บทที่ 7 คิดเท่าไหร่
คำสั่งของโจวฉงเหย่เด็ดขาดมาก
บรรดาหมอทุกคนต่างรู้สึกโล่งใจและกลัวเล็กน้อย
แม้ว่าโจวฉงเหย่จะไม่ได้จบแพทย์ แต่โรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งในเมืองจิงเป่ยล้วนเป็นของตระกูลโจวทั้งสิ้น
เขาเป็นผู้สืบทอดของตระกูลโจวอย่างไม่ต้องสงสัย หมอหลายคนรู้จักเขาแค่จากคำบอกเล่า วันนี้ได้เห็นกับตาว่าออร่าช่างแข็งแกร่งจริงๆ แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานอย่างชัดเจน ความเคารพที่มีต่อเขาย่อมเพิ่มมากขึ้น
เฉียนซานเริ่มร้อนรน "พี่เขย ฉันผิดเองที่ด่าหมอ แต่โรงพยาบาลให้ผู้หญิงชั้นต่ำแบบนี้เข้ามาได้ยังไง?! คุณรู้ไหมว่าเมื่อกี้เธอเทน้ำอะไรไม่รู้ใส่พวกเราด้วย?"
ไป๋จือรออยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
โจวฉงเหย่มองเธอแวบหนึ่งและพูดเพียงประโยคเดียว
“โรงพยาบาลไม่มีกฎไล่ผู้ป่วยที่เข้ามารักษาออกไป ผมจะหาเตียงอื่นให้พวกคุณ” ความหมายก็คือปล่อยพวกเธอไป
เฉียนซานดูเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“พี่เขย คุณแน่ใจใช่ไหมว่าจะเอาแบบนี้?! เพียงเพราะคนแปลกหน้าสองคน คุณถึงกับไล่แม่ยายในอนาคตของคุณออกไปเลยเหรอ?!”
โจวฉงเหย่มีสีหน้าเฉยเมย "ถ้าคุณไม่ยอมรับข้อเสนอของผม คุณก็ไปหาโรงพยาบาลอื่นเอง"
เฉียนซานเมื่อกี้ยังใช้อำนาจบาตรใหญ่อยู่เลย ตอนนี้กลับไม่พูดไม่จาแล้ว
แม้ว่าแม่ของรั่วเฟยจะไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่กล้ามีปัญหากับโจวฉงเหย่ เพราะถ้าเธอทำให้เขารำคาญ แล้วกระทบงานแต่งงานของลูกสาว แบบนี้มันไม่คุ้ม
หญิงชราได้แต่นิ่งเงียบ พร้อมมองดูสองแม่ลูกที่ต่างพึ่งพาอาศัยกันเพื่อความอยู่รอดเดินออกไปอย่างเงียบๆ
ตลอดเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นสองแม่ลูกดูเงียบเกินไปมาก
ดวงตาทั้งสองของเว่ยลี่ดูเหนื่อยล้าและหลั่งน้ำตาไม่หยุด ส่วนไป๋จือที่อยู่ข้างๆเอาแต่ก้มหน้าอยู่ตลอดและไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา
เวลานี้ โจวฉงเหย่สังเกตเห็นกล้องโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อของเธอมีไฟสีแดงกะพริบ
เขาขมวดคิ้วและกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยิบโทรศัพท์ที่เธอบันทึกอยู่ แต่ไป๋จือกลับก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า "ฉันไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับโจวฉงเหย่"
คำพูดของเธอดึงดูดความสนใจจากทุกคน รวมถึงโจวฉงเหย่ด้วย
ดวงตาของเขาเหมือนหยกสีดำฉ่ำน้ำ และเต็มไปด้วยหมอกสีดำที่ห้อมล้อมไปด้วยอันตรายที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้
ไป๋จือเงยหน้าที่บวมแดงขึ้น เผชิญหน้าสบตาเขา และพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ฉันเป็นแฟนนักศึกษาของคุณอาโจว และเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวในอนาคตของเขา ฉันยังยืมหนังสือมาจากเขาหนึ่งเล่มด้วย ส่วนเขาก็ยังไม่ได้คืนของอย่างหนึ่งให้ฉัน”
น้ำเสียงของหญิงสาวดูสงบและปราศจากสิ่งเจือปน แต่คนนอกฟังแล้วรู้สึกเพียงว่าเป็นคำพูดไร้สาระเลื่อนลอย
ตอนนี้เฉียนซานถูกความโกรธครอบงำอย่างสมบูรณ์ เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าไป๋จือพูดอะไร ไม่ต้องพูดถึงความฉลาดหลักแหลมในการเก็บรายละเอียดจากคำพูดของเธอ
มีเพียงโจวฉงเหย่กับไป๋จือเท่านั้นที่รู้ความหมายแฝงของ "ความลับ" ภายใต้คำพูดเหล่านั้น
เป็นการ "หยอกล้อ" โดยตรง และ "ยั่วยวน" อย่างโจ่งแจ้ง
——เห็นไหมว่านี่เป็นแฟนนักศึกษาที่ดูดปากคุณ และเป็นเพื่อนของลูกสาวคุณ คือคนที่เอาขาโอบรอบเอวคุณคนนั้น
สิ่งที่คุณยังไม่ได้คืนให้ฉันคือปลอกคอแมว
คุณอาโจวอยากเอามันมาสวมที่คอฉัน แล้วดึงฉันเข้าไปจูบใช่ไหม?
ไป๋จือและโจวฉงเหย่ต่างมองหน้ากันและเผชิญหน้ากัน
ทันใดนั้นจากมุมที่ไม่มีใครสังเกตเห็น มีรอยยิ้มชั่วร้าย เผยให้เห็นเขี้ยวเสือ
เธอหยิ่งผยองราวกับราชินีดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมและไม่เคยก้มศีรษะให้ใคร
ตั้งแต่วินาทีแรกที่ล้มโถปัสสาวะอันนั้น เธอก็เดิมพันด้วยทุกอย่างที่เธอมีแล้ว
พ่อของเธอเสียชีวิตไปแล้ว คราวนี้ต่อให้ทุ่มสุดตัวเธอก็ต้องดูแลแม่ให้ดี
ไม่รู้ว่ากลัวไป๋จือจะเปิดเผยความลับของทั้งคู่ออกไป หรือกลัวเรื่องราวบานปลายจนส่งผลเสียต่อตระกูลโจวและโรงพยาบาล
ในท้ายที่สุด โจวฉงเหย่สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาเฉียนซานและคนอื่นๆ ออกไป โดยไม่ไว้หน้าไว้เฉียนซานกับรั่วเฟยเลย
พวกหมอและพยาบาลต่างดีใจกับผลลัพธ์ที่ออกมาแบบนี้
แต่เห็นได้ชัดว่าไป๋จือไม่ได้ดีใจง่ายขนาดนั้น
หลังจากที่ฝูงชนแยกย้ายกันไปแล้ว เธอขอให้หมอพาเว่ยลี่ไปพักผ่อน ส่วนเธอยังคงจ้องหน้าอันหล่อเหลาของโจวฉงเหย่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความก้าวร้าว รอคอยเขาจัดการลงโทษตัวเอง
ในที่สุด ชายคนนั้นก็พูดอย่างวางมาด “มากับผม”
ณ ทางหนีไฟของโรงพยาบาลอันเงียบสงบ
โจวฉงเหย่เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงสูท ยืนนิ่งในรองเท้าหนังสุดหรู ด้วยรูปร่างที่สูงของเขา เงาที่ตกลงมาสามารถปกคลุมร่างเพรียวบางทั้งหมดของไป๋จือได้
“คิดเท่าไหร่”
เป็นอย่างที่ไป๋จือคิดไว้ไม่มีผิด เขาจะต้องใช้เงินแก้ปัญหาแน่นอน
เธอจึงยิ้มทั้งใบหน้าบวมปูด มันดูไม่น่ารักเหมือนตุ๊กตาอีกแล้ว แต่ดวงตากับลมหายใจของเธอยังคงโอหังและสะอาดมาก ฟุ้งกระจายกลิ่นอายของความสาว
“คุณอาโจวจะให้ค่าปิดปากฉันเรื่องไหนดีคะ จะเป็นเรื่องเก็บความลับข่าวฉาวที่โรงพยาบาลหรือเรื่องที่โรงแรมในวันนั้น?”
ฝ่ายชายมีสีหน้าเย็นชา ดวงตาสีเข้มจ้องมองเธอ เขาไม่สนใจคำพูดยั่วยุของเธอแม้แต่น้อย ราวกับว่าเหตุการณ์ในโรงแรมคืนนั้นไม่ควรค่าแก่การจดจำ
“เรื่องวิดีโอในโทรศัพท์ของเธอ”
“ถูกคุณอาโจวเห็นเข้าแล้ว”
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และเปิดวิดีโอขณะที่เฉียนซานทุบตีเธออย่างเปิดเผย รวมถึงคำพูดอวดดีที่เธอพูดด้วยความโกรธ
“โรงพยาบาลนี้เป็นของพี่เขยฉัน ฉันจะไล่ใครออกไปก็ได้ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?!”
“เพิ่งผ่าตัดเสร็จแล้วจะทำไม? ตาบอดแล้วทำเป็นเก่งเหรอ? คิดจะสู้กับฉันคิดว่าสู้ไหวเหรอ?!”
……
หญิงสาวกดปุ่มหยุดชั่วคราว ทางเดินเงียบสงัดทันที
“คุณอาโจวคิดว่าสิ่งนี้มีมูลค่าเท่าไหร่คะ?”
“เธอเสนอราคามาเลย”
“ถ้าเพียงเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของโรงพยาบาล ก็สิบล้าน”
“แต่ถ้าเพื่อปกป้องคุณรั่วกับนังเฉียน ราคานี้คงไม่ได้แล้ว”
เขามองดูเธอแล้วพูดอย่างเฉยเมย "มันแตกต่างกันยังไง?"
“แน่นอนว่ามีความแตกต่าง”
ไป๋จือเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยนัยน์ตาที่แฝงความโกรธบ้าง
“ฉันเคยบอกไปแล้วว่าฉันชอบคุณอาโจว”
“ถ้าคุณปกป้องผู้หญิงคนอื่น ฉันจะโกรธมาก”
เขาไม่ได้ถอยกลับเมื่อเธอก้าวเข้ามา ในดวงตาไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ
แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ใกล้กัน แต่เธอสัมผัสได้ถึงกระดูกอันแข็งแกร่งภายใต้ชุดสูทของเขา
“ดังนั้น?”
ในขณะนั้นไป๋จือรู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนเทพเจ้าบนสวรรค์ที่กำลังมองลงมาที่เธอ ไม่ว่าเธอจะเปลือยกายหรือหาเรื่องชวนทะเลาะ เขาล้วนมีสีหน้าเช่นนี้เสมอ
ดูเหมือนว่าไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็จะไม่ส่งผลกระทบกับเขาแม้แต่น้อย
แต่ความจริงไม่ใช่
มันไม่ใช่
เธอเชื่อมั่นในตัวเองและเข้าไปใกล้อย่างต่อเนื่อง เงยหน้าขึ้นมองเขาทีละน้อย
“ฉันจะบอกทุกคนว่าคุณแข็งตัวกับฉัน”
เกิดความเงียบในอากาศครู่หนึ่ง
เขาหรี่ตาลงแล้วเอามือขวาที่ล้วงกระเป๋าอยู่ออกมา
นี่เป็นครั้งที่สองที่ไป๋จือสบตาผู้ชายคนนี้ในระยะประชิดเช่นนี้
เขาไร้ความรู้สึกมากกว่าครั้งที่แล้ว ไม่สามารถอ่านอารมณ์ใดๆ ในดวงตาของเขาได้เลย เห็นแค่สีดำ
ทันใดนั้น เขาก็ก้าวขายาวของตัวเองออกมา ต้อนเธอจนมุมด้วยก้าวเดียว!
“แล้วไงต่อ?”
พวกเขาจะเชื่อคําพูดของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอไหม?
มันใกล้เกินไปแล้ว มากจนไป๋จือหันหน้าหนีโดยไม่รู้ตัว แต่หัวเข่าใต้กางเกงสูทยังคงสัมผัสที่ชายกระโปรงของเธอ
หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเอาแขนค้ำไว้ตรงผนังด้านหลังเธอ
“ต่อให้ผมมีอะไรกับเธอตรงนี้ตอนนี้”
“ถ้าพูดออกไปแล้ว จะมีใครเชื่อหรือ? หืม?”