3 ดินเนอร์

จัสมินจัดการเปิดกระเป๋าทุกใบเพื่อเลือกหาชุดที่จะไปเดตกับเอ็ดเวิร์ดในคืนนี้ ความจริงแล้วเขาแค่ชวนเธอไปดินเนอร์ตามมารยาท เธอรู้ แต่เธอจะคิดของเธอเองว่ามันคือการออกเดต และถือเป็นโอกาสงามที่จะทำให้หนุ่มฮอตอย่างเขาได้เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้ว เธอเลือกชุดที่ตรงตามวัตถุประสงค์ขึ้นมาหลายชุด แล้ววางเรียงกันบนเตียง นี่ถ้าหากมีเวลา เธอกะจะไปเลือกซื้อชุดใหม่ด้วยซ้ำ แต่เพราะนัดค่อนข้างกะทันหัน เธอจึงต้องเลือกจากสิ่งที่มี

หลังจากลองใส่อยู่หลายชุด สุดท้ายเธอเลือกชุดเดรสแขนกุดสีดำ เธอบรรจงแต่งหน้าอย่างพิถีพิถัน แต่งแต้มอายแชโดว์บนเปลือกตา กรีดอายไลเนอร์ให้ดวงตาดูเฉี่ยวคม ทาลิปสติกสีนู้ด แล้วทาลิปกลอสทับเพื่อให้ริมฝีปากเอิบอิ่มเย้ายวน หวังว่ารูปโฉมภายนอกจะเป็นอีกแรงเสริมที่ช่วยให้เธอบรรลุเป้าหมายโดยเร็ว

จัสมินส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ชุดเดรสสีดำแนบไปกับเรือนร่าง ขับเน้นส่วนโค้งเว้าให้ดูเด่นชัด คอที่เว้าลึกเผยให้เห็นเป็นร่องอกจากหน้าอกภูเขาไฟสองข้างที่เบียดชิดกัน ชายกระโปรงสั้นคลอเคลียต้นขายามเธอก้าวเดิน เธอต้องระมัดระวังว่าคนรอบข้างอาจเห็นก้นเปลือยของเธอได้ แต่ก็นั่นแหละ หากมันจะทำให้เอ็ดเวิร์ดอยากเห็นบ้าง มันก็คงคุ้มกับการต้องระวังอยู่ตลอดเวลา อย่างสุดท้าย เธอหยิบกระเป๋าคลัตช์สีทองซึ่งแมตช์กับรองเท้าส้นสูงมาถือ แล้วเดินออกจากห้อง

ภายในลิฟต์โดยสารมีชายหนุ่มสองคน พวกเขาคอยชำเลืองมองเธอเป็นระยะ ๆ แต่จัสมินไม่ได้สนใจอะไร เพราะเธอมีเป้าหมายที่แน่นอนของตัวเอง เธอต้องการดึงดูดความสนใจของเอ็ดเวิร์ด นอร์แมนแต่เพียงคนเดียว ต้องการให้เขาเห็นว่าเธอเป็นหญิงสาวเซ็กซี่ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ใช่มองเธอว่าเป็นลูกสาวเพื่อนเหมือนอย่างเคย ความจริงเธอค่อนข้างจะเข้าใจเขาทีเดียว ในการเว้นระยะห่างสุดกู่ นั่นเพราะทั้งสองรู้จักกันแต่เด็ก แต่ตอนนี้เธอโตแล้ว และการจะทำให้เขาเชื่อ มันก็ต้องลงทุนลงแรงกันสักหน่อย

เสียงเตือนของลิฟต์ดังขึ้น แล้วประตูก็เปิดออกหลังจากนั้นไม่กี่วินาที จัสมินเดินตรงไปยังล็อบบี้ เธอรู้ตัวว่ามาสายไปห้านาที ยังดีที่เอ็ดเวิร์ดยังไม่มา เธอตัดสินใจยืนรอเขา และในทันทีที่ชายหนุ่มเดินผ่านประตูเข้ามา หัวใจของเธอก็เต้นระส่ำ

เขาเปลี่ยนจากสูททางการเมื่อตอนบ่ายมาเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสลิมฟิต เผยให้เห็นช่วงบ่ากว้างและมัดกล้ามอย่างชัดเจน จัสมินรู้สึกหายใจคิดขัดปั่นป่วนท้องน้อย คิดเตลิดไปว่าคืนนี้เธอจะเสร็จเขาหรือเขาจะเสร็จเธอมั้ย

ฮอร์โมนของเธอกำลังพลุ่งพล่าน เป็นการยากที่จะหักห้ามใจ ในเมื่อเขาเป็นคนในฝัน แล้วยังดูแลตัวเองได้ดีขนาดนี้ ไอ้เธอมันก็มนุษย์ธรรมดาในวัยกำลังเจริญพันธุ์เสียด้วย เธอจึงปล่อยให้ตัวเองมองสำรวจเขาด้วยความหลงใหลอย่างไม่ปิดบัง ตั้งแต่หน้าอกกว้าง ไล่ลงไปถึงกางเกงสแล็คสีเข้ม และรองเท้าหนังแบบที่ไม่ใช่รองเท้าใส่ทำงาน

เอ็ดเวิร์ดมีรสนิยมในการแต่งตัวเสมอ หากบอกว่าเขาอายุสามสิบกว่ายังสามารถเชื่อได้

เอ็ดเวิร์ดเมื่อเห็นหญิงสาว เขาตะลึงไปชั่วขณะ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเข้มขึ้นจนเกือบดำสนิท ราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน สันกรามเกร็งขึ้นทันทีทันใด

จัสมินรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา คิดว่าหรือเขาจะไม่ชอบการแต่งตัวของเธอ แต่หญิงสาวรีบปัดความรู้สึกนี้ทิ้ง แล้วตั้งใจเดินหน้าต่อ เพราะต่อให้เขาไม่ชอบแนวนี้ เธอก็ยังแต่งได้อีกเป็นสิบเป็นร้อย

“จัสมิน” เอ็ดเวิร์ดเผลอเรียกเธอโดยไร้เสียง แต่จัสมินสังเกตเห็น เธอลอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย

หญิงสาวเดินกรีดกรายเข้าไปหา เหมือนกับผู้หญิงที่กำลังจะออกเดตกับเขา ดวงตาจ้องตรงแน่นิ่ง แสร้งทำตัวเป็นธรรมชาติ มั่นใจในความสวยเซ็กซี่ของตัวเอง โดยเมินความประหม่าและหัวใจที่เต้นแรงจนแทบกระเด้งออกนอกอกเสีย เขาในคืนนี้ดูฮอตมาก จนเธอรู้สึกร้อนรุ่ม ใจกลางความเป็นหญิงของเธอเต้นตุบ ๆ เป็นจังหวะในทุกย่างก้าวที่เดิน

“จัสมิน เธอ…”

เอ็ดเวิร์ดเกือบจะหลุดพูดคำว่าเซ็กซี่มากออกมา แต่ยั้งปากไว้ทัน มันคงไม่ดีแน่ ถ้าจะพูดกับลูกสาวเพื่อนแบบนี้

ร่างเล็กเดินมาหยุดตรงหน้าเขา เธอได้กลิ่นน้ำหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทั้งสะอาด นุ่มนวลแต่ก็เย้ายวนไปในคราวเดียวกัน ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวของเอ็ดเวิร์ด นอร์แมนแสดงถึงความเป็นบุรุษเพศสูงมาก เขากร้าวแกร่ง ทรงพลัง และฮอตเวอร์ เธอสงสัยมาตลอดว่าทำไมเขาถึงไม่แต่งงานเสียที เคยคิดด้วยว่าหรือเขาจะมีบางอย่างผิดปกติ หรืออาจจะแค่เลือกมาก แต่ก็ยอมรับว่าดีใจที่เขายังครองโสดมาจนถึงทุกวันนี้

“จัสพร้อมแล้วค่ะอาเอ็ด” อยากบอกว่าพร้อมเป็นของเขาแล้วมากกว่า แต่ใช้รอยยิ้มสื่อความแทนคำพูดไปก่อนก็แล้วกัน

เอ็ดเวิร์ดพยักหน้า ผายมือให้เธอเดินไปก่อน แต่จัสมินถือวิสาสะเข้าไปคล้องแขนล่ำ ๆ ของคนที่เธอเรียกว่าอา แต่ไม่มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดจนเขาเหวอไปเล็กน้อย ดีที่เขาไม่ใจร้ายพอที่จะดึงมือเธอออก

จัสมินรู้สึกอึดอัดและเครียดเล็กน้อยขณะนั่งรถไปกับหนุ่มใหญ่สุดหล่อ เธอพยายามชวนคุยเรื่องข่าวสารบ้านเมืองซึ่งเป็นหัวข้อสนทนากลาง ๆ ไม่ว่าใครก็เข้าร่วมได้ทั้งนั้น หากมีแก่ใจจะคุยกันสักหน่อย แต่เขาดันไม่แสดงความเห็นอะไรมาก และทำเหมือนกับว่าการพาเธอไปดินเนอร์เป็นหน้าที่ที่ควรต้องทำเพราะเห็นแก่หน้าพ่อเธอ

จัสมินทำอะไรไม่ได้มากนอกจากอดทน ยังดีที่เธอปลอบใจตัวเองตั้งแต่ก่อนกลับมาแล้วว่ามันจะไม่ง่าย การเฉยชาของเขาจึงทำอะไรเธอไม่ได้มาก

แล้วทั้งสองก็มาถึงร้านซีฟู้ดริมทะเลที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นตั้งแต่ก้าวแรก บริกรของร้านเดินนำทั้งคู่เข้าไปด้านในจนถึงโต๊ะติดชายหาด แทนที่จะเป็นข้างในร้านที่ตกแต่งอย่างหรูหรา

จัสมินมองพระจันทร์เต็มดวง และฟังเสียงคลื่นกระทบชายฝั่ง เป็นบรรยากาศที่โรแมนติกชวนฝันมาก

“จัสชอบที่นี่จังค่ะ อาเอ็ดมาบ่อยมั้ยคะ”