ตอนที่ 5 กรุ๊ปเลือดเป็นเหตุ
ตอนที่ 5 กรุ๊ปเลือดเป็นเหตุ
ช่วงเที่ยงของอีกวัน
กาวินเดินมาเจอแสงเหนือที่โรงอาหารของทางโรงพยาบาลพอดี แสงเหนือกำลังกวักมือเรียก กาวินจึงเดินเข้าไปนั่งลงใกล้ๆเพื่อน พร้อมกับจานอาหารในมือ
“เอ้ามีอะไรจะถาม ก็รีบๆถามมา เวลาของกูไม่ได้มีไว้ให้มึง”
“ปากคอร้ายกาจจริงๆนะมึง กูขอถามเลยนะ” กาวินรีบตักอาหารในจานตรงหน้าเข้าปาก แล้วหันไปยกคิ้วให้เพื่อนหนึ่งที เพื่อเป็นการบอกกับมันว่าให้รีบๆถามมา
“มึงเคยเจอเธอมาก่อนหน้านี้เหรอ”
“อือ เคยเจอครั้งนึง”
“ที่ไหน” คำถามนี้ทำให้กาวินเผลอมองเพื่อนด้วยหางตาเล็กน้อย ก่อนที่จะยอมตอบคำถามของมัน
“งานแต่ง...” กาวินเลือกที่จะตอบสั้นๆ โดยที่ไม่อธิบายรายละเอียดใดๆทั้งสิ้น
“มึงชอบเธอ...” กาวินวางช้อนลงไปกับจานข้าวตรงหน้า แล้วหันมาพูดกับเพื่อนด้วยสีหน้ารำคาญว่า...
“ถ้าไม่ชอบ แล้วกูจะดูแลเธอดีขนาดนี้เหรอ เป็นหมอซะเปล่าทำไมโง่จังวะ” ที่จริงแสงเหนือไม่ได้อยากรู้เรื่องนี้หรอก เขาก็แค่ถามไปอย่างนั้นแหละ แต่เรื่องที่เขาอยากรู้คือ เรื่องกรุ๊ปเลือดของเธอมากกว่า ซึ่งคำถามของแสงเหนือมันก็ดูโง่จริงๆ ใครๆก็มองออกว่ากาวินสนใจหญิงสาวคนนั้นมากขนาดไหน
“ถ้างั้นกูขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน...มึงเห็นกรุ๊ปเลือดของเธอหรือยัง” แสงเหนือตั้งคำถามใหม่
“ยัง มีอะไรกูไม่ได้สังเกต” บทสนทนาในครั้งนี้ของทั้งสองคนดูจะจริงจังอยู่ไม่น้อย
“เธอมีกรุ๊ปเลือดเดียวกันกับกูเลย” เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของกาวิน เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ แต่กลับแสงเหนือไม่ใช่
“พ่อมึงมีเมียน้อยเหรอ” กรุ๊ปเลือดพิเศษนี้แสงเหนือได้มาจากคนเป็นพ่อนั่นเอง แสงเหนือมีพี่น้องสองคน อีกคนเป็นน้องสาว ชื่อพริกแกง
“ไอ้สัส ทะลึ่งและ เล่นของสูงนะมึงนี่”
“กูล้อเล่น แล้วไง...เธอเป็นผู้หญิง” กรุ๊ปเลือดพิเศษนี้ กาวินก็พอรู้มาจากคำบอกเล่าของเพื่อนมาบ้าง ถ้ากรุ๊ปเลือดนี้เป็นของฝ่ายชายจะถูกถ่ายทอดให้ลูกอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้ากรุ๊ปเลือดนี้อยู่ในตัวของฝ่ายหญิง จะไม่ถูกถ่ายทอดออกไป ลูกที่เกิดมาจะได้เป็นกรุ๊ปเลือดของคนที่เป็นพ่อเท่านั้น
นั่นก็แปลว่า ถ้ากาวินมีลูกกับใบบัว กรุ๊ปเลือดของลูกที่เกิดมาก็จะได้ของกาวินไป ส่วนถ้าแสงเหนือมีลูก กรุ๊ปเลือดของเด็กที่ออกมาจะต้องได้กรุ๊ปเลือดพิเศษนี้ของแสงเหนือไปเท่านั้น ซึ่งมีข้อห้ามอีกหนึ่งข้อนั่นก็คือ ห้ามกรุ๊ปเลือดพิเศษนี้ได้กันเองเพราะลูกที่เกิดมาจะพิการ
“กูเพิ่งได้ข่าวมาเมื่อกี้ ศีรษะของเธอถูกกระแทกจนความจำเสื่อมเลยเหรอ แล้วมึงจะเอายังไงต่อ” ความทรงจำที่หายไปของหญิงสาวคนนั้น ทำให้แสงเหนือไม่รู้จะถามเอาอะไรจากเธอ เพราะว่าถ้าถามไปก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี
“ไม่เอาไง กูจะเป็นคนดูแลเธอเอง”
กาวินตกหลุมรักใบบัวตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้า เขายินดีที่จะดูแลเธอถึงแม้ว่าเธอจะความจำยังไม่กลับมาก็ตาม แต่จากที่ได้ปรึกษาอาจารย์หมอแล้ว โอกาสที่หญิงสาวจะกลับมาจำความได้มีถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ หรือที่ทางการแพทย์มักจะเรียกกันว่าความจำเสื่อมชั่วคราว หากได้เจอกับคนเดิมๆ สถานที่เดิมๆ ความจำของคนที่มีภาวะนี้ก็จะกลับมาเอง ในบางรายอาจจะใช้เวลารักษาไม่เท่ากัน แต่อาจารย์หมอยืนยันว่าหายแน่นอน
“แล้วเธอยอมเหรอ”
“กูบอกกับเธอไปว่ากูเป็นสามีของเธอ” ประโยคนี้กาวินยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูเพื่อนเบาๆ แต่เสียงเบาๆของกาวินนั้น กลับทำให้แสงเหนือเผลออุทานออกมาเสียงดัง
“ไอ้วิน!”
“มึงจะเสียงดังทำไมเนี่ย” โรงอาหารเวลานี้ผู้คนค่อนข้างเยอะ กาวินมองซ้ายมองขวากลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้า
“แล้วเธอเชื่อไหม”
“ก็น่าจะเชื่อนะ ไม่เห็นเธอว่าอะไรนี่”
“แล้วพ่อแม่ญาติพี่น้องของเธอไม่ออกตามหาเหรอ ลูกสาวหายไปทั้งคน” เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่กาวินรู้สึกหนักใจ
“ถ้าอีกสามวันไม่มีใครตามหาเธอ กูคงต้องไปแจ้งความให้ตำรวจช่วย” อย่างน้อยก็เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ถึงเขาจะโกหกเธอออกไปแบบนั้น แต่กาวินไม่ได้มีเจตนาไม่ได้แอบแขวงแน่นอน เขาก็แค่ชอบเธอแล้วพยายามหาทางใกล้ชิดก็เท่านั้น
“แล้วเรื่องที่มึงบอกกับเธอว่าเป็นผัวเมียกันล่ะ”
“ตอนแรกก็แค่ทดสอบ ไม่คิดว่าเธอจะความจำเสื่อมจริง”
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อ”
“ไม่เอาไง ก็ปล่อยให้เธอเชื่อไป” คำตอบง่ายๆของกาวิน แต่แสงเหนือกลับรู้สึกว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากนี้มันอาจจะไม่ง่ายน่ะสิ
“เฮ้ย! ไม่ได้นะเว้ย กูว่าสารภาพกับเธอไปเถอะ” กาวินรู้ว่าแสงเหนือเป็นห่วงสิ่งที่มันจะตามมา แต่กาวินคิดว่าตัวเองน่าจะเอาอยู่
“อาทิตย์หน้าแล้วกัน” กาวินต่อรอง
“เป็นถึงคุณหมอ หัดโกหกแบบนี้ มันไม่น่าเชื่อถือนะเว้ย”
“มึงจะบ่นอะไรนักเนี่ย” กาวินเริ่มเซ็งกับคำบ่นของเพื่อน
“มึงลองคิดนะ ถ้าวันนี้มีญาติเธอมาตามหา แล้วมึงจะต้องบอกกับญาติเธอว่า...ผมเป็นคนขับรถชนเธอเองครับ แล้วผมก็เป็นสามีของเธอด้วย เป็นไงมึงว่าเรื่องจะยุ่งไหม แล้วน้องคนนั้นเธอก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่รู้มีแฟน มีผัว มีลูก มาแล้วหรือ...” แสงเหนือบ่นยาว แต่ยังพูดไม่ทันจบดี กาวินก็รีบพูดแทรกขึ้นมาซะเสียงดังก่อน
“พอ!!”
“มึงต้องไปสารภาพความจริงกับเธอ” แสงเหนือยื่นคำขาด ครอบครัวของแสงเหนือกับกาวินรู้จักกันมานาน จะเรียกว่าสนิทกันก็ได้ รู้จักกันมาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องพ่อท้องแม่ แสงเหนือแค่ต้องการให้เพื่อนทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น
“แล้วมึงจะมายุ่งทำไม” กาวินรู้สึกขัดใจที่เพื่อนไม่ยอมเข้าข้าง
กาวินเลือกเรียนหมอก็เพราะแสงเหนือ แต่แสงเหนือเลือกเรียนหมอเพราะกรุ๊ปเลือดของตัวเอง แต่ถ้ามีคนมาถามกาวินว่าทำไมคุณถึงเรียนหมอ เขามักจะตอบแบบกวนๆว่าเพราะว่าเขาเรียนเก่ง หัวดี อะไรประมาณนี้ ส่วนแสงเหนือจะตอบว่าอยากช่วยรักษาคนครับ ซึ่งพอเวลาตอบคำถามนี้ทีไรทั้งสองมักจะมองหน้ากันแล้วหัวเราะขึ้นมาทันที ซึ่งมันก็เป็นคำตอบของคนปกติที่เลือกเรียนหมอ แต่สำหรับสองคนนี้คือไม่ใช่ไง
“ไม่รู้แหละ ในฐานะที่กูเป็นหมอ เป็นเพื่อนมึง และมีกรุ๊ปเลือดเดียวกันกับเธอ” กรุ๊ปเลือดของคนกลุ่มนี้ แสงเหนือถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่าถ้าหากเจอคนที่มีกรุ๊ปเลือดเดียวกันให้คิดว่าเป็นพี่น้อง
“อย่าบอกนะว่ามึงชอบเธอ นี่ไอ้แสงกูเจอเธอก่อนนะ”
“มึงก็รู้ว่ากรุ๊ปเลือดอย่างกูมันเป็นยังไง มึงยังจะมาแถอีก” กรุ๊ปเลือดนี้มีข้อห้ามซึ่งเคยถูกทดลองมาแล้วหลายครั้ง นั่นก็คือ ห้ามคนที่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษนี้มีความสัมพันธ์สึกซึ้งกันเด็ดขาด ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากพี่น้องที่ได้กันเอง ลูกที่เกิดมามักจะไม่ปกติ ซึ่งสำหรับกรุ๊ปเลือดพิเศษนี้ เด็กหรือลูกที่เกิดมาจะไม่ปกติเลย นี่จึงเป็นข้อห้ามอีกหนึ่งข้อสำหรับการเลือกคู่ครองของกรุ๊ปเลือดพิเศษนี้ แต่ข้อดีคือมันมีน้อยมาก คงไม่บังเอิญขนาดนั้น
“ได้! กูจะไปสารภาพกับเธอ แต่กูไม่รู้นะว่าเธอจะเชื่อหรือเปล่า” กาวินยอมทำตามที่แสงเหนือบ่นก็ได้ แต่เขาไม่รับประกันนะว่าผลที่เกิดขึ้นมันจะออกมาเป็นยังไง
“มึงจะเจ้าเล่ห์อะไรอีก” ดูเหมือนว่าใบหน้านิ่งๆของกาวิน จะถูกไอ้เพื่อนรู้ใจจับได้ซะแล้ว
“มึงช่วยมองกูเป็นคนดีหน่อยได้ไหม”
“กูเป็นเพื่อนมึงมานานตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ กูรู้ว่ามึงเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง กูไม่ว่าถ้ามึงจะชอบเธอ มึงจะเข้าหาเธอด้วยวิธีไหนก็ได้แต่กูอยากให้มึงเลือกวิธีปกติที่คนธรรมดาเขาทำกัน...โอเค๊”
“มึงเป็นใครเนี่ย พ่อกูยังไม่เคยสอนกูขนาดนี้เลย ได้! กูจะไปสารภาพกับเธอเดี๋ยวนี้เลย” ข้าวในจานตอนนี้ก็หมดพอดี
“กู!เพื่อนมึงไง เพื่อนรักมึงด้วย” ไม่ต้องมาย้ำ
“มึงคิดไปเองทั้งนั้น ตอนนี้กูเริ่มจะเกลียดขี้หน้ามึงแล้ว”
“ไปๆ เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” แสงเหนืออาสาไปเป็นเพื่อน รู้ทั้งรู้ว่ากาวินไม่ได้ต้องการ
“ไม่ต้องมาแสดงเป็นคนดีเลย จะไปไหนก็ไปกูไปคนเดียวได้” กาวินมีแผนการบางอย่าง ถ้าขืนให้ไอ้เพื่อนศีลธรรมดีคนนี้ไปด้วย แผนการที่คิดไว้อาจจะไม่บรรลุผลก็ได้
“แล้วกูจะเชื่อได้ไงว่ามึงจะไม่เจ้าเล่ห์” กาวินเบือนหน้าหนีนิดนึง คล้ายกับกำลังเก็บอาการของตัวเองไม่ให้เพื่อนเห็น
“ไอ้แสงครับ มึงเป็นอะไรกับคนที่มีกรุ๊ปเลือดเดียวกันกับมึงนักหน้า เธอคนนั้นกับมึงไม่ใช่ญาติพี่น้องกันสักหน่อย” กาวินเริ่มเซ็งเมื่อเพื่อนรักมันกำลังทำตัวเป็นคนดีเกินความจำเป็น
“ไม่รู้สิ...ไปๆกูจะไปด้วยไม่ต้องมาถามมาก” ทั้งสองเดินไปเก็บจานที่กินอิ่มแล้วด้วยกัน ส่วนกาวินก็ไม่ลืมที่จะซื้อของกินอร่อยๆไปฝากเธอด้วย และเมื่อทั้งสองหนุ่มเดินมาถึงหน้าห้องพักคนไข้
“มึงรออยู่ตรงนี้ กูจะเข้าไปคุยกับเธอเอง” ดูเหมือนว่าแสงเหนือจะไม่ยอมง่ายๆ ซึ่งกาวินรีบส่งสายตาอ้อนวอนขอคุยกันส่วนตัว นั่นจึงทำให้แสงเหนือยอมยืนอยู่ที่ด้านนอกก่อนก็ได้
“เออ...ก็ได้”