครื่องดื่มที่นางชอบไว้ให้ด้วยนะ” เลือกเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามเขา แล้วมองแก้วน้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่นของโปรด แทบหุบยิ้มไม่ได้ใครจะคิดว่าเขาจะทราบเรื่องนี้
ดวงตากลมเป็นประกายอย่างไม่ปิดบังขณะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่มีเบาะนิ่มรอง เหมือนมือไม้จะอยู่ไม่สุขอยากเกี่ยวผมมาเล่นแก้เขิน แต่คิดได้ว่ารวบจนหมดจึงทำเพียงวางไว้บนตัก
“ขอบคุณนะคะ” เอ่ยเสียงเบาแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มดับกระหาย ร่างสูงเห็นอย่างนั้นก็นั่งลงที่เดิมแล้วหยิบกาแฟขึ้นดื่มบ้าง
พงพนา พิลากิตติ์ เป็นรุ่นพี่ร่วมคณะและสาขาเดียวกับหล่อน รู้จักกันตั้งแต่ตนเข้าปีหนึ่งแถมร่างสูงยังเป็นสายรหัสทำให้สนิทสนมกันเป็นพิเศษ เขามักสอนเธอหลายเรื่องของการใช้ชีวิตให้รอดในรั้วมหาวิทยาลัย แถมยังคอยติวเข้มก่อนสอบ เอาชีทสรุปมาให้จนสอบได้ระดับท็อป
แถมยังหน้าตาหล่อเหลาเป็นที่ชื่นชมของคนทั้งคณะ จบออกไปก็ทำงานสายบันเทิงและเข้าไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดด้านสื่อออนไลน์ของสังกัดช่องดังอีกต่างหาก อายุเพียงเท่านี้กับการไต่เต้านั้นไม่ง่ายเลยสักนิด และเธอเชื่อว่าเขาจะไปได้ไกลกว่านี้
แน่ล่ะ...เพราะพี่ต่อคือรักแรกของเธอ
“นางไม่ได้มาสายใช่ไหมคะ เหมือนพี่ต่อจะมาก่อนเวลานัด” ถามเพื่อความแน่ใจ และเขาก็พยักหน้าแล้วยิ้มเอ็นดูหล่อน
“พี่มาก่อนเวลาเอง นางไม่เคยมาสายเลยสักครั้งไม่ต้องกังวลนะ” พูดจบก็ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้อีก คนตัวเล็กแทบล่องลอยไปตามอากาศถ้าไม่พยายามนั่งติดเก้าอี้เอาไว้
เขาไม่รู้หรือไงว่ารุ่นน้องคนนี้คิดไม่ซื่อ หลายครั้งที่อยากบอกความรู้สึกให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องล่มเพราะพงพนามีสาวข้างกายแล้ว สำหรับเขาเธอก็เป็นได้แค่น้องร่วมสายรหัสเท่านั้น
“พี่ต่อมีธุระอะไรหรือเปล่าคะถึงได้นัดนางมาที่นี่” หลังเรียนจบเขาก็แทบไม่ได้ติดต่อมาเลย มีถามไถ่บ้างไม่กี่ครั้ง พอเธอทักไปก็ไม่ค่อยตอบจนกลายเป็นห่างหาย
พอวันนี้ได้รับข้อความจากพงพนาหล่อนถึงยอมทิ้งงานแล้ววิ่งแทบไม่เห็นฝุ่น เพื่อมาหาเขาโดยเฉพาะ เห็นรูปของเขาผ่านทางโซเชียลมีเดียบ้างแต่ไม่ได้เห็นตัวจริงมานาน
ชายหนุ่มก็ยังเป็นรุ่นพี่คนเดิมที่ทำให้ตกหลุมรักได้ซ้ำๆ
“พี่ได้ข่าวว่าช่วงนี้นางกำลังเขียนบทละครเหรอ” หยิบน้ำมาดื่มแล้วพยักหน้า
หลังเรียนจบได้สามเดือนก็มาสมัครงานที่บริษัทบันเทิงแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทเล็กที่แยกตัวออกมาจากช่องใหญ่ เขียนบทเอง แคสติ้งนักแสดงเอง ถ่ายทำทุกอย่างเองทั้งหมดยกเว้นเรื่องงบประมาณที่ทางช่องจัดสรรตามสมควร
เพิ่งเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นอาจทุลักทุเลไปบ้าง ทว่าทุกคนเต็มที่กับมันมาก ละครออกจากบริษัทแห่งนี้ไปสองเรื่องและได้รับผลตอบรับที่ดีพอสมควร เรตติ้งอาจไม่ได้ถล่มทลายแต่กระแสทางอินเตอร์เน็ตการันตีทุกอย่าง ส่งนักแสดงให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
“ใช่ค่ะ เพิ่งเริ่มเลยพี่ต่อ งานหนักมากแต่ดีที่มีพี่หลายคนช่วยระดมความคิดเลยไม่เส้นเลือดในสมองแตกซะก่อน” ถอนหายใจกับงานที่กำลังทำ ทว่าไม่เคยย่อท้อสักครั้งเพราะเป็นสิ่งที่รักตั้งแต่เด็ก
หญิงสาวเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ตามความชอบของตนเอง แทนที่จะเรียนรัฐศาสตร์ตามความต้องการของบิดา ความจริงก็เคยสอบเข้าคณะนั้นแต่รู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ชอบจึงตัดสินใจซิ่ว ทำให้ท่านโกรธยกใหญ่จนไม่ส่งเงินมาให้ใช้ มีเพียงมารดาที่โอนให้ทุกเดือน
“เอ่อ ที่จริงพี่มีเรื่องรบกวนนางอย่างหนึ่ง” แสดงสีหน้าเกรงใจเมื่อกล่าวจบ ไม่รู้ว่าควรรบกวนรุ่นน้องดีไหมเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายก็งานหนัก
แต่เขาไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว คนที่สนิทส่วนมากก็มีงานประจำทำ และตารางเวลาแทบไม่ว่างเลย ชินานางคือทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เพราะถึงจะเขียนบทแต่ในทีมก็มีอีกสี่ถึงห้าคน หากขาดหล่อนไปก็คงไม่เสียหายมากนัก
อีกอย่างแค่ยืมตัวสองสามเดือนเท่านั้น...คงไม่เป็นปัญหาหรอก
“เรื่องอะไรคะ ว่ามาได้เลยนะนางยินดี” ขนาดเขายังไม่เอ่ยเธอยังพร้อมยังตอบตกลง แค่เป็นพงพนาหญิงสาวยินดีทำตามคำขอทุกอย่าง
“นางรู้จักนับอนันต์ใช่ไหม” ชื่อที่ถูกเอ่ยถึงคือดาราดาวรุ่งที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ มีหรือที่คนซึ่งอยู่ในวงการบันเทิงอย่างหล่อนจะไม่รู้จัก
นับอนันต์ วิเศษกุลชา หนุ่มรูปงามที่เริ่มต้นเล่นละครจากการเป็นพระรองและดังเปรี้ยงยิ่งกว่าพระเอก เรื่องต่อมาจึงขึ้นแท่นพระเอกที่เขย่าหัวใจสาวน้อยใหญ่ทั่วดินแดนสยาม จนมีฉายานามสามีแห่งชาติ
อายุของเขาเข้าวัยเบญจเพสงานละครรุมเร้า งานโฆษณาจองตัวไม่หวาดไม่ไหว ขึ้นปกนิตยสารแทบจะรายเดือน สัปดาห์ก่อนก็ได้ข่าวว่าเพิ่งเปิดกล้องหนังเรื่องใหม่ แบกความคาดหวังของทุกคนเอาไว้เพราะเรื่องก่อนเพิ่งได้เงินกว่าห้าร้อยล้าน แถมฉายต่างประเทศโกยเงินเป็นว่าเล่น
“รู้จักสิคะ” พยักหน้าทันที เคยดูละครที่อีกฝ่ายเล่นสองเรื่องซึ่งเป็นหนังซะส่วนใหญ่ การแสดงเข้าขั้นดีมากจนอินไปกับตัวละคร หน้าตาหล่อเหลาเรียกกระแสแต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือคงไม่สามารถมาไกลขนาดนี้
ถึงกระนั้นหล่อนก็ไม่ได้เป็นแฟนคลับจริงจัง เพียงแค่ชื่นชอบในผลงานเท่านั้น
“เขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่เอง รู้จักกันตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วก็เป็นรูมเมทตอนเรียนมหา’ลัย” เกริ่นเรื่องโดยมีร่างบางคิดตาม
ไม่อยากเชื่อว่ารุ่นพี่ของหล่อนจะรู้จักกับดาราดังคนนั้นด้วย แต่ก็ไม่แปลกหรอกคนในคณะเธอเข้าวงการไปก็มาก ทั้งเป็นนางเอก พระเอก ตัวรองตัวประกอบ ต่างมีหน้าที่ของตนสร้างผลงานให้ออกมาสมบูรณ์แบบ
“พอดีตอนนี้ผู้จัดการของเขากำลังจะคลอดลูก ผู้ช่วยคนอื่นก็...ไม่ว่าง พี่เลยอยากขอร้องให้นางไปเป็นผู้จัดการชั่วคราวของนับหน่อยได้ไหม” จากที่คิดจะหยิบแก้วน้ำมาดื่มก็ต้องวางลงที่เดิม
เบิกตากว้างไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง อาชีพผู้จัดการไม่ใช่ว่าใครก็เป็นได้ อย่างแรกที่ต้องมีคือเครือข่ายกว้างขวาง เข้าหาคนเก่ง ชอบพูดจาทักทายอีกทั้งต้องรู้จักดาราในสังกัดของตนเองเป็นอย่างดี
พอหันมามองตนเองที่ชอบเก็บตัวไม่ค่อยออกไปไหน เข้ากับคนได้ยากเพราะพูดไม่เก่ง ถึงจะเรียนนิเทศศาสตร์แต่หล่อนก็ไม่ได้คิดจะเป็นนักแสดง ชอบที่จะอยู่เบื้องหลังมากกว่า
ชินานางอยากปฏิเสธแต่เห็นอีกฝ่ายจ้องตาปริบก็กลายเป็นใบ้ชั่วขณะ เพียงแค่เป็นพงพนาก็อยากตอบตกลงไปซะทุกอย่าง ทว่าคราวนี้เรื่องที่ขอค่อนข้างยาก
หล่อนจึงคิดหนักพอสมควร หลุบตามองตักแล้วคิดว่าควรบอกปัดอย่างไร การที่เขามาหาเธอคงจนหนทางและเหมือนตนจะเป็นทางรอดสุดท้าย
“พี่รู้ว่านางลำบากใจแต่พี่ไม่รู้จะไปขอร้องใครแล้ว นับไม่เรื่องมากหรอกมันเข้ากับคนง่าย อีกอย่างหน้าที่ของนางก็แค่ช่วยดูแลในบางเรื่อง ไม่ค่อยหนักเท่าไหร่...” เหมือนคำล่อลวงให้หล่อนติดกับ และใจของชินานางก็เริ่มเอนเอียงเสียแล้ว
เพียงแค่สบดวงตาคมของคนที่แอบรัก
“สามเดือน แค่สามเดือนเท่านั้น ขอร้องนะนาง ช่วยเพื่อนพี่หน่อยเถอะ” งานเขียนของเธอก็สำคัญเช่นกันจะให้ทิ้งไปก็น่าเสียดายแย่
เป็นครั้งแรกที่หล่อนมาทำตำแหน่งนี้ ถ้ายอมไปทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการก็กลัวจะเสียงานเขียน พรูลมหายใจเสียงเบาอย่างคนคิดหนัก
“นาง..ขอร้องเถอะนะ” เรียกเสียงหวานแล้วมองหน้าเธอไม่คลาดสายตา เหมือนรู้ว่าถ้าทำแบบนี้จะทำให้หล่อนแพ้และยอมโดยดี
ยอมรับว่าตนเองเป็นคนไม่ชอบทำอะไรนอกกรอบ ตอนเรียนก็ไม่เคยออกหน้าเพื่อแสดงละครเวทีของคณะสักครั้ง อย่างมากก็อยู่เบื้องหลังเขียนบทหรือช่วยเรื่องฉาก
การเข้าไปเป็นผู้ช่วยของดาราดังเป็นเรื่องท้าทายพอสมควร ร่างบางค่อนข้างคิดหนักแล้วยิ่งสบตาพงพนาก็ต้องถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จะแพ้เขาทุกทางเลยหรือไง
“สามเดือนแน่นะคะ” คำถามนั้นเรียกรอยยิ้มจากร่างสูง คิดว่าในใจของเธอคงเอนเอียงมาแล้วกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
“แน่นอน พี่ไม่ยอมให้นางทำงานเกินเวลาหรอก” คำสัญญาพอจะทำให้หล่อนคลายกังวลได้บ้าง ห่วงก็แต่งานเขียนของตนกลัวว่าไปนานจะมีคนมาแทนที่
“ถ้างั้นนางขอไปถามพี่พัชก่อนนะคะว่านางจะไปเป็นผู้จัดการให้คุณนับได้หรือเปล่า” เป็นคำตอบตกลงกรายๆ เพราะอย่างไรพี่พัชหรือพัชนันท์ก็ต้องยอมให้หล่อนมาทำหน้าที่ผู้จัดการอยู่แล้ว
เขาแทบลุกจากเก้าอี้แล้วร้องตะโกนไชโย คิดเผื่อใจไว้บ้างว่าหล่อนอาจไม่ตอบตกลง แต่ยังดีที่ชินานางยอมไปทำงานให้เพื่อนของเขา เพราะตอนนี้นับอนันต์เป็นดาวรุ่งที่งานรัดตัวถ้าทำอะไรคนเดียวคาดว่าคงไม่รอด อย่างน้อยมีคนช่วยคอยดูแลก็ทำให้คลายกังวลไปได้ระดับหนึ่ง
“ขอบคุณมากนะนาง ขอบคุณจริงๆ เดี๋ยวพี่จะเลี้ยงข้าวบ่อยๆ ดีไหม” สิ่งตอบแทนจูงใจจนเผลอพยักหน้าอย่างลืมรักษาท่าที แล้วค่อยยกน้ำขึ้นดื่มแก้เก้อไม่อยากให้เขารู้ว่าตนแอบชอบ
ทั้งที่เผลอแสดงอาการไปมากพอสมควร
หญิงสาวคิดเรื่องของพงพนาจนลืมนึกถึงนับอนันต์ เพราะการจะเข้าไปเป็นผู้ช่วยของชายหนุ่มนั้นไม่ง่ายสักนิด อย่างน้อยต้องขอรู้ประวัติและศึกษานิสัยใจคอหน่อยแล้วกัน
หวังว่าเขาคงไม่ใช่ผู้ชายโมโหร้ายหรอกนะ
หากเป็นอย่างนั้นหล่อนคงตกที่นั่งลำบาก...