บทที่ 9 การแก้แค้น
ข้างเตียงโรงพยาบาล
ขณะที่ไป๋จือกำลังอ่านพจนานุกรมภาษาจีนโบราณเพื่อเขียนการบ้าน เธอก็ถือโทรศัพท์มือถือและคิดอะไรบางอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วหมุนมันเล่นไปมาบนฝ่ามือ ในที่สุดเธอก็พิมพ์ข้อความแรกถึงโจวฉงเหย่เสร็จ
โจวฉงเหย่กำลังอาบน้ำอยู่ เขาเดินออกจากห้องอาบน้ำโดยมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว เผยให้เห็นเอวที่แข็งแรงและร่องกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขา ในกระจกปรากฏใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
ชายผู้นี้กำลังหยิบที่โกนหนวดออกจากลิ้นชัก ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงปลอกคอที่เขาใส่ไว้ในลิ้นชัก ซึ่งไม่ได้โยนมันทิ้งไปไหน
จิตใต้สำนึกของเขาบอกเขาว่าสิ่งนี้คือหลักฐาน
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของโจวฉงเหย่สั่นสองครั้ง ข้อความจากหมายเลขที่ไม่รู้จักปรากฏขึ้น
“คุณคิดว่าจะใช้ท่าไหนกับฉันในครั้งแรก?”
“ข้างหลังดีมั้ย?”
ที่โกนหนวดในมือของเขาส่งเสียงดังหึ่งๆ นอกจากนั้นทั้งห้องน้ำก็ไม่มีเสียงอื่นใด
เขาดูข้อความเป็นเวลาสองวินาที จากนั้นกดลบอย่างไม่แยแส
ไม่มีการส่งข้อความจากไป๋จือมาอีก ราวกับว่าข้อความเมื่อกี้นี้เป็นเพียงข้อความขยะที่ส่งมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนเธอก็นั่งอยู่ข้างเตียงในโรงพยาบาล ในมือถือโทรศัพท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ราวกับว่าในที่สุดเธอก็ได้รับศักดิ์ศรีของตัวเองกลับคืนมา
ในอีกด้านหนึ่ง รั่วเฟยกลับเป็นผู้ถูกครอบงำหลังจากได้เห็นกระดาษโน๊ตนั้น
เธอเริ่มนึกภาพ โจวฉงเหย่นอนกับหญิงสาวที่สวมเสื้อแจ็กเกตราคาถูกคนนั้น
พวกเขาอยู่ในห้องพักในโรงแรม... และในห้องน้ำที่คฤหาสน์ซีซู่...
พวกเขาทำเรื่องอย่างว่ากันแล้วเหรอ?
จากนั้นรั่วเฟยก็ตระหนักได้ว่า ถึงแม้จะเป็นแค่จินตนาการ แต่ตนเองก็ไม่สามารถนึกภาพโจวฉงเหย่หมกมุ่นอยู่กับตัณหาได้
ผู้ชายคนนั้นมักจะเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ได้ยินว่าตอนที่เขาเรียนอยู่ต่างประเทศ เขาไม่เพียงแต่ไม่เคยเล่นกับสาวๆ เหมือนเพลย์บอยคนอื่นๆ ในวงการเลย แม้กระทั้งไม่เคยมีแฟนเลยด้วยซ้ำ
ขนาดเธอที่มีเสน่ห์ถึงขั้นเคยปฏิเสธชายหนุ่มนักธุรกิจใหญ่โตมาแล้วหลายต่อหลายคน ยังไม่สามารถพิชิตใจเขาได้ แล้วนังเด็กนั่นจะสามารถทำอะไรเขาได้นะ?
หรือโจวฉงเหย่มีความชอบส่วนตัว? คือชอบคนที่อายุน้อยกว่าหรือเปล่านะ?
ยิ่งรั่วเฟยคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไรก็ยิ่งคิดไปไกลมากขึ้นเท่านั้น
ในที่สุดผู้ช่วยก็โทรกลับมา
“คุณรั่ว คนที่คุณต้องการ หาตัวเจอแล้ว”
รั่วเฟยบีบโทรศัพท์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "มันชื่ออะไร?"
“เธอชื่อหวังเจียว”
“พ่อแม่เป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆ ทั้งสองคน เธอเป็นนักเรียนรุ่นพี่ของซูเถียน และเธอก็อยู่ในรายชื่องานเลี้ยงในคืนนั้นด้วย เมื่อคืนเธอไปหาคุณโจวที่บริษัทด้วย”
"มีรูปถ่ายไหม?"
ผู้ช่วยส่งรูปถ่ายบัตรนักศึกษาของหวังเจียวไปให้เธอ
รั่วเฟยขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นและใช้นิ้วปิดครึ่งหน้าของหญิงสาวในภาพ จำลองภาพหญิงสาวคนที่สวมเสื้อแจ็กเกตในขณะที่สวมหน้ากาก
เด็กผู้หญิงทั้งสองคนมีตาสองชั้นและตาโต แต่หน้าตาดูยังไงก็ไม่เหมือนกัน
“คุณบอกว่าเธอไปหาฉงเหย่ที่บริษัทเมื่อวานนี้?”
“ใช่ครับ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยืมหนังสือ”
"งั้นก็ใช่แล้วแหละ"
แม้ว่าจะรู้สึกไม่ค่อยเหมือน แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับหนังสือก็มีความสอดคล้องกันอย่างแน่นอน
รั่วเฟยมองไปที่รูปถ่ายของหวังเจียวด้วยเจตนาฆ่า
“คุณรู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป”
ผู้ช่วยไม่แน่ใจเล็กน้อย "คุณรั่วต้องการทำให้เธอกลัวไหมครับ? หรือทำร้ายร่างกายเธอสักหน่อยดี?"
รั่วเฟยกำกระดาษโน๊ตในมือแน่น และพูดด้วยน้ำเสียงสงบ แต่คำพูดที่เธอพูดออกมานั้นช่างน่าสะพรึงกลัว
“ใช้วิธีอะไรก็ได้ทำให้มันไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป”
ร่านนักไม่ใช่เหรอ?
งั้นก็ต้องทำให้เป็นถึงขนาดที่ว่าเมื่อเจอผู้ชายจะทำตัวร่านไม่ได้อีก
.....
ไม่มีการตอบกลับข้อความที่ไป๋จือส่งเมื่อคืนนี้จนถึงวันรุ่งขึ้น
แต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าโจวฉงเหย่จะตอบกลับเช่นกัน
สิ่งที่เธอต้องการก็แค่ให้เขาคิดถึงเธอเป็นครั้งคราว
ตราบใดที่ทำให้ใบหน้าของเธอสามารถปรากฏในขณะที่เขากับรั่วเฟยกำลังทำ "สิ่งนั้น" ได้ ก็เท่ากับมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
นักเรียนเพิ่งเรียนคาบสุดท้ายของช่วงบ่ายเสร็จ และทยอยออกจากอาคารเรียนกัน
ไป๋จือและซูเถียนถือหนังสือเดินต่อแถวออกไปพร้อมกับฝูงชน คนหนึ่งเย็นชาและอีกคนละเอียดอ่อน เหมือนกับทิวทัศน์ของมหาวิทยาลัยที่อ่อนเยาว์และสวยงามที่สุดทั้งสองแห่ง
ซูเถียนส่องกระจกที่อยู่ด้านหลังเคสโทรศัพท์เพื่อจัดทรงผมของเธอพร้อมพูดว่า "เธอรู้จักคนที่ชื่อหวังเจียว อยู่ปีสาม คณะภาษาต่างประเทศไหม? เธอไปที่สำนักงานใหญ่ของตระกูลโจวเพื่อตามหาอาของฉันเมื่อคืนนี้!"
“ได้ยินมาว่ากลับเข้าหอพักไม่ทันเวลาปิดประตู เลยต้องนอนร้านอินเตอร์เน็ตนอกโรงเรียนทั้งคืน คงง่วงมากจนวันนี้ไม่ได้มาเรียน!”
“จือจือ ไม่ใช่ว่าเธอคนนั้นเห็นอาของฉันให้เธอยืมหนังสือ เลยรู้สึกเนื้อเต้น จึงอยากเสนอตัวเองบ้างหรือเปล่านะ?”
“ฮ่าๆๆ ตลกมาก! เสียดายที่อาไม่ชอบหน้าตาแบบเน็ตไอดอลของเธอ”
ไป๋จือไม่ได้คาดคิดว่าหวังเจียวจะไปหาโจวฉงเหย่โดยตรง
อย่างไรก็ตาม ไป๋จือรู้สึกว่าหวังเจียวไม่น่าจะอยากไปอ่อยโจวฉงเหย่
อย่างมากก็คงขโมยบางสิ่งบางอย่างไป และรู้สึกผิดอยู่ในใจ จึงต้องการตามหาโจวฉงเหย่เพื่อค้นหาความจริงในความสัมพันธ์ของเขากับตัวเอง
ไป๋จือ "แล้วเธอได้พบกับอาของเธอไหม?"
ซูเถียนหัวเราะเยาะ "เฮ้ ก็ต้องไม่ได้พบแน่นอนสิ"
“อาคารบริษัทของอาฉันอยู่ที่ย่านการค้ากั๋วเม่า บริเวณนั้นเต็มไปด้วยบริษัทต่างชาติ การควบคุมการเข้าออกเข้มงวดมาก”
“เธอคงถูกหยุดไว้ที่ประตูแรก ไม่สามารถแม้แต่จะพบหน้าพี่สาวแผนกต้อนรับ ไหนยังจะมีแม่เลี้ยงของฉันที่คอยจ้องตาไม่กะพริบอีก”
เมื่อพูดถึงรั่วเฟย ใบหน้าของซูเถียนก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ พร้อมกับกลอกตามองบน
“ทำไมล่ะ? โจวฉงเหย่ปล่อยให้รั่วเฟยเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาด้วยเหรอ?”
ซูเถียน "ก็พูดยากน่ะ ตอนที่รั่วเฟยอยู่กับพ่อของฉัน เธอมีสายสืบอยู่ทุกหนทุกแห่งในบริษัท คนที่เป็นเมียน้อยอย่างเธอ ก็เลยต้องระวังผู้หญิงอื่นจากข้างนอก และวิธีการที่ใช้จัดการกับพวกเธอนั้นโหดร้ายและนองเลือดมากในแต่ละครั้ง”
“โหดร้ายขนาดไหน?” ไป๋จือรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“อืม จะพูดแบบนี้ก็ได้” ซูเถียนเก็บโทรศัพท์ของเธอและหันมาจริงจัง “ตอนที่ฉันยังอยู่มัธยมต้น วันหนึ่งฉันได้รับโทรศัพท์บ้านในตอนกลางดึก ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงข้างนอกโทรมายั่วยุ ฉันก็เลยเอาให้รั่วเฟย แล้ววันรุ่งขึ้นหญิงสาวคนนั้นก็ถูกคนร้ายรุมกระทืบ"
“……”
โห
ไป๋จือฟังอย่างเงียบๆ รูขุมขนบนหลังลุกชัน
“ดังนั้น จือจือ เธอมีลู่ฮ่าวอยู่ และบ้านของอาฉันก็ค่อนข้างปลอดภัย แต่เธอต้องอย่าให้รั่วเฟยรู้เป็นอันขาด”
ไป๋จือ "..."
โถ่เอ้ย ทำไมไม่บอกกันก่อนหน้านี้นะ
...เธอยังไปบอกรั่วเฟยต่อหน้าว่าผู้ชายมีความรู้สึกกับเธออยู่เลย
เมื่อเห็นการแสดงออกที่ตึงเครียดของไป๋จือ ซูเถียนก็คิดว่าเธอคงกลัว จึงรีบปลอบไปว่า
"แต่เธอน่าจะไม่รู้เรื่องที่เธอไปคฤหาสน์ซีซู่วันนั้น พวกเขาที่นั่นทั้งหมดเป็นคนของอาฉัน"
“อาของฉันแตกต่างจากพ่อของฉัน แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เขาก็โหดเหี้ยมกว่าพ่อของฉันมาก รั่วเฟยอาจจะไม่ได้อะไรจากเขาเลย เขาอาจจะไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรตามอำเภอใจเลยด้วยซ้ำ”
ไป๋จือ "...ก็คงงั้น"
ยังไงซะเมื่อวานนี้รั่วเฟยใช้เส้นสายวิ่งเต้นหาเตียงให้แม่ของตัวเอง แต่โจวฉงเหย่ก็ไม่อนุญาต
ไป๋จือและซูเถียนยังคงเดินเคียงข้างกันไปยังหอพัก
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงอะไรบางอย่าง
สีหน้าเปลี่ยนไป
“ซูซู เธอกลับหอพักไปก่อน ฉันมีเรื่องต้องทำกระทันหัน”
ไป๋จือมักจะสงบและไม่ค่อยกังวล เมื่อซูเถียนเห็นท่าทางกังวลของเธอจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
"อ้อ งั้นเธอไปเถอะ มื้อเย็นฉันจะสั่งไก่ผัดพริกมากินด้วยกันนะ!"
หลังจากที่ไป๋จือกล่าวคำอำลากับซูเถียน ใบหน้าเรียบเฉยก็แสดงท่าทีเร่งรีบที่เห็นได้ยาก และเธอก็รีบโทรหาหวังเจียว
แน่นอนว่า โทรศัพท์ของอีกฝ่ายเริ่มไม่มีคนรับสาย