

ตอนที่ 7 จีบ
ตอนที่ 7 จีบ
ถ้าผมเลวกว่านี้อีกนิด ผมอาจจะจับเธอกินแล้วก็ได้ แต่ผมทำไม่ได้ ผมแคร์คนที่นี่ แค่วันเดียวที่ผมได้มาทำหน้าที่คุณหมอ ได้พูดคุยกับชาวบ้านถึงจะฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ผมก็รู้สึกว่าคนที่นี่ใจดีและมีน้ำใจมากๆ ผมเริ่มทำงานวันแรกก็ถูกชาวบ้านต้อนรับเป็นอย่างดี บ้างก็เอาผลไม้ที่ปลูกมาฝาก บ้างก็เอาผักมาฝาก ผมรับเอาไว้ทั้งหมดเพราะไม่อยากให้ชาวบ้านเสียน้ำใจ ผลไม้ผมกินเองได้ ส่วนผักกลับไปคงต้องให้ยัยเตี้ยนี่เอาไปทำกับข้าวให้ พูดง่ายๆก็คือผมแคร์คนที่นี่ครับ
“จีบไม่ติดไม่เป็นไร แต่ขอจีบได้มั้ยคะ” เธอยังตื้อไม่เลิก
“ก็ลองจีบดูสิ...ครบสามเดือนแล้วผมคงไม่อยู่ต่อ ถึงวันนั้นอย่ามาร้องไห้ให้เห็นก็แล้วกัน”
“ครบสามเดือนแล้ว อยากอยู่ต่อก็บอกนะคะ”
“มั่นใจซะเหลือเกินนะยัยเตี้ย”
ทั้งสองกำลังนั่งดูพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าด้วยกัน โดยมีการพูดคุยถึงเรื่องทั่วๆไป ไม่ได้เงียบเพราะทั้งคู่เป็นคนคุยเก่งทั้งคู่ พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วทั้งสองก็พากันกลับ ระหว่างที่กำลังเดินไปหาจักรยานที่จอดทิ้งไว้ ปิ่นงามที่ได้ทราบอายุของคุณหมอแล้วจากที่ได้พูดคุยกันเมื่อสักครู่ เธอก็เลยถามออกมาแบบไม่ได้ทันคิด ก็แค่ปากมันพาไป
“คุณหมอแก่ขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่มีเมียคะ” เธอก็แค่สงสัย เพราะเบ้าหน้าที่เขาได้มาอย่างกับฟ้าประทาน
“ปากเหรอเนี่ย หักไปสิบคะแนน บังอาจมาว่าผมแก่” แสงเหนือพูดยิ้มๆเพราะอายุของเขากับอายุของเธอ ถ้าเธอจะมองว่าเขาแก่มันก็ไม่แปลกหรอกแต่เขาแค่ไม่อยากยอมรับมันก็เท่านั้น อายุมันก็แค่ตัวเลข เขาเลิกนับมันตั้งแต่เขาอายุได้ยี่สิบห้าแล้ว
“เฮ้ยๆ ขอถอดคำพูดทันมั้ยคะ”
“ไม่ทันแล้วมั้ย ว่าแต่อยากเพิ่มคะแนนให้เท่าเดิมมั้ยล่ะ” คะแนนที่ว่าก็คือคะแนนจีบเขานั่นเอง
“ปิ่นต้องทำยังไงว่ามาเลยค่ะ”
“ขากลับเธอต้องเป็นคนปั่นกลับ” แสงเหนือเริ่มรู้สึกสนุกกับการได้แกล้งเธอเล่น อย่างน้อยมันก็ทำให้ชีวิตของเขาที่อยู่ที่นี่มีสีสันขึ้นมาบ้าง
“แก่แล้วก็ยังไม่ยอมรับ แถมยังมาใช้แรงงานเด็กผู้หญิงอีก...” เธอบ่นมุบมิบเบาๆ ซึ่งเขาก็ได้ยินนั่นแหละ
“นี่!”
“ปั่นค่ะปั่น เชิญนั่งเลยค่ะ” เธอจับไปที่แฮนด์จักรยานเอามือปัดๆไปที่เบาะด้านหลังเพื่อเป็นการบอกให้เขานั่งลงได้ จากนั้นเธอก็ทำหน้าที่ปั่น ซึ่งเธอก็ปั่นได้แหละแต่รู้สึกหนักเป็นบ้าเลย แต่พอปั่นไปได้สักหน่อย คุณหมอหนุ่มก็เริ่มรู้สึกสงสารเพราะตัวเธอทั้งเล็กทั้งเตี้ย เขาก็เลยจัดการเป็นคนปั่นกลับให้เอง เพราะตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย
“ถึงแล้วขอบใจมาก พรุ่งนี้ถ้าว่างพาไปอีกนะ” พื้นที่ตรงนั้นมันไม่ได้ไกลมาก แต่เขาก็แค่อยากมีเพื่อนไว้คุยแก้เหงาบ้าง ซึ่งยัยเตี้ยนี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เขารู้สึกว่าคุยกับเธอแล้วสนุกดี
เช้าวันรุ่งขึ้น กิจวัตรประจำวันของปิ่มงามก็ยังคงเหมือนเดิม เธอกำลังปั่นจักรยานเอาข้าวไปส่งให้คุณหมอ แล้วจึงเลยไปสอนหนังสือให้กับเด็กๆที่โรงเรียน ส่วนร้านขายของที่บ้านดีที่ปู่ของเธอยังช่วยหยิบจับให้ได้ ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไร ส่วนมากชาวบ้านจะมาซื้อกันแค่เช้าๆเย็นๆอยู่แล้ว เพราะช่วงกลางวันผู้คนส่วนมากจะออกไปทำไร่ทำสวนกันหมด
ปิ่นงามปั่นจักรยานมาจอดที่หน้าบ้านพักของคุณหมอเพื่อส่งอาหารเช้าให้เขาเหมือนเดิม แล้วทันทีที่เธอได้เจอหน้าเขาเธอยิ้มหวานแล้วพูดขึ้นว่า
“คุณหมอปิ่นไอ” เธอทำเสียงไอค๊อกแค๊กให้เขาดู
“มีอาการตั้งแต่เมื่อไหร่” คุณหมอเริ่มถามอาการของเธอ...แต่เมื่อวานตอนเย็นเธอก็ยังดีๆอยู่เลยนี่
“ตั้งแต่เจอหน้าคุณหมอเลยค่ะ ไอเลิฟยู” และแล้วใบหน้ายิ้มๆของเธอก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
“มุขเก่ามาก ไปเล่นที่อื่นไป๊” คุณหมอหนุ่มรีบไล่ ตอนแรกก็คิดว่าเธอไม่สบายจริงแต่ที่ไหนได้แอบหยอดเขาอีกแล้ว
“ไปก็ได้” เธอทำท่าจะปั่นจักรยานออกไป แต่ก็ถูกคุณหมอเรียกเอาไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวๆข้าวที่ตะกร้าหน้ารถ” เขาทวงเมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ได้ส่งถุงกล่องข้าวให้เขา
“อ่อลืม...”
“ยัยเตี้ยเอ๊ย...” เขาส่ายหน้าเบาๆแล้วเดินมาหยิบถุงกล่องข้าวที่หน้ารถจักรยานเอาไปถือไว้ ซึ่งเช้านี้มันมีแค่ถุงเดียว
“คำก็เตี้ยสองคำก็เตี้ย สงสัยจะอยากกินไข่ทุกมื้อล่ะมั้ง...” เธอบ่นเสร็จก็ปั่นจักรยานออกไปเลย
ส่วนคุณหมอเดินกลับเข้าบ้านไปเปิดกล่องข้าวดูไม่รู้ว่าวันนี้เธอทำอะไรมาให้เขาทาน และดูเหมือนว่าอาหารเช้าที่เธอทำมาให้ ก็จะมีกาแฟหนึ่งถุงและขนมปังแซนวิช...แต่วันนี้เป็นแบบธรรมดาไม่ได้เป็นรูปหัวใจเหมือนเมื่อวาน ทำเอาคุณหมอหนุ่มรู้สึกเซ็งๆนิดหน่อยเหมือนเขากำลังหวังอะไรบางอย่างกับอาหารเช้า
แต่พอเปิดกล่องข้าวออกมาดูเท่านั้นแหละ ใบหน้าเซ็งๆของเขากลับยิ้มกว้างขึ้นมาทันทีเลย เพราะวันนี้บนข้าวสวยร้อนๆมีไข่ดาวรูปหัวใจถูกวางไว้ด้านบนด้วย ส่วนอีกกล่องเป็นผัดผัก ซึ่งน่าจะเป็นผักที่ชาวบ้านให้มาเมื่อวานแล้วให้เธอไปทำกับข้าวนั่นเอง
จากนั้นคุณหมอก็นั่งดื่มกาแฟกับแซนวิช พร้อมกับนั่งชมธรรมชาติ ฟังเสียงนกร้องไปพลางๆ จากนั้นก็เตรียมตัวไปปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม
