บทที่ 5 ฉันมาอย่างเปิดเผย
ขณะที่รั่วเฟยกระวนกระวายแทบรอไม่ไหวที่จะหาตัวหญิงสาวในชุดเสื้อแจ็กเกตกีฬาในคืนนั้น ไป๋จือกำลังเดินอย่างสบายใจในมหาวิทยาลัยพร้อมกับหนังสือในอ้อมแขน
วันจันทร์ มีวิชาของศาสตราจารย์จางเฉวียนสุ่ย
วิชาเรียนของเขาขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดมาโดยตลอด ขนาดยังไม่เริ่มเรียน เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็เอามือปิดหน้าร้องไห้พร้อมวิ่งออกจากห้องเรียน
“การบ้านเขียนได้ห่วยแตกมาก! ต่อไปถ้าส่งการบ้านแบบนี้มาอีก ไม่ต้องมาเรียนเลยก็ได้!!”
เมื่อจางเฉวียนสุ่ยโกรธ ทุกคนในห้องเรียนไม่กล้าแม้แต่หายใจ
ทันทีที่ไป๋จือเข้ามาในห้องเรียน เธอเห็นหวังเจียวถือการบ้านเดินขึ้นไปหน้าห้อง
จางเฉวียนสุ่ยตรวจดูการบ้านของหวังเจียวด้วยสีหน้าค่อนข้างพอใจ
ในเวลานี้หวังเจียวพูดอะไรบางอย่างข้างหูเขา ทำให้สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปทันที ราวเมฆดําปกคลุมหนาแน่น เขามองมายังไป๋จือที่ยืนอยู่ตรงประตูอย่างเย็นชา
“เธอสองคน ไปห้องพักครูกับผมหน่อย”
ไป๋จือเหลือบมองหวังเจียว อีกฝ่ายแสดงสีหน้าระรื่น ไป๋จือรู้ว่าหวังเจียวน่าจะฟ้องศาสตราจารย์จางว่าเธอทำ "ต้นฉบับเหวินซิน" หาย
“ไป๋จือ “ต้นฉบับเหวินซิน” ที่ผมให้เธอยืมไปเมื่อสัปดาห์ก่อนล่ะ?”
เมื่อเห็นว่าไป๋จือไม่ตอบ สีหน้าของจางเฉวียนสุ่ยก็ดูน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆ
“ผมเห็นแก่พรสวรรค์และความตั้งใจของเธอ ถึงได้ให้เธอยืมต้นฉบับที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผมไป อย่าบอกนะว่าเธอทำมันหายไปแล้ว!”
จางเฉวียนสุ่ยเป็นบุคคลสําคัญอย่างยิ่งในมหาวิทยาลัย เขาเสียงดังจนอาจารย์หนุ่มคนอื่นๆ ในห้องพักครูกลัวจนไม่กล้าพูด
ในเวลานี้หวังเจียวยุแยง "ไป๋จือ ของสําคัญขนาดนั้นเธอไม่น่าทำหายได้หรอก ปกติเธอทํางานเป็นระเบียบเรียบร้อยจะตาย รีบๆ นึกเร็วว่าเธอลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า?"
เมื่อเห็นว่าไป๋จือยังคงไม่พูด หวังเจียวจึงพูดด้วยเจตนาแอบแฝง "ต้นฉบับนี้มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ถ้าแจ้งตำรวจบังเอิญพบมันว่าอยู่กับเธอ เธอจะต้องติดคุกหลายสิบปีเลยนะ!"
สายตาของครูคนอื่นในห้องเปลี่ยนไปเล็กน้อยในตอนนี้
หวังเจียวตั้งใจจะบอกเป็นนัยว่าไป๋จือเป็นขโมยใช่ไหม?
“หวังเจียว อย่าเพิ่งด่วนสรุป ไม่แน่เดี๋ยวก็หาเจอ”
“ใช่ ไป๋จือเรียนเก่งขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะทำเรื่องแบบที่เธอพูดหรอก”
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เชื่อ ใบหน้าของหวังเจียวก็เแผ่รังสีความร้ายกาจออกมา "ไป๋จือ ฉันไม่ได้หมายความว่าฉันสงสัยเธอ ฉันก็แค่เห็นว่าเธอเป็นนักเรียนยากจน ของมีค่าขนาดนี้รีบหาให้เจอจะดีกว่า เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาไปนินทา"
ปากบอกว่าไม่อยากให้คนอื่นนินทา แต่คำพูดพวกนั้นคือกำลังกล่าวหาไป๋จือว่าเป็น "หัวขโมย"
ในที่สุด ไป๋จือที่นิ่งเงียบมาตลอดก็เริ่มแก้ต่างให้ตัวเอง
เธอทำให้ทุกคนตกตะลึงทันทีที่เอ่ยปาก
“ศาสตราจารย์จาง "ต้นฉบับเหวินซิน" ของคุณฉันล็อกกุญแจเก็บไว้ในตู้หนังสืออย่างดี แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน ไม่รู้คนร้ายที่ไหนมางัดกุญแจและขโมยหนังสือไปค่ะ”
“ดังนั้นฉันจึงไปหาอีกเล่มมาให้ หวังว่าจะชดใช้ให้คุณก่อนที่จะจับหัวขโมยตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังได้”
ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็หยิบ "ต้นฉบับเหวินซิน" ที่เหมือนกันอีกเล่มออกมาจากกระเป๋านักเรียน!
ครูทุกคนในห้องพักครู รวมถึงหวังเจียวต่างมองไป๋จือด้วยความไม่เชื่อ
“ต้นฉบับเหวินซิน” เล่มที่สองเหรอ? มันไม่ได้อยู่กับ...
จางเฉวียนสุ่ยหยิบ "ต้นฉบับเหวินซิน" ขึ้นมาดูและอ่านมันคร่าวๆ เพื่อยืนยันความถูกต้อง และถามเพียงว่า "เธอได้เล่มนี้มาจากโจวฉงเหย่เหรอ?"
“ใช่ค่ะ”
“ก็ได้” จางเฉวียนสุ่ยพูดว่า "แม้ว่าเธอจะบอกว่ามันถูกขโมยไป แต่ของมันหายไปตอนที่เธอถือครองอยู่ ก่อนที่เธอจะเจอ "ต้นฉบับเหวินซิน" เล่มนั้นของผม ฉันจะเก็บเล่มนี้ไว้ก่อนก็แล้วกัน"
ไป๋จือไม่ได้บอกโจวฉงเหย่ถึงเรื่องการเอาหนังสือของเขามาค้ำประกันไว้กับจางเฉวียนสุ่ย อย่างไรก็ตาม เธอแสดงได้อย่างไม่มีที่ติ และมั่นใจเต็มร้อยว่าจะสามารถจับหัวขโมยตัวจริงได้ ทําให้สีหน้าของหวังเจียวที่อยู่ข้างๆ โกรธจนกลายเป็นสีเขียวคล้ำ และรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
พวกเธอเดินออกจากห้องพักครู
แต่ไป๋จือยังไม่เดินจากไปไหน เธอลูบคางตัวเองและมองหวังเจียวด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
หวังเจียวรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวกับสายตาของเธอ
"เธอมองฉันทำไม?!"
“ฉันกําลังคิดว่าเธอจะถูกตัดสินจำคุกกี่ปีในข้อหาขโมย “ต้นฉบับเหวินซิน”
เสียงของหวังเจียวสั่นคลอนเล็กน้อย "ระวังคำพูดของเธอด้วย! ฉันยังไม่ได้ถามเลยว่าเธอใช้วิธีอะไรหลอกล่อโจวฉงเหย่ให้เธอยืมหนังสือเล่มนี้ บางทีเธออาจจะขโมยมันมาก็ได้ ใช่ไหมล่ะ? หา!"
ไป๋จือยิ้มอย่างเย็นชา ใบหน้าซีดแต่กลับเผยให้เห็นถึงนัยน์ตาที่สวยหยาดเยิ้ม
“ฉันไปนอนกับเขาเพื่อแลกกับหนังสืออย่างเปิดเผยนะ”
เธอมองสีหน้าซีดเผือดด้วยความไม่เชื่อของหวังเจียว และเผยรอยยิ้มอันสดใสและไร้เดียงสามากขึ้น
“ฉันเอาตัวไปแลกกับเขามา รีบเอาข่าวไปนินทาสิ”
“ไป๋จือ เธอมันบ้า!”
หวังเจียวไม่เชื่อว่าคนที่ตีพิมพ์อยู่บนหนังสืออย่างโจวฉงเหย่จะสนใจนังเด็กเมื่อวานซืน อย่างไป๋จือได้
คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพีผู้บริสุทธิ์ เธอจะไปหลอกลวงนักศึกษาชายกี่คนก็ได้ แต่ผู้ชายระดับบนสุดของสังคมมนุษย์แบบนั้น ทำเพื่อวัตถุประสงค์อะไร?
แต่ว่า……
ถ้าไม่ได้เป็นแบบที่เธอพูด โจวฉงเหย่จะมอบของมีค่าขนาดนั้นให้เธอได้อย่างไร?
หวังเจียวรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ไป๋จือก้าวไปข้างหน้า โน้มศีรษะเข้าไปพูดที่ข้างหูของเธอ "นี่เธอไม่เชื่อเหรอ?"
“ถ้าไม่เชื่อ คืนนี้ฉันจะพาเธอไปดูให้เห็นกับตาว่าฉันกับเขา…ดีไหม?”
หวังเจียวรู้สึกหวาดกลัวกับท่าทางและน้ำเสียงของเธอ
แต่เมื่อนึกได้ว่าคืนนี้เป็นงานอะไร เธอก็รีบด่าออกไป "บ้าไปแล้ว! ไป๋จือ เธอมันบ้า! ไม่มีคําพูดที่เป็นจริงสักคํา!"
ด้วยการประชาสัมพันธ์ของสื่ออย่างล้นหลาม มีใครไม่รู้บ้างว่าคืนนี้เป็นงานหมั้นของโจวฉงเหย่กับรั่วเฟย
คาดไม่ถึงว่าไป๋จือจะพูดเรื่องพรรค์นั้นออกมาในเวลานี้... โรคจิต! พูดออกมาได้ไม่อายปาก!
บางทีอาจเป็นเพราะกินปูนร้อนท้อง หวังเจียวด่าเสร็จก็วิ่งหนีไปเลย
ในเวลานี้ ไป๋จือได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง และในไม่ช้าเธอก็รีบไปโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ณ ทางเดินของโรงพยาบาล
ไป๋จือคนที่หยิ่งผยองมากเมื่อกี้นี้ ตอนนี้มีเหงื่อออกบางๆ บนใบหน้า และน้ำเสียงดูอึมครึมมากขึ้นเนื่องจากความวิตกกังวล
“คุณหมอคะ แม่ของฉันเพิ่งผ่าตัดไปเมื่อวันก่อน ยังสังเกตอาการไม่ครบเจ็ดวันเลย ทําไมรีบให้เธอออกจากโรงพยาบาลเร็วขนาดนี้ล่ะคะ?”
หมอได้แต่พูดบ่ายเบี่ยง "เตียงในโรงพยาบาลไม่เพียงพอมาโดยตลอด เดี๋ยวหมอจะบอกปริมาณการใช้ยาและข้อควรระวังต่างๆ ให้คุณทราบ แน่นอนว่า ทางที่ดีควรจ้างพยาบาลไปดูแลที่บ้าน ได้ผลพอๆ เหมือนอยู่โรงพยาบาล"
จ้างพยาบาล?
ไป๋จือหัวเราะ ทั้งแผนกผู้ป่วยมีใครไม่รู้บ้างว่าครอบครัวสองแม่ลูกยากจนแค่ไหน? แม้แต่ค่าผ่าตัดกับค่านอนโรงพยาบาลกว่าจะหยิบยืมมาครบก็ใช้เวลานานมาก
การรักษาล่าช้าไปพอสมควรแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่กว่าจะได้เตียงผู้ป่วยในเวลานี้ มิหนำซ้ำยังไล่พวกเธอออกไปอีก จะเอาเงินที่ไหนไปจ้างพยาบาล
“คุณหมอ มีคนใช้เส้นสายเอาเตียงแม่ของฉันไปหรือเปล่าคะ?”
คำพูดที่ไม่คาดคิดของไป๋จือ ทำให้สีหน้าของหมอชะงักค้าง
ดูเหมือนหมอจะคิดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะฉลาดตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เรื่องแบบนี้ยากที่จะพูดตรงๆ
เมื่อไป๋จือเห็นปฏิกิริยาของเขา ก็ยิ่งเป็นการยืนยันการคาดเดาของตัวเอง
“คุณหมอ ช่วยบอกชื่อคนไข้ที่จะมาใหม่ได้ไหมคะ?”