ตอน 4
ดรัณลากเจ้าตัวดีขึ้นรถ หลังจากสั่งให้เด็กในร้านเก็บกวาด ปิดร้านให้เรียบร้อย มีอย่างที่ไหนเขาสั่งไม่ให้กินเหล้า นางยังกล้าแอบไปกิน หนำซ้ำกินตั้งหลายแก้ว ใส่ไม่ยั้งบอกว่าอร่อยดี ตอนนี้ก็ละเมอเพ้อพกครางไม่หยุด จากที่คิดว่าตัวเบา พอเมากลับหนักอย่างกับหิน
“เอ้าๆ เบาๆ ตาเดียว เดี๋ยวหลานสาวช้ำหมดหรอก” ผู้เป็นแม่ตามเข้ามาในห้องหลานสาวด้วย พลางปรามลูกชายไปด้วย เพราะเห็นดรัณโยนอัมพิกาลงกับที่นอนไม่ต่างกับกระสอบทราย
คุณอาเดียวทิ้งร่างอ่อนปวกเปียก เพราะฤทธิ์พั้นลงกับที่นอนในห้องของหลานสาวตัวดี ที่ป่วนจนงานแทบพัง โชคดีที่มีแต่คนกันเอง ถ้าวันนี้มีแขกมาร่วมงานเป็นได้ขายหน้ากันแน่ๆ นางเริงร่าอย่างกับถูกปล่อยออกจากกรง ทั้งเต้น ทั้งตะโกนลั่นร้าน หลับหูหลับตา ไม่ยอมฟังคำปรามจากเขา กระทั่งต้องหอบกลับมาที่บ้านแม่อย่างที่เห็น ปกติเขาจะนอนที่บ้านหลังเล็กด้านหลังตึกใหญ่ เพราะชอบความเป็นส่วนตัว จึงปลีกตัวไปสร้างบ้านหลังเล็กหลังบ้านหลังนี้ แต่บางครั้งก็มักไปนอนค้างที่ร้าน ในยามที่ขี้เกียจขับรถกลับมานอนที่บ้าน
“ฝากด้วยนะครับพี่ณิ” ดรัณโบ้ยไปให้พี่สาว เขาไม่ถนัดในการจัดการกับคนเมาที่เป็นผู้หญิง โดยเฉพาะอัมพิกา ซึ่งความคิดตอนนี้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เวลาได้อยู่ใกล้ชิดกัน โดยต่างออกไปจากเมื่อก่อน หากเป็นเมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้สึกอะไรแปลกๆ แบบนี้กับหลานคนนี้เลย
“อุ้ยไม่เอาพี่ก็ต้องดูแลลูกผัวเหมือนกัน” ที่สามีและลูกไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองจบการศึกษาของอัมพิกา ก็เพราะลูกชายติดเรียนพิเศษ สามีติดประชุม ตอนนี้กลับมาแล้ว และคงเข้านอนกันเรียบร้อยแล้ว หล่อนไปในฐานะที่น้องชายชวนเท่านั้นเพื่อเป็นการรักษามารยาท วณิดาเอ่ยขอตัว
ปกติเรื่องแม่เด็กหลานนอกไส้หล่อนก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว ดูสิคนอะไรยิ่งโตเป็นสาวยิ่งสวยผุดผาด เป็นดารานางแบบได้สบายๆ ห่วงแต่น้องชายที่ครองโสดมาจนเป็นหนุ่มใหญ่ขนาดนี้จะไหวหวั่นกับหลานสาว ที่ไม่ได้มีเชื้อสายผูกพันกัน น่าเป็นห่วงอยู่ เลี้ยงกันไปเลี้ยงกันมาจะเป็นมากกว่าหลานกับอาซะ
คงต้องกระซิบบอกคุณแม่ รีบหาเมียให้กับน้องชายซะที วณิดาคิดแล้วก้าวจากไป
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวแม่จัดการให้” ดรุณีในวัยเจ็ดสิบต้นๆ พอจะจัดการอะไรได้อยู่ ยังแข็งแรง
“ถ้าอย่างนั้นเดียวทำเองดีกว่าครับแม่ ไม่อยากรบกวน แม่ก็เห็นว่ายัยอั้มพยศแค่ไหน ดูสิไม่เคยดื่มยังไปดื่ม”
“หลานคงแค่ลอง อย่าไปถือสาเลยวันที่เขามีความสุขที่สุดนี่นา”
“ผมลงไปส่งคุณแม่ครับ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวแม่ลงไปเอง เดี๋ยวจะบอกนังเจี๊ยบเอาน้ำกับผ้าขึ้นมาให้”
“ขอบคุณครับแม่”
“ดูหลานเราไปเถอะ”
“ยัยตัวดีเอ้ย เป็นเด็กดื้อตั้งแต่เมื่อไหร่” หลังจากที่แม่ก้าวออกจากห้องไปแล้ว ดรัณจึงหันมาดูหลานที่นอนกระสับกระส่ายบนเตียง
“คุณพ่อคุณแม่ขา อั้มคิดถึงคุณพ่อคุณแม่เหลือเกิน ฮือๆๆๆ” ปากพร่ำบ่นอะไรสักอย่าง พร้อมกับครางเป็นเสียงร้องไห้
ดรัณไม่มั่นใจจึงหย่อนก้นลงนั่งริมเตียง พยายามฟังในสิ่งที่หลานสาวพูด เมื่อได้ยินไม่ถนัดจึงแนบหูลงไปฟังเกือบชิดริมฝีปากที่เผยอขึ้นลง บ่นอะไรตามประสาคนเมา แถมคนเมาครั้งแรกในชีวิตซะด้วย
“พ่อจ๋า แม่จ๋า กอดอั้มหน่อย” คราวนี้ไม่ใช่แค่เสียงแต่เป็นเรียวแขนที่ไขว้คว้าหาอะไรสักอย่าง
“อั้ม” ลำคอแกร่งถูกโน้มลงไปหาร่างที่ละเมอเพ้ออยู่บนเตียง ดรัณพยายามแกะมือเหนียวยิ่งกว่ากาวออกจากลำคอ แต่ไม่เป็นผล และยิ่งได้ฟังเสียงเพ้อแล้วอาการแข็งขึงจึงชะงัก ด้วยรู้ว่าอัมพิกาคงคิดถึงพ่อกับแม่มาก เขายอมให้หญิงสาวกอดคอไว้อยู่อย่างนั้น
ดวงตาเพ่งมองหลานสาวขี้เมานิ่ง ไม่ยอมผละสายตาไปยังจุดอื่น ดวงหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา น่ารักน่าใคร่ ตราตรึงอยู่ในสายตาเขามานานนักหนา ความรู้สึกแปลกไปเริ่มต้นเมื่ออัมพิกา สอบเข้าเรียนปีหนึ่งได้ ความสวยความน่ารักส่อแววมากขึ้นทุกระดับ จนเขาไม่เป็นอันวางตัวต่อหน้าหลานสาว ที่กำลังปั่นป่วนในหัวใจ หากเขาไม่รีบมีแฟนหรือรีบแต่งงานสิ่งที่ยากลำบากที่สุดคงจะมาเยือน แล้วจริงๆ เขาอยากมีแฟนหรือแต่งงานหรือเปล่า ความคิดนั้นกลับไม่เคยมีอยู่ในหัว การได้อยู่ดูแลอัมพิกาให้เติบใหญ่ ประสบความสำเร็จในการเรียน การงาน กลับเป็นสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุด
นิ้วแกร่งไล้โลมไปตามแก้มเนียนซึ่งร้อนผ่าว ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เจ้าของแก้มเนียนดื่มเข้าไป พวงแก้มสุขปลั่ง ขึ้นสีแดงราวกับเขินอาย เรียกสายตาดรัณให้หยุดนิ่ง ไล่ลงมาเรื่อย กระทั่งมาหยุดอยู่ที่กลีบปากเผยอค้าง บางอย่างสะกดให้เขาขยับลงไปหา หมายจะจุมพิตบนเรียวปากชมพูระเรื่อ
“คุณเดียวขา เจี๊ยบเอาน้ำกับผ้าขนหนูมาให้ค่ะ”
เสียงของเจี๊ยบสาวใช้ประจำบ้านดังขึ้นหน้าประตู ดรัณจำต้องดีดตัวออกจากการเกาะกุมของมือกาวซึ่งไร้สติ ปรับอารมณ์ตัวเองก่อนจะผละไปเปิดประตูให้กับสาวใช้
“เข้ามา เอ่อ...แล้วจัดการเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับน้องอั้มด้วย” ชายหนุ่มเปิดประตูได้จึงสั่งให้สาวใช้จัดการกับแม่ตัวดีแทนเขา ขืนให้เขาจัดการเองได้เลือดกำเดาพุ่ง ตบะแตกกระเจิงแน่
“คุณเดียวไม่เช็ดเองเหรอคะ” สาวใช้เอ่ยถามปกติเรื่องของหลานสาวคนโปรด ดรัณมักจัดการเอง หรือว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะไม่ควร ดรัณจึงวานให้ตนช่วย
"ฉันสมควรต้องทำเหรอเจี๊ยบ” แม้ความจริงเขาอยากปลดเปลื้องเสื้อผ้า อัมพิกาออกมาเช็ดทุกซอกทุกมุมให้ใจจะขาด หากแต่ต้องตัดใจ และควรวางตัวให้น่านับถือต่อไป
“อ๋อ...ค่ะ” เจี๊ยบรับทราบ
ดรัณเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้อัมพิกาอยู่กับสาวใช้ เขาเดินลัดเลาะหลังบ้านเพื่อไปยังบ้านหลังเล็กของตัวเองด้วยจิตใจและความคิดไม่ปกติ ทั้งร้อนทั้งกลัดกลุ้มในคราเดียว
“เฮ้ย...เราเป็นอะไรไปวะ” ดรัณถามตัวเองขณะทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มในห้องนอนของเขา ห้องนอนที่ผู้เป็นหลานมักเป็นคนจัดการให้ ทั้งทำความสะอาด เปลี่ยนเครื่องนอน รวมไปถึงหานั่นนี่มาประดับห้องให้ จนรกรุงรังไปหมด ทว่าเขากลับไม่รังเกียจที่จะมองสิ่งที่อัมพิกาสรรหามาประดับ ทั้งโมเดลอาหาร ทั้งโมเดลการ์ตูนญี่ปุ่นอกอึ๋ม รวมทั้งตุ๊กตามิกกี้เม้าส์ที่หลานตัวดีบอกว่าชอบมากห้ามทิ้งเด็ดขาดนั้นด้วย แล้วสิ่งสำคัญคือใบประกาศเรียนดีของหลานสาว
หากพ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่คงภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้ ทั้งเรียนดี กิจกรรมเด่น ด้วยเป็นถึงดาวมหาวิทยาลัย มีเอเจนซี่โฆษณาติดต่อไปถ่ายโฆษณาหลายตัว ระยะหลังยังมาทาบทามให้ลงเล่นละคร ซึ่งเขายังไม่อนุญาตอัมพิกาด้วยเกรงเสียการเรียน จึงรอเวลาเรียนจบก่อนค่อยคิดเรื่องจะรับงาน แต่ถึงเวลานั้นจริง เขาอาจไม่อนุญาตเช่นเดิม เพราะวงการมายาอาจทำให้หลานเหลิงจนเสียคน ซึ่งเขาเห็นมานักต่อนักแล้ว
เช้าวันใหม่ที่มือใหม่หัดดื่มรู้สึกตัว ร่างบอบบางขยับแล้วเริ่มงัวเงีย ใช้หลังมือขยี้ตาทั้งสองข้างไล่ขี้ตาออกไป
“โอ้ย...ปวดหัวชะมัด ใครเอาค้อนทุบหัวน้องอั้มคุณอาเดียวขา” ยังไม่ลืมตาแต่บ่นเสียงงึมงำอยู่คนเดียว
“ตื่นแล้วเหรอคะแม่ตัวดี” เจ้าของร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาในห้องหลานสาวตัวดี ในมือถือถาดซึ่งมีชามข้าวต้มส่งกลิ่นหอมฟุ้ง กับน้ำเย็น หนึ่งแก้ว
“หืม...ใครน่ะ” อัมพิกาปรือตาทั้งที่มือยังกุมขมับ เอ่ยถามเจ้าของเสียงคุ้นเคย ความเมาจากน้ำพั้นสิบกว่าแก้วเมื่อคืน ที่ว่ามันหวานและอร่อย เรียกร้องให้อัมพิกาหยุดดื่มไม่ได้ จากที่ว่าไม่เมาก็เริ่มคุมสติไม่อยู่ ไม่รู้ทำอะไรไปบ้างด้วย จำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น
“อาเดียวไง เมาจนสติเลอะเลือนเลยเหรอ” เขาก้าวเข้ามาใกล้เตียง พร้อมกับวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง
“อั้มเมา อั้มนี่นะ อาเดียวล้ออั้มเล่นหรือเปล่า”
“พยานทั้งงานค่ะ” อาหนุ่มไม่ตอบให้มากความ ประโยคนี้ประโยคเดียวย่อมเพียงพอ
“อูย...คงเถียงไม่ออกถ้าพยานจะเยอะขนาดนั้น” หลานสาวตัวดีหน้าเจื่อนกับคำตอบจากปาก อิ่มเอมได้รูปผู้เป็นอา ซึ่งหลานสาวคิดไม่ซื่ออย่างเธอ พยายามไม่คิดนอกกรอบ ที่ควรจะเป็นเธอบอกให้ท่องคำนี้เอาไว้ทุกวัน ‘เขาคือผู้มีพระคุณ’
“บอกแล้วใช่มั้ยไม่ให้ดื่ม”
“แค่ลองเอง” หลานสาวเถียงเบาๆ ไม่ได้โต้ตอบอย่างคนหัวดื้อ เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในการอนุเคราะห์ผู้ปกครองคนนี้ อัมพิกาทำตัวดีเสมอ ด้วยสำนึกบุญคุณดรัณเสมอ ถ้าไม่มีเขาป่านนี้ชีวิตหลังไร้ที่พึ่งจะเป็นอย่างไร ดังนั้นทำอะไรได้ก็ควรทำเพื่อเป็นการตอบแทนอาเดียว
“ไม่เคยดื่ม อย่าริดื่ม” ดรัณยกนิ้วชี้ไปตรงหน้าเพื่อปรามหลานสาว
“ลองนิดหน่อยเอง” จำเลยยังคงเถียงอีกประโยค ด้วยเสียงอ่อย