ตอนที่ 4 กรุ๊ปเลือดพิเศษ
ตอนที่ 4 กรุ๊ปเลือดพิเศษ
“อาหารมาแล้วคร๊าบ...” เสียงเปิดประตูถูกผลักเข้ามาด้านในโดยมีคุณหมออีกคนเดินยิ้มเข้ามากับพี่หมอคนเดิมด้วย กาวินถือของกินเข้ามาเต็มไม้เต็มมือ ใบบัวเห็นพี่หมอกลับเข้ามาแล้ว เธอจึงพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง อย่างทุลักทุเลเพราะร่างกายที่เพิ่งเกิดอุบัติเหตุไหนจะศีรษะที่ยังเจ็บอยู่นี่อีก แสงเหนือที่มือยังคงว่างเดินเข้ามาหาหญิงสาวกำลังจะช่วยเธอพยุงนั่ง แต่กาวินที่เห็นดังนั้นรีบวางของแล้วปี่เข้ามาดึงเพื่อนรักออกไป แล้วเป็นคนพยุงเธอแทนเอง นั่นจึงทำให้แสงเหนือถึงกลับงงเข้าไปอีก นอกจากเธอคนนี้จะพิเศษแล้ว ไอ้เพื่อนคนนี้มันทำท่าหวงมากอีกด้วย
“ไม่ธรรมดาๆ” แสงเหนือบ่นออกมาเสียงดัง จนกาวินต้องมองเพื่อนด้วยหางตา แล้วหันกลับมายิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง คล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ระวังครับ ค่อยๆนะ” กาวินจัดท่าจัดทางให้เธอนั่งพร้อมกับปรับเตียงให้เธอพิงด้วย จากนั้นเขาก็หันไปเตรียมอาหารใส่จานให้เธอ
“............” แสงเหนือที่ยืนมองเพื่อนหมอด้วยกันกำลังปฏิบัติกับคนไข้ดีเกินเหตุถึงกลับงง พรสวรรค์ตาจริงจริ๊ง...ภาพแบบนี้หาดูได้ยาก
“คุณหมอที่นี่ดูแลดี๊ดีนะครับ คุณคนไข้ว่าไหม...” แสงเหนือเริ่มแซว เพราะจากที่แสงเหนือรู้จักกับไอ้เพื่อนคนนี้มาก็นาน มันไม่เคยดูแลคนไข้หรือผู้หญิงคนไหนดีเท่ากับครั้งนี้มาก่อน ถึงปากของมันจะบอกว่ามันคือความรับผิดชอบก็ตาม
“ออกไปไป๊” กาวินหันมาพูดกับเพื่อนแบบทีเล่นทีจริง แต่แสงเหนือกลับยืนเฉย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หยิบประวัติคนไข้สาวขึ้นมาดู ซึ่งสายตาเจ้ากรรมมันบังเอิญกวาดไปเจอกรุ๊ปเลือดพิเศษ ที่ในประเทศไทยมีแค่ไม่กี่ครอบครัวเท่านั้นที่มีกรุ๊ปเลือดนี้ หนึ่งในนั้นคือครอบครัวของแสงเหนือเอง
“ไอ้หมอ มึงเห็นกรุ๊ปเลือดเธอหรือยัง” น้ำเสียงของแสงเหนือไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกแต่อย่างใด ในใจแอบรู้สึกดีใจที่มีคนกรุ๊ปเลือดเดียวกันกับเขา แต่ก็แอบสงสารคนที่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษนี้เหลือเกิน เพราะถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินต้องการเลือดขึ้นมาจะมีแค่คนในครอบครัวเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ แล้วเธอล่ะ...แสงเหนือเริ่มรู้สึกอยากรู้ในตัวเธอ เธอเป็นใครกันแถมเพื่อนของเขายังดูสนใจเธอมากอีกด้วย แล้วเพราะเหตุนี้เองจึงทำให้แสงเหนือเลือกที่จะเรียนหมอ
“ออกไปก่อนได้ไหม” กาวินแค่อยากอยู่กับหญิงสาวตามลำพัง ไม่ได้สนใจอย่างอื่นนอกจากเธอ แล้วประวัติของเธอ กรุ๊ปเลือดของเธอเขายังไม่ทันได้เห็น
“ไอ้หมอ เธอเป็นใคร...” แสงเหนือไม่ได้อยากรู้แล้วว่าหญิงสาวคนนี้กับเพื่อนของเขาจะเป็นอะไรกัน หรือจะพิเศษต่อกันขนาดไหน แล้วแสงเหนือก็ยังไม่รู้ด้วยว่าเธอความจำเสื่อม สิ่งที่เขาอยากรู้คือกรุ๊ปเลือดของเธอต่างหาก
“เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง พอใจมั้ย”
“พอใจ”
“ถ้างั้นก็ออกไปก่อน” และแล้วแสงเหนือก็หันมายิ้มให้หญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องก่อนที่จะยอมเดินออกไป พร้อมกับผิวปากออกไปอย่างคนอารมณ์ดี
“มีอะไรกันเหรอคะ” ใบบัวรู้สึกสงสัยกับพฤติกรรมของคุณหมอหนุ่มทั้งสอง
“พี่ก็แค่อยากจะอยู่กับเราแค่สองคนโดยที่ไม่มีมันน่ะ” มันในที่นี้ก็คือแสงเหนือ ไอ้เพื่อนอยากรู้อยากเห็นของเขานั่นเอง
“เขาเป็นใครคะ” ใบบัวรู้สึกถูกชะตากับคุณหมอที่เดินออกไปเมื่อสักครู่นี้อยู่มาก เหมือนกับว่าเธอเคยรู้จักเขา แต่ในความเป็นจริงใบบัวไม่เคยรู้จักใครเลยต่างหาก
“เพื่อนพี่เอง ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
“พี่หมอคะ หนูชื่ออะไร” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยถามคนที่กำลังจัดอาหารให้ตัวเองอยู่ มือของกาวินหยุดชะงักไปชั่วครู่ เขาเงยหน้ามองเธอนิ่งๆ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้จักชื่อเธอเหมือนกัน แล้วสมองอันชาญฉลาดของคนเป็นหมออย่างเขาก็ต้องรีบหาคำตอบให้เธอโดยไว เพราะกลัวว่าเธอจะจับได้ว่าเขาเองที่เป็นคนโกหก
“หนูชื่อ...ข้าวหอมไง” ข้าวสวยร้อนๆที่เขาเพิ่งไปซื้อขึ้นมาให้เธอ มันอยู่ตรงหน้าเขาพอดิบพอดี คิดอะไรไม่ออกเขาจึงถือโอกาสตั้งชื่อให้เธอใหม่เลยแล้วกัน แล้วชื่อนี้ก็เหมาะกับคนสวยๆอย่างเธอที่สุด
“ข้าวหอม...” เธอทวนชื่อตัวเองตามที่เขาบอก แอบรู้สึกในใจว่าไม่คุ้นเลย แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบโดยที่ไม่ได้ถามอะไรจากเขาอีก ตอนนี้อาหารก็ได้ถูกวางตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว ใบบัวนั่งทานอาหารที่กาวินซื้อมาให้เพราะความหิว ส่วนอาหารของทางโรงพยาบาลเธอทานไปได้แค่นิดเดียวเพราะมันไม่ถูกปากเอาเสียเลย จนกระทั่งเธออิ่ม...
“พี่หมอเป็นคุณหมอเหรอคะ” เธออยากจะจำเขาได้ จึงได้ชวนเขาคุย ซึ่งในตอนนี้ความรู้สึกของเธอเขาก็คือคนแปลกหน้าสำหรับเธอดีๆนั่นเอง
“ครับ พี่เป็นหมอที่นี่”
“พี่หมอมีชื่อไหมคะ”
“มีสิ พี่ชื่อกาวิน หรือข้าวจะเรียกพี่ว่า พี่วินก็ได้นะ”
“เรียกพี่หมอเหมือนเดิมก็ได้ค่ะ”
“ผลไม้ไหม” เขาถาม ซึ่งเธอก็พยักหน้าเร็วๆให้เป็นคำตอบ เรื่องกินขอให้บอกใบบัว ลึกๆแล้วเรื่องกินสำหรับใบบัวรู้สึกเก็บกดมานาน กาวินจึงหันไปปลอกผลไม้แล้วส่งให้เธอเคี้ยวโดยมีการพูดคุยกันต่างๆนานา
“ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับหนูคะ แล้วทำไมหนูถึงมาอยู่ที่นี่ได้” คำถามของเธอทำให้กาวินรู้ได้ทันทีว่า ตอนนี้งานได้เข้าเขาเรียบร้อยแล้ว แถมเขาดันไปบอกเธออีกว่า...เธอเป็นเมียของเขา ที่จริงเขาอยากได้เธอไปเป็นลูกสะใภ้ให้คุณแม่นะ แต่ที่บ้านเธอล่ะ คุณพ่อคุณแม่เธอล่ะ จะรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ลูกสาวนอนอยู่โรงพยาบาล ครั้นจะตามหาให้ เขาก็ไม่รู้จะไปตามหาจากที่ไหน บัตรประชาชนเธอก็ไม่ได้มีติดตัวมามือถือก็ด้วย นั่นจึงเป็นงานยาก แต่เขาก็คงต้องไปแจ้งความเอาไว้ก่อนเพื่อความบริสุทธิ์ใจ แล้วให้ตำรวจเป็นคนจัดการเรื่องนี้แทน
“เอ่อคือ...พี่เป็นคนขับรถชนข้าวเอง พี่ขอโทษนะครับ” ครั้งนี้เขาเลือกที่จะพูดความจริง เพราะถ้าโกหกหลายอย่างเขากลัวว่าสักวันเขาอาจจะลืมในสิ่งที่พูดไป อีกอย่างเขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเธอ ชนก็บอกว่าชน ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย ถ้าเธอจะโกรธเดี๋ยวเขาจะง้อเธอจนกว่าเธอจะหายโกรธเอง
“เราทะเลาะกันหรือคะ” ตอนแรกกาวินคิดว่าเธอจะโกรธที่เขาเป็นคนทำให้เธอเจ็บตัว แต่คำถามของเธอยิ่งตอกย้ำความซวยของเขา
‘ตายแล้วถ้าลูกเขาไม่หาย ผมจะติดคุกไหมนี่’
“เปล่าครับไม่ใช่แบบนั้น คือหนูวิ่งไปช่วยเด็กคนหนึ่งไว้ แกวิ่งตามลูกบอลที่หลุดมือกลิ้งไปบนถนน แล้วรถคันนั้นก็ดันเป็นรถของพี่พอดี” เขาเล่าสรุปสั้นๆเอาแต่เนื้อความแล้วมองหน้าเธอ ดูสีหน้าและอาการของเธอว่าจะตำหนิเขาหรือเปล่า…ซึ่งคนที่กำลังตั้งรับคำตำหนิก็ต้องผิดหวังเพราะเธอไม่ได้แสดงท่าทีหรือสีหน้าโกรธแต่อย่างใด
“บังเอิญจังเลยนะคะ เบรครถพี่เสียหรือคะ” กาวินขำพรืดออกมากับคำถามติดตลกของเธอ เขารู้ว่าเธอประชด แต่ก็อดที่จะขำไม่ได้
“เบรคไม่ได้เสียครับ มันเป็นอุบัติเหตุ พี่เบรกไม่ทันจริงๆ หนูข้าว...โกรธพี่หรือเปล่า” สำหรับใบบัวแล้วสิ่งที่กาวินทำให้เธออยู่ตอนนี้ก็ดีมากแล้ว เธอรู้สึกว่าเขาก็ดูเป็นห่วงเธอดี ซึ่งเด็กกำพร้าอย่างเธอลึกๆในจิตใจของเธอแค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ถึงเธอจะจำความไม่ได้ แต่ความรู้สึกมันบอกกับเธอแบบนั้น
“หนูปวดหัวค่ะ” เมื่อใช้ความคิดมากๆ อาการปวดศีรษะของใบบัวก็เริ่มกำเริบขึ้น
“ปวดมากไหม ตอนนี้คุณหมอยังไม่ได้สั่งให้ยา อดทนหน่อยนะครับ” กาวินเห็นสภาพของเธอตอนนี้ ก็อดที่จะรู้สึกสงสารเธอไม่ได้ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ลึกๆแล้วเขาก็รู้สึกผิดอยู่ดี
ส่วนเรื่องคุณหมอเจ้าของไข้ไม่ใช่เขา เพราะเกี่ยวกับระบบประสาทจะต้องเป็นคุณหมอเฉพาะทางเท่านั้น
กาวินปรับเตียงให้เธอนอนพักผ่อนเหมือนเดิม ใบบัวหลับตาลง กาวินหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เธอ พอเธอหลับเขาก็ออกไปทำงานตามปกติ กาวินเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือปรึกษาคุณหมอเจ้าของไข้ซึ่งเป็นคุณหมอเฉพาะทางด้านสมองและประสาทให้เธอก่อน…
“ก๊อกๆๆ” กาวินเดินมาถึงหน้าห้องคุณหมอผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองที่เก่งมากๆท่านหนึ่งในโรงพยาบาล
“เชิญครับ” เมื่อเสียงเอ่ยอนุญาตจากด้านในบอกให้เข้าไปได้ กาวินจึงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป
“อาจารย์หมอครับ อาจารย์พอจะมีเวลาสักครู่ไหมครับ พอดีผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อยครับ”
“เชิญนั่งก่อนสิ กาวิน” กาวินทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะของอาจารย์หมอ ซึ่งสีหน้าของเขาดูหนักใจอยู่ไม่น้อย
“อาจารย์ครับผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ” กาวินรีบพูดเข้าเรื่องทันที เพราะรู้ว่าเวลาของอาจารย์หมอท่านนี้มีไม่มากนัก
“ว่ามาสิ”
“คืออย่างนี้ครับอาจารย์...” กาวินเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เขาขับรถชนผู้หญิงคนหนึ่ง และตอนนี้เธอก็นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ อาการโดยรวมทางด้านร่างกายของเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก จะเป็นก็แต่ศีรษะที่แตกและสมองของเธอที่ฟื้นขึ้นมาแล้วจำอะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะตัวของเธอเอง ซึ่งเรื่องนี้เขาก็ได้พิสูจน์แล้ว
“อาจารย์พอจะมีทางรักษาให้เธอกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมไหมครับ” กาวินค่อนข้างหนักใจ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นอุบัติเหตุที่เขาไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่ยังไงอนาคตของหญิงสาวคนนั้นก็สำคัญมาก
“ตอบยาก เดี๋ยวช่วงบ่ายอาจารย์ว่างจะเข้าไปตรวจเธอให้แล้วกัน” ก่อนที่คุณหมอจะตอบคำถามพวกนี้ได้ ท่านจะต้องได้ตรวจดูอาการของเธอคนนั้นเสียก่อน อาจจะต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์มาช่วยยืนยันเพื่อความมั่นใจด้วย
“ขอบคุณครับ” กาวินคุยเรื่องแนวทางการรักษาต่ออีกสักครู่ จากนั้นเขาก็ขอตัวออกไปทำงานของตัวเองต่อ