บทที่ 8 ทายาลดบวมให้เธอหน่อย
ไป๋จือกำมือที่ซ่อนอยู่จนแน่น
เขาคงแน่ใจแล้วว่าครั้งนี้เธอไม่ได้อัดวิดีโอ ดังนั้นเขาจึงกล้าที่จะอวดดีเช่นนี้
ใบหน้าของหญิงสาวซีดลง และเธอหายใจด้วยความลำบาก
ชายผู้นั้นยังไม่ได้ถอยห่างจากเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้ แต่ซูเถียนบอกว่าเธอเรียนเก่งมาก”
“การเอาอนาคตมาเสี่ยงกับสิ่งที่ตัวเองไม่มั่นใจ มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงฉลาดจะทำกัน”
คนระดับโจวฉงเหย่ ทำไมจะไม่รู้ว่าไป๋จือเพ่งเล็งไปที่เขาและรั่วเฟย รวมไปความเกลียดชังและความรู้สึกเป็นศัตรูที่ชัดเจนภายใต้ "การล่อลวง" ของเธอ
ก็แค่เขาจำไม่ได้ว่าเขาไปยั่วโมโหเด็กผู้หญิงตัวเล็กเช่นนี้ตอนไหน
“เธอคิดอย่างไรล่ะ? เพื่อนไป๋จือ?”
“ฉันสามารถทำให้คุณตกหลุมรักฉันได้”
ความโอ้อวดของหญิงสาวปลดปล่อยออกมาจนแทบจะกลั้นไม่ไหว
หลังจากที่เธอพูดจบ บรรยากาศก็เงียบไปสักพัก
เธอค่อยๆ ตระหนักว่าเธออาจพูดอะไรโง่ๆ ออกไป
คนระดับอย่างโจวฉงเหย่ จะให้เขามาคุยเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับคนชั้นต่ำยากจนเช่นเธอ มันเป็นเรื่องกระดากปากจริงๆ
เธอนึกว่าชายคนนี้จะหัวเราะเยาะเย้ยเธอ แต่โจวฉงเหย่กลับไม่ทำเช่นนั้น
เขาถึงกับหยุดก้าวไปข้างหน้า ไม่ก้าวร้าวอีกต่อไป และกลับไปสู่ความเฉยเมยและสงบ
"งั้นเธอก็ลองดู"
เขาเดินออกจากทางหนีไฟด้วยคำพูดทิ้งท้ายนี้
กำชับกับหมอที่อยู่ด้านนอก
“ทายาลดบวมบนใบหน้าของสาวน้อยคนนั้นหน่อย”
....
ไป๋จือถือว่า "งั้นเธอก็ลองดู" เป็นการยินยอมของชายผู้นั้น
ถ้าหากนับการต่อสู้ที่โรงแรมครั้งที่แล้วเป็นการเสมอกัน ครั้งนี้นับได้ว่าเธอแพ้แล้ว
ให้ตายเถอะ ไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ยิ่งทำให้ไม่มีความสุขเอาซะเลย
ไป๋จือไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ เธอจึงส่งข้อความถึงซูเถียน
“เถียนเถียน ส่งเบอร์มือถืออาของเธอมาให้ฉันหน่อย”
หลังจากผ่านการคิดไตร่ตรองมาหลายวันซูเถียนก็ใจเย็นลง
ซูเถียน "จือจือ พวกเรายอมแพ้กันเถอะ ฉันรู้สึกเสียใจภายหลังนิดหน่อยที่ไปแหย่อาของฉันแบบนั้น..."
“แล้วเธออยากเป็นพี่น้องกับโจวจื่อเย่งั้นเหรอ?”
ซูเถียน "..."
โจวจื่อเย่เป็นหลานชายของโจวฉงเหย่ ในขณะเดียวกันเขายังเป็นเด็กหนุ่มที่ซูเถียนแอบชอบมาตั้งแต่เด็กอีกด้วย
ถ้ารั่วเฟยและโจวฉงเหย่แต่งงานกันจริงๆ โจวจื่อเย่ก็จะกลายเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอไปโดยปริยาย
บ้าเอ๊ย!!
ซูเถียนรีบส่งเบอร์มือถือไปให้ไป๋จืออย่างรวดเร็ว
“จือจือ เธอจะส่งอะไรให้อาฉันเหรอ? ไม่ใช่รูปโป๊ใช่ไหม??!”
ไป๋จือมองดูหมายเลขแล้วยิ้ม
“ไม่พูดเรื่องไร้สาระ แค่ทำก็เสร็จแล้ว”
ไม่เชื่อหรอกว่าจะล้มเขาไม่ลง
....
ในขณะที่ไป๋จือกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดที่จะส่งเป็นข้อความแรกไปหาโจวฉงเหย่ รั่วเฟยก็กำลังครุ่นคิดว่าจะค้างคืนกับโจวฉงเหย่ครั้งแรกได้อย่างไร
คืนนั้น หลังจากที่รั่วเฟยไปเยี่ยมแม่ เธอก็ตรงไปที่คฤหาสน์ซีซู่
เธอและโจวฉงเหย่เป็นคู่ที่กำลังจะหมั้นหมายกัน แต่เธอกลับไม่เคยไปที่บ้านของเขาเลย ต้องใช้ลูกล่อลูกชนกับคนรับใช้อยู่สักพักถึงเข้ามาได้
หลังจากที่รั่วเฟยเข้ามา เธอก็มองดูบ้านของเขาอย่างระมัดระวัง มันเหมือนกับที่เธอจินตนาการไว้ เป็นสไตล์อิตาลีระดับไฮเอนด์ และวิลล่าทั้งหลังก็ใหญ่โตและหรูหรา
เธอนั่งรอโจวฉงเหย่บนโซฟาอยู่สักพัก
เมื่อเห็นเขายังไม่กลับมาสักที เธอก็เดินขึ้นไปที่ห้องนอนของเขาบนชั้นสอง
ในใจของรั่วเฟยเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่หลังจากเข้าไปในห้องของเขาจริงๆ เธอก็พบว่าเธอไม่กล้าแตะต้องสิ่งของของเขาเลย
ในขณะนี้ จู่ๆ เธอก็รู้สึกอยากจะเข้าห้องน้ำ สัญชาตญาณบอกเธอว่าครั้งแรกที่ไปบ้านของคนอื่น ควรจะไปใช้ห้องน้ำแขก แต่เธอก็คิดอย่างรวดเร็วว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น เธอและโจวฉงเหย่ก็จะเป็นสามีภรรยากันในไม่ช้า ดังนั้นเธอจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำในห้องนอนของเขา
ทันทีที่เธอเปิดลิ้นชัก เธอก็ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
ในลิ้นชักมีเพียงสองสิ่ง
หนึ่งคือกระดาษโน๊ต
อีกสิ่งคือปลอกคอ
มือของรั่วเฟยเริ่มสั่น
ลายมือบนกระดาษบันทึกนั้นดูเรียบร้อยและสวยงาม เห็นได้ชัดว่าเขียนโดยนักเรียน
นอกจากนี้ยังมีปลอกคออยู่ด้วย หลังจากเห็นเนื้อหาที่อยู่บนกระดาษนั้น ใบหน้าของรั่วเฟยก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว!
“คุณอาโจว ฉันอยากนอนกับคุณค่ะ”
"แมวสุดที่รักของ zcy"
เธอจำเด็กผู้หญิงที่ยียวนเธอที่ประตูโรงแรมในวันนั้นได้ทันที!
รั่วเฟยนึกไม่ถึงว่าโจวฉงเหย่จะติดต่อกับหญิงสาวแบบนี้จริงๆ
เธอนั่งลงรีบค้นหาอย่างบ้าคลั่งในทันที พยายามหาว่ามีถุงยางอนามัยหรือหลักฐานอื่นใดอยู่หรือไม่
ในเวลานี้ ชายที่ยืนอยู่ตรงประตูพูดอย่างเย็นชา
"คุณกำลังหาอะไร?"
รั่วเฟยไม่คาดคิดว่าเขาจะกลับมาในตอนนี้ เธอจึงรีบผลักลิ้นชักปิดกลับ
“ฉงเหย่ คุณกลับมาแล้วเหรอ? อ้อ ฉันกำลังหากระดาษทิชชู่น่ะ”
โจวฉงเหย่มองไปที่ลิ้นชักและรู้ว่ารั่วเฟยกำลังโกหก
“คืนนี้คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
รั่วเฟยขมวดคิ้ว "ฉันได้ยินจากซานซานว่า คุณย้ายแม่ของฉันออกจากโรงพยาบาลที่สามเหรอ?"
"อืม"
"ทำไมล่ะ?"
โจวฉงเหย่จะไม่ตอบคำถามของเธออย่างแน่นอน
อันที่จริง สำหรับเขาแล้ว รั่วเฟยก็เป็นเพียงของเล่น
เขาได้รับการอบรมสั่งสอนมาว่าให้รักษามารยาท แต่ในกรณีนี้ ในความเห็นของเขา ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เธอฟังใดๆ ทั้งนั้น
ชายผู้นี้พูดอย่างใจเย็น "สภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลใหม่ดีกว่า และการรักษาพยาบาลก็ดีกว่ามากเช่นกัน ผมได้หาหมอโรคหัวใจที่มีความเชี่ยวชาญมากมาให้แล้ว ฉะนั้นคุณสบายใจได้"
"ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ"
แม้ว่ารั่วเฟยหวังว่าโจวฉงเหย่จะให้สิทธิพิเศษกับเธอและครอบครัวของเธอ แต่เธอก็เข้าใจอย่างมีเหตุผลด้วยว่า ความหวังและความเพ้อฝันนั้นมีความแตกต่างกัน
เธอรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ไปเจรจาเกี่ยวกับเรื่องนี้
หากยังดันทุรังเรียกร้องต่อไป เกรงว่าแม้แต่โรงพยาบาลเอกชนที่ย้ายไปใหม่นี้ก็จะไม่สามารถอยู่ได้
คืนนี้ สิ่งที่สำคัญกว่าโรงพยาบาลก็คือเขา
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ รั่วเฟยก็พูดอย่างระมัดระวัง
"ฉงเหย่ พรุ่งนี้เช้าฉันมีประชุมแถวนี้ คืนนี้ฉันขอนอนที่บ้านคุณได้ไหมคะ?"
ไม่เคยมีใครเคยนอนค้างที่คฤหาสน์ซีซู่มาก่อน
เธอต้องการกลายเป็นคนแรก
ชายผู้นั้นถอดเนคไทหน้ากระจกอย่างใจเย็นแล้วพูดเพียงสองคำ "ไม่ได้"
รั่วเฟยกัดฟัน "แม้แต่นอนห้องพักแขกก็ไม่ได้เหรอคะ?"
“รั่วเฟย”
ชายคนนั้นวางเนคไทลงแล้วมองตรงไปที่เธอด้วยดวงตาที่เย็นชา
วันนี้เธอล้ำเส้นเขาถึงสองครั้ง
“อย่าลืมข้อตกลงก่อนหน้านี้ของเรา ผมช่วยพาบริษัทของคุณข้ามผ่านความยากลำบาก ส่วนคุณห้ามมายุ่มย่ามกับผม และที่สำคัญห้ามแหกกฎ”
ตอนนี้สีหน้าของผู้หญิงดูไม่ได้เอาสะเลย
เธอมีรอยยิ้มสวยงามมาโดยตลอด แต่ตอนนี้รอยยิ้มของเธอหายไปแล้ว
ในขณะที่เขาสามารถเก็บสิ่งของของสาวๆ คนอื่นไว้ในลิ้นชักได้ แต่เธอซึ่งเป็นคู่หมั้น แม้แต่ห้องพักแขกก็อยู่ไม่ได้เลยเหรอ?
เป็นไปได้ไหมที่หญิงสาวคนนั้นจะเคยนอนค้างที่นี่ ถึงได้ทิ้งอะไรแบบนั้นไว้ได้?
ทันใดนั้นแสงเย็นก็แวบเข้ามาในดวงตาของผู้หญิงคนนั้น
“ฉันจำกฎได้ ฉันแค่คิดว่าที่นี่อยู่ใกล้กับสถานที่ประชุมในวันพรุ่งนี้ก็แค่นั้น ในเมื่อคุณไม่ยอม ฉันไปก็ได้”
การเชื่อฟังของเธอก็ทำให้ทัศนคติที่เย็นชาของชายคนนั้นอ่อนลงเล็กน้อย
"ผมจะให้ผู้ช่วยจองโรงแรมที่ใกล้แถวนี้ให้คุณ"
รั่วเฟยตอบตกลง จากนั้นจึงออกจากที่นี่อย่างเย็นชาพอๆ กัน
เมื่อคิดถึงปลอกคอและกระดาษโน๊ตนั้น เธอก็โทรหาผู้ช่วยในทันทีหลังจากออกจากคฤหาสน์ซีซู่ไป
“ที่ฉันสั่งให้ไปเช็คเพื่อนร่วมชั้นของซูเถียนที่เข้าไปในห้องโจวฉงเหย่ ได้เรื่องแล้วใช่ไหม?”
ผู้ช่วย "ข้อมูลยังไม่แน่ใจทั้งหมด พรุ่งนี้น่าจะทราบครับ"
รั่วเฟยกำโทรศัพท์แน่น พ่นคำพูดออกมาเหมือนงูพิษในคืนที่มืดมิด
“พรุ่งนี้หลังจากได้รับการยืนยันแล้ว หาคนไปจัดการเธอซะ”