ตอนที่ 3 ความจำเสื่อม
ตอนที่ 3 ความจำเสื่อม
“ถ้างั้นพวกพี่ฝากด้วยนะคะ” พยาบาลทั้งสามคนเดินออกไป เมื่อเห็นว่าได้เวลาพักทานข้าวเที่ยงแล้ว ภายในห้องตอนนี้จึงเหลือแค่เขาและเธอสองคนเท่านั้น
“...........” ตอนนี้เธอกำลังนอนมองมาที่เขาตาแป๋ว ผ้าก๊อตสีขาวถูกพันรอบศีรษะตรงที่มีแผล
“คุณจำผมได้ไหม” คำถามแรกของกาวินหมายถึงเราเคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนก่อน เขาจำเธอได้ แล้วเธอล่ะจำเขาได้หรือเปล่า แต่ใบบัวกลับส่ายหน้าให้กาวินเบาๆเป็นคำตอบ แล้วก่อนที่คำถามที่สองจะเอ่ยขึ้น อยู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือของคุณหมอกาวินก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะซะก่อน
Rrrrrrrr
“ผมขอรับสายนี้สักครู่นะครับ” กาวินเดินออกห่างจากเตียงของคนไข้พอสมควร จากนั้นเขาก็กดรับสายของคุณแม่ทันที
“ครับคุณแม่”
“ตาวินแม่มีข่าวดีจะบอก” น้ำเสียงตื่นเต้นของคุณสิริโฉมดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
“ข่าวดีอะไรของคุณแม่ครับ”
“แม่หาผู้หญิงที่ลูกจะแต่งงานด้วยได้แล้วนะ” กาวินตกใจในสิ่งที่คุณแม่ของเขาพูด จนมือถือที่อยู่ในมือเกือบหล่น แต่พอเขาตั้งสติได้ จึงรีบพูดกับคุณแม่ด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทันที
“โธ่คุณแม่...ผมไม่ชอบผู้หญิงพวกนั้นหรอกครับ” กาวินรู้ดีว่าผู้หญิงที่คุณแม่หาให้ก็คงไม่พ้นลูกสาวเพื่อนๆของท่านแน่นอน ซึ่งพวกเธอแต่ละคนเขาก็รู้จักเกือบหมด เพราะกาวินมักจะถูกคุณแม่บังคับให้ออกงานสังคมกับท่านอยู่บ่อยๆ นั่นจึงทำให้กาวินรู้จักพวกเธออยู่ไม่น้อย
“ก็แกมัวแต่ทำงาน แม่อยากอุ้มหลาน ถ้าแกไม่หาเองแม่จะหาให้ไง” ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณแม่พูดเรื่องนี้กับเขา กาวินฟังจนชินแล้ว
“คุณแม่รีบหรือครับ” คำถามนี้กาวินแค่แหย่คุณแม่เล่น น้ำเสียงก็ออกจะกวนหน่อยๆ
“แต่งเดือนหน้าเลยดีไหมล่ะ” ดูท่านพูดเข้า กาวินยังไม่เคยรู้สึกถูกใจผู้หญิงคนไหนเลยสักคน นอกจากคนที่นอนมองมาทางเขาตาปริบๆอยู่ตอนนี้
“คุณแม่ผมมีแฟนแล้วครับ” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้กาวินต้องพูดออกไปแบบนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่คิดได้ตอนนี้ก็คือต้องเอาตัวรอดก่อนที่คุณแม่จะจับแต่งงานเข้าจริงๆ แล้วหญิงสาวตรงหน้าก็ช่างน่ารักเหลือเกิน กาวินถูกใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ถึงจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร บ้านอยู่ไหน พ่อแม่เป็นใครก็ตาม
“ห๊ะ!! จริงหรือลูก” น้ำเสียงดีใจปนตื่นเต้นของคุณสิริโฉม เมื่อได้ฟังลูกชายพูดแบบนี้ท่านก็ยินดีมากๆ
“เอ่อ...แค่นี้ก่อนนะครับ ผมต้องทำงานแล้ว” กาวินแอบรู้สึกผิดที่ต้องโกหกคุณแม่ แต่ก็แอบอมยิ้มเมื่อได้สบตากับดวงตากลมโตที่กำลังมองเขาอยู่ตอนนี้
“เดี๋ยวๆ พรุ่งนี้แม่จะเดินทางไปหาคุณพ่อนะ ว่าจะไปสักหนึ่งเดือน แม่โทรมาบอกแค่นี้แหละ” เมื่อลูกชายทำแต่งานบ้านก็ไม่ค่อยได้กลับ การพูดคุยระหว่างแม่กับลูกจึงต้องใช้โทรศัพท์เพื่อสื่อสาร
“คร๊าบๆ เดินทางบ่อยอย่างกับเป็นเจ้าของสนามบินเองเลยนะครับ”
“แกมีปัญหาเหรอ ตาวิน” อุ๊ย!
“เปล่าครับๆ ผมมิกล้า เชิญคุณโฉมเที่ยวให้สนุกนะครับ”
“ไอ้ลูกคนนี้นี่ แค่นี่นะ”
“คร๊าบ...สวัสดีครับ” สายสนทนาได้ถูกตัดไป พร้อมกับรอยยิ้มที่ได้พูดแหย่คุณแม่เล่น
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขายังมีภารกิจที่ต้องทำอยู่ กาวินสูดหายใจเข้าปอดอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินเข้ามาหาคนที่นอนมองเขาอยู่บนเตียงผู้ป่วยในขณะนี้
“ว่าไงครับ คุณจำผมได้ไหม” กาวินเดินเข้าไปยืนข้างๆเตียงคนไข้ที่เธอกำลังนอนอยู่อีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยถามเธอด้วยสีหน้านิ่งๆ
“ฉันเป็นใคร แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...” เมื่อเธอพูดจบประโยคเท่านั้นแหละกาวินนิ่งไป แต่เขาก็ยังไม่อยากจะปักใจเชื่อกับสิ่งที่เธอพูด ถึงศีรษะของเธอจะถูกกระทบกระเทือนแต่ก็ไม่น่าจะเป็นมากถึงขั้นความจำเสื่อมได้
“คุณจำอะไรได้บ้าง ไหนลองเล่าให้หมอฟังหน่อยซิครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนของกาวินยังคงพูดคุยกับเธอด้วยความเป็นมิตร
“คือ หนู...” ใบบัวจำแม้นกระทั่งชื่อของตัวเองก็ไม่ได้
“หนูจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ” กาวินยังคงไม่ยอมเชื่อ เขาคิดว่าเธออาจจะแค่เล่นละครอยู่ก็ได้ อาจจะอยากเรียกร้องค่าทำขวัญอะไรแบบนั้น
‘ดี...ถ้าอย่างนั้น ขอลองพิสูจน์ดูสักหน่อยแล้วกัน’ แต่การลองพิสูจน์ของกาวินในครั้งนี้ กำลังใช้หัวใจของตัวเองเป็นเดิมพันเลยเชียวล่ะ
“แล้วจำได้ไหมว่าเราเป็นอะไรกัน” กาวินถามคำถามใหม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเดิม ตอนนี้สีหน้าและแววตาของใบบัวยังคงนิ่งๆ งงๆ จากนั้นเธอก็ส่ายหน้าให้เขาเบาๆอีกครั้งเป็นคำตอบ
“จำไม่ได้จริงเหรอว่าเราเป็นอะไรกัน” กาวินจับจ้องสายตาไปที่เธอแล้วเริ่มเล่นละครชุดใหญ่
“เราเป็นเมียพี่ไง” กาวินใช้คำว่าเมียกับเธอ ไม่รู้ว่าคำนี้เขาจะเล่นแรงเกินไปหรือเปล่า แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงมองมาที่เขาเรียบเฉยไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกอะไร นั่นจึงทำให้กาวินเริ่มเชื่อว่าเธออาจจะจำไม่ได้จริง เพราะถ้าแกล้ง เขาคิดว่าประโยคเมื่อสักครู่นี้ที่เขาพูดยังไงใบหน้าของเธอก็ต้องมีสะดุดบ้างแหละ แต่สีหน้าและแววตาของเธอกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ราวกลับสิ่งที่เขาพูดเมื่อสักครู่พูดเรื่องลมฟ้าอากาศซะอย่างนั้น
“............” หลังจากที่กาวินพูดจบประโยค หญิงสาวตรงหน้ากลับไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย เขามองไม่ออกเลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ หรือไม่เธออาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้ เขาแสดงละครฉากนี้ออกมาได้ดีเกินคาด ซึ่งถ้าเธอแกล้งยังไงเขาก็ต้องจับได้ แต่ถ้าเธอไม่ได้แกล้งมีหวังเขาคงต้องหาทางสารภาพ
“จำไม่ได้ค่ะ” เธอมองมาที่ใบหน้าของเขาตาแป๋ว กาวินเผลอสบตากับดวงตากลมโตคู่นี้อยู่สักครู่...รู้สึกว่าเธอช่างมีเสน่ห์ดึงดูดเขาได้มากเหลือเกิน
“คุณ...”เมื่อหญิงสาวตรงหน้าอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กาวินก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ๆๆ พี่หมอ” กาวินชี้นิ้วมาที่ตัวเอง พลางบอกให้เธอเรียกเขาว่าพี่หมอ ไม่ให้เรียกคุณ
“พี่หมอ...” เธอลองเรียกชื่อเขา แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับใบบัวแล้ว ก็ยังไม่รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นชื่อที่เขาให้เธอเรียกอยู่ดี แต่ในใจของเธอกลับเชื่อที่เขาพูดอย่างสนิทใจ อาจจะเป็นเพราะอาชีพและน้ำเสียงของเขามันน่าเชื่อถือ เธอเชื่อในสิ่งที่เขาพูดโดยไม่ได้รู้สึกแคลงใจอะไรเลย
“ครับ” กาวินเผลอมองใบหน้าจิ้มลิ้มตรงหน้าอย่างชื่นชม
“หนูหิว” เสียงของเธอทำให้กาวินออกจากภวังค์ ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะรู้สึกชอบใครได้มากเท่านี้มาก่อน ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้ว ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเธออีก ไม่ว่าเธอจะความจำเสื่อมจริงหรือว่าแกล้ง เขาก็จะขอจีบเธอให้ติดให้ได้
“ได้สิเดี๋ยวพี่ไปหาอะไรมาให้ทาน รอแป๊บนึงนะ” กาวินลงไปซื้ออาหารมาให้เธอ สักพักเขาก็กลับขึ้นมา เขาซื้อของกินมาหลายอย่าง มีทั้ง ข้าว ผลไม้และขนม ซึ่งกาวินไม่เคยดูแลคนไข้คนไหนดีเท่ากับเธอคนนี้มาก่อน
ระหว่างที่กาวินเดินถืออาหารพวกนี้ขึ้นมา ก็เจอกับหมอแสงเพื่อนรักเข้าพอดี
“ไอ้หมอ มึงซื้ออะไรมาเยอะแยะเชียวไหนแบ่งบ้างซิ” แสงเหนือเป็นผู้ชายขี้เล่น ชอบกวนโอ๊ยเพื่อนอยู่ตลอดเวลาถ้ามีโอกาส
“กูไม่ได้ซื้อมาให้มึง”
“อย่าขี้งกน่า เราเพื่อนกัน...” แสงเหนือให้ความเป็นเพื่อนเข้าหา ถึงแม้จะพอมองออกว่าซื้อมาเยอะขนาดนี้คงไม่ได้กินคนเดียวแน่ๆ
“เพื่อนพ่อมึงสิ กูไม่ได้ซื้อมากินเอง”
“อ้าว...แล้วมึงซื้อมาให้ใคร” สีหน้าอยากรู้อยากเห็นสุดๆของแสงเหนือ ทำให้กาวินถึงกลับมองบน นี่ถ้ามือเขายังว่างจะดีดใบหูมันสักที
“สอดรู้สอดเห็นทุกเรื่องเลยนะมึง ว่างมากนักหรือไง” แสงเหนือยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูให้กาวินดูแล้วพูดว่า...
“ตอนนี้มันเวลาพัก ว่าแต่ซื้อไปให้ใครเหรอ”
“กูไม่บอก...ถอยไป” กาวินเริ่มออกเดินอีกครั้ง กลัวว่าคนที่กำลังหิวจะรอนาน
“ไปด้วย...” ด้วยความอยากรู้ของแสงเหนือจึงเดินตามกาวินมา ซึ่งกาวินก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับความเผือกของเพื่อน ที่จริงแล้วสำหรับกาวินกับแสงเหนือแล้วเพื่อนกันความลับไม่มีอยู่แล้ว แต่กาวินแค่นึกสนุกแกล้งเพื่อนเล่นก็เท่านั้น เพราะถึงเขาไม่บอกเดี๋ยวมันก็หาความจริงจนได้แหละ
“เฮ้ยๆเดี๋ยวๆ ห้องคนไข้...อย่าบอกนะว่าเธอคนนั้น...” แสงเหนือได้ข่าวมาบ้าง แต่ยังไม่เคยเห็นหน้าหญิงสาวที่อยู่ด้านใน แสงเหนือเริ่มอยากจะรู้แล้วว่าหญิงสาวคนนี้มีอะไรดีเพื่อนของเขาถึงได้ดูแลเธอดีขนาดนี้
“กลับไปได้แล้ว”
“ไม่เอากูขอเข้าไปดูหน้าเธอหน่อย คนไข้พิเศษซะด้วย” แสงเหนือส่งสายตาไปที่ถุงอาหารในมือเพื่อน ที่ก่อนหน้านี้กาวินไม่เคยเอาใจคนไข้คนไหนดีเท่ากับครั้งนี้มาก่อน
“กูก็แค่แสดงความรับผิดชอบเท่านั้น...ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“เหรอ...” แสงเหนือลากเสียงยาวล้อเลียนเพื่อน พลางผลักประตูเข้าไปด้านในทันที