Chapter 4 สังเวยพรหมจรรย์ 3
แค่เธอแอ่นสะโพกเข้ามา กอดก่ายรัดรอบร่างของเขาด้วยสองมือและสองขานวลเนียน เขาก็ถึงกับหอบหายใจแรงด้วยเพลิงตัณหาที่ลุกโชนแผดเผา
“เร็วขึ้นอีกได้มั้ยคะ ดะ...ได้โปรด” หญิงสาวร้องขอด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า เธอแอ่นสะโพกขึ้นสูงรับแรงกระแทกของอีกฝ่ายอย่างคนใจร้อน
หมาป่าหนุ่มไม่ตอบเขาก้มลงจูบเบาๆ ที่ปลายจมูกรั้น ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์กระตุกหัวใจของหญิงสาวให้หลุดลอย “ข้าจะส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ไปพร้อมๆ กับข้า” พูดจบกาแอลก็ขยับเอวสอบอย่างรวดเร็ว แรง บดขยี้กุหลาบสีสวยจนน้ำหวานชุ่มฉ่ำไหลเยิ้ม
มนรดากรีดร้องเมื่อร่างของเธอกระตุกแรงจนตัวงอ สองมือจิกทึ้งผมสีเงินยวงจนมวยผมหลุดลุ่ยทิ้งตัวลงเต็มแผ่นหลังแข็งแกร่ง เธอกำเส้นผมสีเงินเอาไว้แน่นในขณะที่หมาป่าหนุ่มยังคงเร่งจังหวะเร็วแรงไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ก่อนที่เขาจะนิ่วหน้าเหยเกปลดปล่อยสายธารสิเน่หาเข้าสู่ร่างกายเธอ
มนรดาเขินอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขา กอปรกับความเหนื่อยล้าและสุขสมตีกันจนยุ่งเหยิง ทำให้เธอเผลอหลับไปในที่สุด
จังหวะการหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของหญิงสาวร่างบอบบางทำให้หมาป่าหนุ่มค่อยๆ ขยับร่างกายออกจากการกอดรัดเธอเอาไว้อย่างเชื่องช้า เขาลุกจากเตียงเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง ยามนี้แสงจันทราส่องประกายสีทองอาบไล้ร่างเปลือยเปล่าส่งให้เขาดูราวกับรูปปั้นเทพบุตรจากสรวงสวรรค์ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็เป็นแค่สัตว์ประหลาดที่ไม่มีวันตาย!
ดวงตาสีแดงเพลิงหม่นเศร้า เขาก้มลงมองมือทั้งสองข้างที่ค่อยๆ แปรสภาพจากมือของมนุษย์เป็นอุ้งเท้าของอสุรกายหมาป่า ร่างกายงดงามราวกับรูปสลักค่อยๆ ค้อมคู้ยืนสี่ขา กลายเป็นหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์สีเงินยวงน่าเกรงขาม
พรหมจรรย์ของผู้หญิงคนนี้ไม่อาจลบล้างคำสาปได้!
หัวใจของหมาป่าหนุ่มเจ็บปวด เขากระโจนพรวดออกไปนอกหน้าต่าง วิ่งเข้าไปในป่าด้วยความเร็วสุดฝีเท้าจนไปหยุดยืนอยู่บนชะง่อนผาสูงชัน ก่อนจะส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดแสน
บรู๊ว!
ทุกสรรพชีวิตเงียบสงัด แม้แต่เสียงหรีดหริ่งเรไรก็มิกล้าจำนรรจาเช่นทุกครั้ง ด้วยล่วงรู้ดีว่าผู้เป็นเจ้าแห่งป่ามานับร้อยปีกำลังเจ็บปวดอย่างสุดแสน จะมีสิ่งใดเจ็บปวดไปมากกว่าการมีชีวิตเป็นนิรันดร์โดยปราศจากคนรอบกาย ใช่! พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง หรือแม้แต่คนรักล้วนล้มหายตายจาก เขายืนดูการจากลาของสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความอิจฉา
เพราะเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เวียนว่ายตายเกิด ไม่มี!