ตอนที่ 3
นับวันนวลพรรณยิ่งค้นพบว่าความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตของหล่อนก็คือการได้ดูแลเอาอกเอาใจพ่อเลี้ยงก้องภพ ด้วยแอบหวังอยู่ลึกๆ ในใจว่าความห่วงใยและเอาใจใส่ของหล่อนจะเป็นเหมือนน้ำที่หยดลงหิน... บางที ‘หัวใจหิน’ ของก้องภพอาจจะกร่อนเข้าสักวัน
“อาก้องไม่ทานข้าวเช้าหรือคะคุณแม่”
ใบบัวยื่นใบหน้าเข้ามาในครัว ทำจมูกฟุดฟิดกับกลิ่นขนมปังปิ้งหอมกรุ่น
“วันนี้พ่อเลี้ยงไม่ทานมื้อเช้าจ้ะ... แต่ขอขนมปัง”
นวลพรรณบอกลูกสาว ก่อนจะยกถาดขนมปังปิ้งไปให้พ่อเลี้ยงที่ศาลาริมน้ำ
“คนบ้านนี้ไม่มีใครจำบ้างเลยหรือยังไง... ว่าผมไม่กินแยมสับปะรด”
พ่อเลี้ยงจอมเรื่องมากแทบจะคายขนมปังออกมาจากปากในทันทีหลังจากได้กลิ่นสับปะรด ทั้งที่ยังไม่ได้เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ
“ตายจริง... ขอโทษค่ะ เดี๋ยวนวลจะรีบไปทำให้ใหม่นะคะ”
นวลพรรณทำหน้าจ๋อย
“ช่างเถอะ... ผมไม่กินแล้ว แต่คราวหลังใส่ใจให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน”
พ่อเลี้ยงลุกขึ้นจากเก้าอี้ เมื่อหยัดร่างขึ้นเต็มความสูงก็ยิ่งทำให้เขาแลดูสง่าผ่าเผย รองเท้าบูทสีดำยาวเกือบถึงเข่ายิ่งส่งให้ร่างนั้นดูองอาจสมชายชาตรีในทุกกระเบียดนิ้ว แผงอกกว้างและปั้นไหล่ตึงเต็มอยู่ภายใต้เสื้อยีนส์สีน้ำเงินคราม หมวกหนังปีกกว้างที่เขาคว้าขึ้นมาสวมใส่ยิ่งทำให้ดูคล้ายคาวบอยในหนังฝรั่งยังไงยังงั้น
ก้องภพก้าวยาวๆ ไปที่คอกม้า โดดขึ้นขี่หลังม้าคู่ใจแล้วควบออกไปสู่ประกายแดดสีทองของยามสาย มุ่งไปยังไร่ส้มที่ทอดแนวยาวสุดหูสุดตาไปถึงตีนเขาที่ทอดทะมึนเป็นฉากหลังอยู่รางๆ
“ไม่รู้ว่าหนูรู้สึกไปเองหรือเปล่า... ”
ใบบัวเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่เข้าพอดี ตอนที่พ่อเลี้ยงควบม้าออกไปเพราะอารมณ์ขุ่นมัวกับเรื่องขนมปังปิ้ง
“เรื่องอะไรหรือลูก?”
นวลพรรณสงสัยในสิ่งที่ลูกสาวเกริ่นขึ้นมาลอยๆ
“ก็อีตาดำ เอ๊ย... ก็อาก้องน่ะสิคะ... ท่าทางเขาไม่ชอบเราสองแม่ลูกเลยนะคะ”
“ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกจ้ะ... ถ้าพ่อเลี้ยงจะเกลียดแม่”
นวลพรรณเปรยขึ้นลอยๆ อย่างคนที่อัดอั้นในอก
“เพราะอะไรคะคุณแม่... เล่าให้หนูฟังได้ไหม”
“ก็เพราะแม่เคยทำให้พี่ชายเค้าเสียใจมาก... แต่ก่อนคุณก้องภูพี่ชายของพ่อเลี้ยงก้องภพเป็นคนรักเก่าของแม่จ้ะ... เราคบกันอยู่พักนึง จากนั้นแม่ก็เป็นฝ่ายทิ้งเขาแล้วไปแต่งงานกับพ่อของหนู ทำให้คุณก้องภูเสียใจจนเกือบฆ่าตัวตาย”
“อะไรนะคะ... ถึงขนาดจะฆ่าตัวตายเชียวหรือ”
“จ้ะ... หลังจากที่รู้ว่าแม่ตัดสินใจแต่งงานกับพ่อของหนูเงียบๆ”
“เรื่องของหัวใจมันห้ามกันไม่ได้นะคะ”
ใบบัวอดไม่ได้ที่จะแสดงความเห็นเข้าข้างมารดาของตัวเอง
“ก่อนที่คุณก้องภูจะเสียชีวิตเค้ารู้ว่าแม่กำลังตกที่นั่งลำบาก... เลยฝากน้องชายให้ช่วยเหลือแม่กับหนู”
เรื่องนี้ใบบัวรู้ดี เพราะว่า ‘อุทิศ’ พ่อของเธอติดการพนันงอมแงมจนนำเอาความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัว เป็นทาสพนันถึงกับเอาบ้านไปจำนองไว้กับธนาคาร สุดท้ายก็ถูกยึด จากนั้นตัวเองก็เครียดจัดจนเสียชีวิตด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ทิ้งให้เธอกับผู้เป็นแม่ต้องพากันร่อนเร่ออกไปอยู่บ้านเช่าในซอยลึกและเปลี่ยวไม่ต่างจากแหล่งสลัม กระทั่งก้องภพยื่นมือเข้าช่วยเหลือเอาไว้
“เป็นแบบนี้เองหรอกหรือ... ที่คุณอาก้องภพช่วยเราเอาไว้ก็เพราะว่าคุณก้องภูพี่ชายเค้าเป็นคนขอร้องเอาไว้ก่อนตาย”
ใบบัวเริ่มกระจ่าง
“ใช่จ้ะลูก”
นวลพรรณพยักหน้า ใบบัวนิ่งอยู่ในอาการครุ่นคิด หลังจากค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มาแล้วร้อยเรียงเรื่องราวเข้าด้วยกันจึงเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้ท่าทีของคุณอาก้องภพดูเย็นชากับเธอเหลือเกิน
“แต่ยังไงคุณก้องภพก็มีบุญคุณกับเรานะลูก... ถ้าวันนั้นเค้าไม่ช่วยเอาไว้ ป่านนี้หนูก็คงไม่ได้เรียนหนังสือ ชีวิตแม่ก็คงลำบากกว่านี้หลายร้อยพันเท่า”
นวลพรรณตระหนักในบุญคุณของพ่อเลี้ยงอยู่เสมอ และที่หล่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งก็เพื่อต้องการให้ใบบัวได้ตระหนักในบุญคุณของพ่อเลี้ยงด้วยเช่นกัน
“พ่อเลี้ยงอาจจะเป็นคนโมโหร้าย เอาใจยาก เอาแต่ใจตัวเอง แต่เราก็ต้องอดทนไว้นะลูก แม่รู้ว่าลึกๆ แล้วพ่อเลี้ยงไม่ใช่คนใจร้ายเลยสักนิด... เชื่อแม่สิ”
นวลพรรณเชื่อว่าหล่อนมองคนไม่ผิด
“ค่ะแม่... ”
ใบบัวรับคำ ครุ่นคิดตามที่มารดาบอก
ตั้งแต่ขี้ม้าออกไปเมื่อเช้า ก้องภพกลับเข้ามาที่เรือนใหญ่อีกครั้งก็ตอนใกล้เที่ยง
ปกติพ่อเลี้ยงมักจะกลับเข้ามากินข้าวเที่ยงที่เรือนใหญ่เป็นประจำ มีบ้างเหมือนกันที่เขาแวะไปกินข้าวกับพวกคนงานในไร่ส้ม เพราะว่าที่ท้ายไร่มีโรงครัวที่สร้างเอาไว้สำหรับทำอาหารเลี้ยงคนงานเช่นกัน มีป้าแจ่มซึ่งเป็นคนใช้เก่าแก่รับหน้าที่เป็นแม่ครัวทำอาหารเลี้ยงดูคนงานในฟาร์มมานานกว่าสิบปี
“คุณอาคะ... ”
ใบบัวเอ่ยขึ้นเบาๆ หลังจากรอจนกระทั่งเห็นว่าพ่อเลี้ยงก้องภพกินข้าวเสร็จแล้ว
“หืม... ”
พ่อเลี้ยงเงยหน้าขึ้นมอง
“พรุ่งนี้วันเกิดบัวค่ะ... เพื่อนๆ อยากจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้บัว ขออนุญาตไปงานกับเพื่อนๆ นะคะ อาจจะกลับค่ำๆ”
“จัดกันที่ไหน”
ก้องภพถามเสียงห้วนสั้น
“เอ่อ... ที่ผับในเมืองค่ะ”
“ไปกันกี่คน”