บทที่ 6 ลำเอียงครั้งแรก
“เอ่อ…หมอก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ว่ากันว่าเขาเป็นญาติของผู้อำนวยการโรงพยาบาล นี่สาวน้อย ถ้าคุณต้องการเจรจาก็พูดกันดีๆ อย่าวู่วาม”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ฉันเข้าใจแล้ว”
ไป๋จือเชื่อฟังมาก จับสายกระเป๋านักเรียนของเธอเดินกลับไปที่ห้องผู้ป่วย
แม่จะโดนไล่ออกไปไม่ได้
หากถูกไล่ออกไปตอนนี้ ผลที่ตามมาจะเลวร้ายจนคาดไม่ถึง
ไป๋จือรู้สึกตึงเครียด แต่ก็พยายามคิดหาวิธี ขณะเดียวกันก็มีเสียงการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นตรงทางเดิน ดูเหมือนว่ามีผู้คนจำนวนมากกำลังเข้ามา
“คุณป้า คุณอยู่รักษาตัวที่นี่ได้อย่างสบายใจเลยนะคะ โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นของฉงเหย่ คนเป็นแม่อย่างคุณไม่สบาย พี่สาวของฉันเธอคงไม่มีกะจิตกะใจจัดงานหมั้นคืนนี้แน่เลย!”
“อัยหยา ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ เตียงผู้ป่วยในจิงเป่ยขาดแคลนขนาดนั้น มันไม่ง่ายเลยที่รั่วเฟยจะหาเตียงได้ ไม่แน่อาจไปไล่ใครสักคนออกถึงได้มันมา คุณเลิกคิดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ไป๋จือก็หูผึ่งขึ้นมาทันที
ฉงเหย่?
รั่วเฟย? ป้า?
คนที่ไล่แม่ของเธอออกไปคือรั่วเฟยกับโจวฉงเหย่!
ในเวลานี้ แม่ของไป๋จือที่ได้ยินเสียงดังกล่าวเหมือนกันก็จับมือเธอ
“เสี่ยวจือ หมอเร่งให้เราออกจากโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม?”
“งั้นเรารีบไปกันเถอะ แม่ไม่เป็นไร…”
ไป๋จือรีบประคองเว่ยลี่ไว้
แม่ร้องไห้จนตาบอดตั้งแต่พ่อเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อน
การเข้ารับการรักษาในครั้งนี้ก็เพราะโรคที่ตาได้ลามไปยังเส้นประสาทแล้ว และมีสัญญาณแรกเริ่มของมะเร็งตา
การดูแลดวงตาหลังผ่าตัดจึงมีความสำคัญอย่างมาก การที่โรงพยาบาลไล่แม่ของเธอออกไปในเวลานี้ถือเป็นพฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบอย่างยิ่ง
ขณะที่สองแม่ลูกกำลังลังเลอยู่นั้น จู่ๆ ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกเสียงดังปัง
ผู้หญิงที่เดินนำหน้าเข้ามา หน้าตาละม้ายคล้ายกับรั่วเฟย เมื่อเธอเห็นว่าเว่ยลี่ยังนอนอยู่บนเตียงและมีไป๋จืออยู่ข้างๆ เธอก็ขมวดคิ้ว จากนั้นตะโกนเสียงดังบอกคนข้างนอก "เกิดอะไรขึ้น? หมอกับพยาบาลล่ะ ทำไมคนไข้เตียงสามถึงยังไม่ออกไป?”
เว่ยลี่พูดอย่างแผ่วเบา "คุณคะ ฉันขอโทษ ฉันมองไม่เห็น ลูกสาวฉันเก็บข้าวของคนเดียวอาจจะช้าหน่อย เก็บเสร็จก็จะไปทันทีค่ะ"
เฉียนซานจึงหันมามองเว่ยลี่
เธอใช้สายตามองพวกเธออย่างดูถูก และโบกมือสองครั้งด้านหน้าเว่ยลี่ ทำมันต่อหน้าต่อตาไป๋จือ
“คุณตาบอดจริงๆ ด้วย” จากนั้นพูดกับบอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ข้างหลังว่า “นายสองคนไปพาป้าของฉันเข้ามาก่อน แล้วเร่งพวกเธอให้เก็บของเร็วๆ หน่อย”
ไป๋จือมองท่าทางของเฉียนซาน พลางกำหมัดแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือของตัวเองเกิดเป็นรอยสีขาว
เธอพยายามระงับความเกลียดชังที่ปะทุออกมา และแสร้งทำเป็นก้มหน้าก้มตาเก็บของ
ในเวลานี้เฉียนซานเห็นใบหน้าด้านข้างของเธอและรู้สึกคุ้นๆ
“เฮ้สาวน้อย ทำไมฉันคุ้นหน้าเธอจังเลย?”
“สามปีก่อน เธอได้....”
เมื่อสามปีก่อน ไป๋จือยืนอยู่บนตึกระฟ้าเมืองจิงเป่ยคนเดียวในวันที่หิมะตกหนัก โดยชูป้ายขอคำอธิบายเกี่ยวกับการเสียชีวิตอันน่าสลดใจของพ่อ
คืนนั้นเฉียนซานนำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งผลักเธอลงไปในหิมะ ตอนนั้นไป๋จือเรียกร้องความเป็นธรรมให้พ่อไม่สำเร็จ และไม่ได้รับค่าชดเชยใดๆ ซึ่งทําให้โอกาสที่ดีที่สุดในการรักษาดวงตาของแม่เธอล่าช้าออกไป เธอได้แต่ทนดูแม่ตัวเองตาบอดไปต่อหน้าต่อตา
ไป๋จือไม่เคยลืมใบหน้าของเฉียนซานเลย
แต่ไป๋จือไม่อยากให้เฉียนซานจำเธอได้เร็วขนาดนี้
ตอนจบที่เธอวางไว้สำหรับเฉียนซานคือติดคุกและถูกคนทั้งโลกรังเกียจ!
ไป๋จือ "คุณผู้หญิงคะ ฉันกำลังเก็บของอยู่ ใกล้เสร็จแล้วค่ะ"
เฉียนซานคิดว่าป้าของเธอคงรอทำเรื่องย้ายเข้าอยู่ จึงไม่สนใจไป๋จือ เธอสั่งให้ผู้ช่วยทั้งสองคนขนของต่อ
และในจังหวะนี้เอง——
ไป๋จือยกโถปัสสาวะที่วางอยู่ใต้เตียงผู้ป่วย
แกล้งทำเป็นว่าบังเอิญทำหกลงบนกระเป๋าเดินทางของแม่รั่วเฟยที่เพิ่งขนเข้ามา——
"อ้า อ้า อ้า อ้า!"
ของเหลวสีเหลืองไหลเจิ่งไปตามพื้นจนซึมเปื้อนรองเท้าส้นสูงชาเนลหนังแกะ
หลังจากที่เฉียนซานสังเกตเห็นว่ามันคืออะไร เธอก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง!
“เธอทำอะไรน่ะ! ไม่มีตาเหรอ!!”
“ขอโทษค่ะคุณผู้หญิง ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน.....”
ไป๋จือเตรียมโทรศัพท์อัดวิดีโอเพื่อบันทึกทุกอย่างไว้แล้ว เธอรู้นิสัยไม่มีความยำเกรงต่อสิ่งใดของเฉียนซานเป็นอย่างดี ในคืนหิมะตกเมื่อสามปีก่อน เธอตบและทุบตีไป๋จืออย่างทารุณท่ามกลางหิมะ
น่าเสียดายที่ตอนนั้นไป๋จือเป็นแค่เด็กมัธยมต้นและไม่ได้บันทึกวิดีโอไว้ล่วงหน้า ไม่เช่นนั้น ภาพเหตุการณ์ที่เธอทุบตีคงทำให้เกิดความโกลาหลอย่างแน่นอน
เป็นไปตามคาด เฉียนซานพุ่งเข้ามาตบหน้าไป๋จือสองครั้ง ทิ้งรอยนิ้วมือเป็นสีแดงบนหน้าหญิงสาวอย่างรวดเร็ว แม่ของไป๋จือได้ยินเสียงดังในเวลานี้ จึงขอร้องให้เฉียนซานหยุดทำร้ายลูกสาวของตัวเอง
แต่เฉียนซานกลับยกเท้าขึ้นเพื่อจะเตะเว่ยลี่ผู้ตาบอด ไป๋จือเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปขวางไว้และถูกเตะเข้าเต็มๆ อย่างแรง
ไป๋จือถูกเตะเข้าที่ท้อง ใบหน้าซีดเผือดทันทีด้วยความเจ็บปวด เธอนั่งยองๆ กุมท้อง
ไม่ใช่ว่าไป๋จือไม่สามารถหลบลูกเตะของเฉียนซานได้ แต่เธอจงใจให้เป็นแบบนี้
เพราะครั้งนี้เธอต้องการบันทึกทุกคำพูดทุกการกระทำทั้งหมดของเฉียนซาน และโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ทุกคนได้เห็นธาตุแท้ของเฉียนซาน
……
ขณะที่โรงพยาบาลเกิดเรื่อง โจวฉงเหย่กำลังนั่งอยู่บนรถมายบัคอันหรูหราของเขา
ผู้ช่วยรายงานรายละเอียดการเดินทางและเรื่องต่างๆ ทั้งหมดเสร็จแล้ว
การจราจรเมืองจิงเป่ยตอนเย็นในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เริ่มเข้าสู่ความหนาแน่น
ผู้ช่วยเห็นว่ายังมีเวลาเหลือ จึงหยั่งเชิงถามไปว่า "ประธานโจว คุณแม่ของคุณรั่วมาถึงจิงเป่ยแล้วเมื่อเย็นนี้ แล้วงานหมั้นที่วันนี้ยกเลิกไปจะเลื่อนไปเป็นเมื่อไหร่ครับ?"
เดิมทีคืนนี้เป็นงานหมั้นของโจวฉงเหย่กับรั่วเฟย ซึ่งจัดไม่ใหญ่โตนัก เชิญเพียงพันธมิตรทางธุรกิจและเพื่อนจากวงการสื่อบางส่วนเท่านั้น แต่เผอิญว่าแม่ของรั่วเฟยมีอาการหัวใจวายเมื่อคืนนี้ งานหมั้นจึงถูกเลื่อนออกไปเป็นการชั่วคราว
ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังมองออกไปนอกหน้าต่าง ราวกับว่ากำลังคิดถึงปัญหาการประชุมโครงการเมื่อกี้นี้ ส่วนเรื่องงานหมั้น เขาตอบเพียง "ค่อยว่ากันทีหลัง"
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และจู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างได้
“แม่ของรั่วเฟยอยู่โรงพยาบาลไหน?”
“โรงพยาบาลที่สาม”
ตระกูลโจวมีโรงพยาบาลในเครือมากมาย และโรงพยาบาลที่สามก็เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ค่อนข้างดี
โจวฉงเหย่ครุ่นคิด "เตียงผู้ป่วยโรงพยาบาลที่สามเต็มตลอดไม่ใช่เหรอ? เธอต่อคิวได้มันมาหรือยังไง?"
ผู้ช่วยกล่าวด้วยความเคารพและระมัดระวัง
"คุณรั่วน่าจะติดต่อคนรู้จักในนั้นแล้วครับ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวฉงเหย่ขมวดคิ้วเป็นปม
รั่วเฟยไม่เคยบอกเขาเลยว่าได้ใช้เส้นสายพาแม่ของเธอลัดคิวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลที่สามและโจวฉงเหย่เกลียดการใช้เส้นสายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวมาโดยตลอด
บรรยากาศในรถเย็นเฉียบ โจวฉงเหย่พูดสองสามคำด้วยริมฝีปากบางๆ ของเขา
“ไปโรงพยาบาลซานเดี๋ยวนี้”
ในไม่ช้าโจวฉงเหย่ก็มาถึงโรงพยาบาล และสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือเฉียนซานกำลังวางอํานาจบาตรใหญ่กับหมอกลุ่มหนึ่ง
หมอและพยาบาลต่างไม่กล้าหือกับเธอ เพราะเธอเป็นญาติของผู้อำนวยการ แม้แต่หัวหน้าหมอที่อายุห้าสิบกว่ายังถูกเฉียนซานด่าไม่ไว้หน้า
โจวฉงเหย่ยืนดูหมอของตัวเองถูกเฉียนซานด่าเป็นชุดด้วยสีหน้าเหลืออด
เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว วินาทีต่อมาก็เห็นไป๋จือกำลังถูกรายล้อมไปด้วยฝูงชน เธอยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมใบหน้าที่บวมปูดไปทั้งหน้า
เขาเพียงเหลือบมองเธอแล้วถามทุกคนด้วยน้ำเสียงเย็นชา "นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"
“ประธานโจว...”
หัวหน้าหมอเล่าเรื่องทั้งหมดให้โจวฉงเหย่ทราบทันที
โจวฉงเหย่ยืนฟังด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปมากนัก
เมื่อรู้ว่ารั่วเฟยใช้อำนาจขับไล่ผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดตาออกไปเพื่อให้แม่ของตัวเองได้เข้ามารักษาที่นี่ ความเย็นชาระหว่างคิ้วเหมือนหิมะบนภูเขาสูงของเขาก็ปรากฏออกมาทันที
ให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง