บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เมื่อกี้เขามีความรู้สึกกับฉัน

ไป๋จือสวมกอดเขาแน่น ซบไหล่เขาและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น

“คุณอากอดฉันหน่อย กอดฉันแน่นๆ เลยนะคะ”

“ถ้าฉันตกลงไปและลู่ฮ่าวเห็นเข้าจะทํายังไง เขาคงเข้าใจผิดว่าคนที่มีพระคุณกับเขามากที่สุดได้ฆ่าผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด แบบนี้เขาคงน่าสงสารมาก ทำยังไงดี ตะกี้มันหวาดเสียวมาก จนหัวใจจะวาย.."

หญิงสาวจับเสื้อเชิ้ตที่เย็นและเรียบของเขาด้วยมือทั้งสอง ราวกับกาฝากที่เกาะติดกับต้นไม้โดยไม่แสดงความก้าวร้าวใดๆ

ชิปต่อรองเดียวของเธอคือ โจวฉงเหย่จะไม่มีวันทําร้ายลู่ฮ่าว

แต่เธอเป็นคนชอบพูดเกินจริง และทั้งๆที่เป็นคำพูดคุกคาม ทว่าพอโดนเธอพูดออกมากลับยั่วยวนคนมาก ถ้าเป็นเด็กหนุ่มที่สมาธิไม่นิ่งอย่างลู่ฮ่าว เขาคงทนไม่ไหวไปตั้งนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม โจวฉงเหย่ดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

เขามองลงไปชั้นล่างเห็นลู่ฮ่าวกำลังมองขึ้นมาในทิศทางของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นยื่นมือซ้ายออกไปปิดไฟที่ระเบียง

เมื่อเห็นว่าเขาปิดไฟ ริมฝีปากสีแดงของไป๋จือก็ยิ่งมีเสน่ห์และสวยงามมากขึ้น

“คุณอาโจว ท่าทางตอนคุณปิดไฟ เหมือนเรากำลังแอบคบชู้กันเลย...”

นี่เป็นครั้งแรกที่โจวฉงเหย่ได้เห็นเธอใกล้ขนาดนี้

ต่อไปนี้ทุกคำที่เขาพูดมันฟังดูเย็นชาอย่างยิ่ง

“ถ้าฉันแอบคบชู้ เธอจะทนได้ไหม?”

ไป๋จือตกตะลึง

เธอยอมรับว่าเธอสับสนอยู่ครู่หนึ่งและลืมว่าตัวเองควรทำอะไร หรือพูดอะไรต่อ

ในเวลานี้ลู่ฮ่าวที่อยู่ชั้นล่างรู้สึกเพียงว่าเขาได้ยินเสียงของไป๋จือเมื่อสักครู่นี้

แต่พอเงยหน้าขึ้น ชายเจ้าของห้องก็ปิดไฟเสียแล้ว มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเงาตะคุ่มๆ

ชายเจ้าของห้องคนนั้นเขารู้สึกว่าคล้ายกับอาจารย์โจวที่สอนศิลปศาสตร์สมัยมัธยมต้นของเขามาก แต่เขาล้มเลิกความคิดนี้อย่างรวดเร็ว

เพราะอาจารย์โจวในความทรงจำ เป็นคนเย็นชาราวกับน้ำแข็ง แต่ชายคนนั้นถูกขาของผู้หญิงโอบรัดไว้ที่ระเบียง คลุมเครือถึงสุดขีดและเร้าอารมณ์อย่างยิ่ง ซึ่งมันขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของอาจารย์โจวฉงเหย่ในความประทับใจของเขาโดยสิ้นเชิง

ตระกูลลู่มีการเลี้ยงดูที่เข้มงวด และลู่ฮ่าวเป็นคนหัวโบราณมาโดยตลอด ปกติดูหนังที่มีฉากจูบก็หน้าแดงแล้ว นับประสาอะไรเมื่อเห็นฉากอะไรแบบนี้ จึงได้แต่รีบก้มหน้าแล้วย้ายไปรอไป๋จือที่อื่น ไม่กล้าแม้แต่จะมองอีก

เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ไป๋จือกำลังซบและหายใจหอบอยู่บนไหล่ของโจวฉงเหย่

มันทั้งยั่วยวน และน่าตกใจพร้อมกัน เพราะถ้าเมื่อกี้โจวฉงเหย่คว้าตัวเธอไว้ไม่ทัน ป่านนี้สมองของเธออาจจะเละตุ้มเป๊ะไปแล้ว

เธอรู้สึกว่าโจวฉงเหย่กำลังดึงเธอออกจากร่างเขาอย่างแรง แต่เธอยิ่งรัดเขาไว้แน่นขึ้น

ทันใดนั้นเธอก็นึกเรื่องน่าสนุกบางอย่าง

หญิงสาวกะพริบตาอย่างสงสัยและมองเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างไร้เดียงสา

“คุณอาคะ ตรงนั้น...เหมือนจะไม่ใช่เข็มขัดใช่ไหมคะ?”

“คุณคิดถึงฉันแล้ว”

น้ำเสียงของเธอมั่นใจมาก เหมือนกับเด็กที่ได้รับชัยชนะ กระหายรางวัลเป็นอมยิ้ม

นิ้วมือที่โจวฉงเหย่บีบข้อมือของเธอแรงขึ้น ซึ่งไม่รู้เลยว่าในวินาทีต่อไปเขาจะปล่อยเธอลงหรือดึงเธอขึ้น ทันใดนั้นกริ่งประตูห้องก็ดังขึ้น

“ฉงเหย่ คุณอยู่ในนั้นหรือเปล่าคะ?”

“ฉงเหย่?”

รั่วเฟยเรียกเขาที่นอกประตู

แต่ส้นรองเท้าของไป๋จือยังคงโอบรัดกับกางเกงสูทของชายคนนั้นอยู่

โจวฉงเหย่ปล่อยไป๋จือลง แล้วเดินกลับไปที่ห้อง หยิบเสื้อแจ็กเกตของเธอขึ้นจากเตียงแล้วโยนมันใส่เธอ

“เธอควรหาเหตุผลไปอธิบายให้เธอฟังดีกว่า”

คำพูดของเขาไร้ความปรานีไม่แพ้กับการกระทำของเขา ไป๋จือเจ็บเล็กน้อยจากการถูกเขาปล่อยโยน เธอสวมเสื้อด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ

“คุณอาโจวจะไม่ช่วยยฉันอธิบายกับคุณรั่วเหรอคะ?”

โจวฉงเหย่เหลือบตามองเธออย่างเย็นชา เธอจึงเงียบไป

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปอธิบายให้เธอฟังเอง”

ไป๋จือมัดผมที่ปล่อยสยายของเธอ ทำตัวเป็นเด็กดีและเดินออกไป

วันนี้ไป๋จือจงใจเลือกเสื้อแจ็กเกตกีฬาราคาถูกสไตล์เด็กนักเรียน หลังจากสวมแล้ว ความเย้ายวนใจอันทรงเสน่ห์ก็ถูกปกคลุมโดยสิ้นเชิง

แถมยังจงใจใส่หน้ากากอนามัย ทำให้ใบหน้าที่สวยงามราวนางฟ้าของเธอถูกปกปิดด้วยเช่นกัน เหมือนนักเรียนมัธยมต้นที่สวนทางกับแฟชั่นและความงามอย่างสิ้นเชิง

แต่รั่วเฟยไม่ใช่ตัวละครที่หลอกง่ายขนาดนั้น

รั่วเฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นเพศตรงข้ามออกมาจากห้องของโจวฉงเหย่ จากนั้นน้ำเสียงของเธอก็ตื่นตัวและเย็นชา "หยุด!"

“เธอเป็นใคร?”

ไป๋จือเชื่อฟังมาก "สวัสดีค่ะคุณรั่ว ฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นของซูเถียน ครั้งก่อนฉันยืมหนังสือของคุณอาโจวไป เลยเข้ามาคืนหนังสือค่ะ"

รั่วเฟยมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

คนที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับอันหรูหราอย่างรั่วเฟย เมื่อเห็นเสื้อแจ็กเกตสุดซอมซ่อของเธอ ความระแวงในดวงตาของเธอก็หายไปจนหมดสิ้น และแปรเปลี่ยนเป็นความดูถูก

“ที่แท้ก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเถียนเถียนนี่เอง แล้วทำไมไม่ใส่เดรสมางานเลี้ยงล่ะ?ฉันเกือบคิดว่าเธอเป็นขโมย”

ริมฝีปากภายใต้หน้ากากอนามัยของไป๋จือกำลังยิ้มเยาะ

รั่วเฟย คุณยังเป็นคนใจร้ายและหยิ่งยโสเช่นเคย

ความเกลียดชังอันท่วมท้นในดวงตาของไป๋จือถูกปกปิดไว้ทีละน้อย เธอเปลี่ยนใจไม่อยากแสร้งทําเป็นเด็กดีอีกต่อไปแล้ว

ไป๋จือพูดเบาๆ เมื่อเดินผ่านรั่วเฟย "คุณรั่วคิดถูกแล้วค่ะ ฉันอยากขโมยมันจริงๆ"

“แต่สิ่งที่ฉันอยากขโมยไม่ใช่เงิน แต่เป็นสิ่งที่มีค่ากว่านั้นในห้อง”

“เธอหมายความว่าอะไร?” รั่วเฟยหรี่ตาลง

ไป๋จือยิ้ม "คุณรั่วถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ"

“เธอแน่จริงก็พูดออกมาสิ”

รั่วเฟยยื่นมือออกไปคว้าเธอ ไป๋จือสะเปะสะปะเล็กน้อย แต่หลังของไป๋จือตั้งตรงอยู่เสมอ แถมยังเชิดหน้าขึ้นสบตาเธอ มีเพียงดวงตาที่ชัดเจนและสดใสเผยออกมา แต่แฝงด้วยความบ้าคลั่งอยู่ในนั้น

“ฉันมาขโมยคุณอาโจว”

“เมื่อกี้เขามีความรู้สึกกับฉัน”

“ฉันเกรงว่าเขาจะไม่แต่งงานกับคุณแล้วล่ะคุณรั่ว”

“เธอกำลังรนหา——”

ขณะที่คำว่า "ที่ตาย" มาถึงริมฝีปาก และรั่วเฟยง้างมือขึ้นกำลังจะตบเธอ ทันใดนั้นประตูห้องด้านหลังก็ถูกเปิดออก

โจวฉงเหย่เดินออกมาจากห้อง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

รั่วเฟยรีบดึงมือของเธอกลับอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเธอหันกลับมา นังเด็กไม่รู้ที่ต่ำที่สูงคนนั้นก็หายวับไปราวกับผี

“ไม่มีอะไรค่ะ แค่นักเรียนหญิงสติไม่สมประกอบคนหนึ่ง อย่าใส่ใจเลย” รั่วเฟยแสร้งทำเป็นไม่สนใจ

แต่สายตายังคงมองโจวฉงเหย่ตลอดเวลา โชคดีที่เขาแต่งตัวเรียบร้อย ไม่เหมือนคนที่ทําอะไรนอกลู่นอกทาง

โจวฉงเหย่รับรู้ได้ถึงสายตาที่เธอมองมา และสีหน้าของเขาก็เริ่มเย็นชา

“คุณมาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่า?”

“อ๋อ ฉงเหย่ ฉันมาที่นี่เพื่อถามว่าจะไปยิมด้วยกันไหมคะ ยิมที่โรงแรมนี้ดูดีทีเดียว”

“วันนี้ดึกมากแล้ว”

รั่วเฟยพึมพำ "ดึกเหรอ? ตอนนี้เพิ่งสองทุ่มเองนะคะ"

“ผมอยากพักผ่อนน่ะรั่วเฟย”

น้ำเสียงของเขาสงบ แต่เผยให้เห็นความแน่วแน่ที่ไม่อาจปฏิเสธได้

รั่วเฟยแต่ไหนแต่ไรไม่เคยกล้าทำเกินขอบเขตเมื่อต่อหน้าโจวฉงเหย่ ดังนั้นจึงถูกปฏิเสธอย่างเย็นชา เธอได้แต่กล่าวราตรีสวัสดิ์เจอกันพรุ่งนี้ แล้วก็จากไป

รั่วเฟยกลับมาที่ห้องอย่างผิดหวัง

เธอมั่นใจมากว่าคืนนี้เธอเซ็กซี่และมีเสน่ห์มากพอ เธอเห็นปฏิกิริยาของพวกผู้ชายหลายคนในงานเลี้ยงเวลาที่พวกเขามองเธอ

แต่ทำไมโจวฉงเหย่ถึงไม่อยากให้เธอไปนอนค้างด้วย?

ไม่ต้องพูดถึงการค้างคืน พวกเขากำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้แล้ว แต่แม้แต่จับมือกันก็ยังไม่เคย

ถึงแม้จะเป็นการแต่งงานตามข้อตกลง แต่เธอก็ไม่อยากมีหนุ่มหล่ออยู่ตรงหน้าแต่กลับจูบหรือสัมผัสไม่ได้ตลอดชีวิตหรอกนะ!

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ รั่วเฟยก็นึกถึงเด็กผู้หญิงเมื่อกี้นี้

เธอบอกว่าเมื่อกี้โจวฉงเหย่มีความรู้สึกกับเธอ มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?!

ทันใดนั้นดวงตาของรั่วเฟยก็แสดงความเกลียดชัง และส่งข้อความหาผู้ช่วย "ช่วยฉันเช็คหน่อยว่าในบรรดาเพื่อนร่วมชั้นของซูเถียนที่มาร่วมงานคืนนี้ ใครแอบเข้าไปในห้องของโจวฉงเหย่"

เธอต้องการค้นหาชื่อของหญิงสาวและทำให้เธอต้องตายทั้งเป็น!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel