

ตอนที่ 6 ขอจีบ
ตอนที่ 6 ขอจีบ
ทางด้านปิ่นงาม
เช้าวันนี้เธอก็ยังคงปั่นจักรยานมาช่วยคุณครูตองนวลสอนหนังสือเหมือนเดิม หลังจากที่เธอให้งานเด็กๆเสร็จแล้ว เธอก็ว่าจะไปทำธุระของเธอต่อ นั่นก็คือลงดอยไปซื้อของมาขาย
“ปิ่นๆ วันนี้จะลงดอยใช่มั้ย”
“ค่ะ พี่ตองนวลอยากได้อะไรมั้ยคะ”
“พี่ฝากเอาลูกไหนไปฝากลูกพี่ที่บ้านให้หน่อยสิ” ลูกไหนหรือจะเรียกอีกอย่างว่าลูกพรุนเป็นผลไม้มีประโยชน์ที่คนบนดอยเขาชอบปลูกกัน ลูกใหญ่เนื้อเยอะตองนวลก็เลยช่วยชาวบ้านอุดหนุนเอาไปฝากคนที่บ้าน ซึ่งบ้านของเธอก็อยู่ไม่ไกลจากร้านที่ปิ่นงามจะลงไปซื้อของเท่าไหร่นัก
“ได้สิคะ สบายมาก”
“ขอบคุณนะ พี่ก็ได้เรานี่แหละคอยเป็นธุระให้ ถ้ารอเย็นวันศุกร์ก็อีกตั้งหลายวันเลย”
“ปิ่นไปก่อนนะคะ” ปิ่นงามรับถุงลูกไหนจากมือของพี่ตองนวลมาถือไว้
“เดี๋ยวๆ คุณหมอหล่อมั้ย พี่ยังไม่ได้เห็นหน้าเลย ได้ข่าวว่าเขามาผูกปิ่นโตกับปิ่นนี่”
“หล่อโคตรค่ะพี่ ผิวข๊าวขาว หน้าเนี๊ยนเนียนรูขุมขนแทบมองไม่เห็นเลย อย่างกับผิวผู้หญิงแน่ แต่เขาไว้หนวดบางๆด้วยสงสัยอยากจะเข้ม แต่เสียอย่างเดียวเขาเรียกปิ่นว่ายัยเตี้ยด้วยแหละ”
“เขาหยอกเล่นมั้ง เห็นปิ่นน่ารักไง”
“ช่างเขาเถอะ เขามาอยู่แค่สามเดือนเดี๋ยวเขาก็ไปแล้ว”
“โอเคๆพี่อยากรู้แค่นี้แหละ ไปเถอะขับรถดีๆนะ”
ช่วงเย็นปิ่นงามปั่นจักรยานมาส่งข้าวให้คุณหมอเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเธอจำเรื่องที่คุณหมอถามเมื่อเช้าได้ แต่ไม่รู้ว่าเขายังอยากจะไปอยู่หรือเปล่า
“คุณหมอ...ไปหรือเปล่าคะ” ปิ่นงามจอดจักรยานที่หน้าบ้านพักของคุณหมอ เธอเห็นเขาเดินๆอยู่ในบ้านจึงร้องตะโกนถามเข้าไป
“ไปไหนของเธอยัยเตี้ย” และดูเหมือนว่าเป็นเขาเองที่จำเรื่องที่ถามเธอไว้เมื่อเช้าไม่ได้ แถมยังชอบมาเรียกเธอว่ายัยเตี้ยอีก
“คำก็เตี้ยสองคำก็เตี้ย จะไปมั้ยหาสัญญาณโทรศัพท์น่ะ เดี๋ยวไม่พาไปซะเลยนี่”
“ไปๆ ไปสิ” นั่นไงเขาลืมจริงๆด้วย เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดเขาจึงรีบเดินออกมาหาเธอที่ยังคงนั่งคร่อมจักรยานอยู่อย่างนั้นไม่ยอมลง
“ข้าวเย็นของคุณหมอค่ะ เอาไปเก็บไว้ในบ้านก่อนมั้ยคะ” แสงเหนือรับเอาถุงอาหารเย็นของเขาเอาไปวางไว้ในบ้านก่อนแล้วเดินกลับออกมาหาเธอ เห็นเธอลงไปนั่งอยู่ที่เบาะจักรยานด้านหลังเรียบร้อยแล้ว
“อะไร” เขาส่งสายตาไปที่จักรยานเป็นคำถาม
“คุณหมอโตตัวขนาดนี้ จะให้ปิ่นปั่นให้นั่งเหรอคะ หรือจะเดินไปก็ได้นะตามใจ” พูดจบเธอก็ทำท่าจะขึ้นมานั่งตรงที่คนปั่นเหมือนเดิม
“มาๆปั่นให้นั่งก็ได้ ไกลหรือเปล่า” เขายอมขึ้นไปนั่งตรงที่คนปั่นเพื่อปั่นให้เธอนั่ง
“ไม่ไกลมากค่ะ ปั่นตามทางไปเลยค่ะ” คุณหมอหนุ่มเป็นคนปั่น ส่วนคนซ้อนทำหน้าที่บอกทาง อยู่ๆเธอก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คุณหมอมีแฟนหรือยังคะ” แหม...เล่นถามกันตรงๆแบบนี้เลยเหรอ…คุณหมอหนุ่มคิดในใจ พลางนึกไปถึงแซนวิชรูปหัวใจเมื่อเช้าที่เธอทำมาให้เขากินกับกาแฟ
“แล้วเธอล่ะมีผัวหรือยัง” เขาไม่ยอมตอบคำถามของเธอ แต่เลือกที่จะถามเธอกลับ
“ยังเลยค่ะ แหมคุณหมอก็...” เธอทำท่าเขินอยู่ด้านหลังของเขาซึ่งคุณหมอคงไม่เห็นแต่เขาสามารถฟังได้จากน้ำเสียงของเธอ ซึ่งเสือผู้หญิงอย่างเขาถึงกลับขำเบาๆ เขาก็แค่อยากแกล้งเธอเล่น ต่อให้เธอจะทั้งจีบทั้งยั่วยังไงเขาก็ไม่มีทางยอมมีเมียหรอก ต่อให้เขาจะชอบเธอกลับก็ตาม เขาก็สามารถตัดใจแล้วเดินหันหลังให้เธอได้
“ฉันชอบคุณหมอค่ะ” ปิ่นงามเลือกที่จะพูดตรงๆ เธอเป็นผู้หญิงบ้านป่าพูดอ้อมๆไม่เป็นหรอกคิดยังไงก็พูดออกไปแบบนั้น
“หัวสูงนะเราน่ะ” เธอยกมือขึ้นจับศีรษะตัวเองอย่างไร้เดียงสา แต่เวลาต่อมาเธอก็เข้าใจได้ในสิ่งที่เขาพูด...เขาว่าเธอใฝ่สูงนั่นเอง แต่เธอไม่สนหรอกเพราะรู้อยู่แล้วว่าผู้ชายโปรไฟล์ดีอย่างเขา คงไม่หันมามองผู้หญิงธรรมดาๆอย่างเธอหรอก อีกอย่างตัวของเธอเองก็ไม่ได้คาดหวังในเรื่องนี้อยู่แล้ว
“รสนิยมผมไม่ได้ต่ำขนาดนี้หรอก” เธอเบะปากมองบนทำปากมุบมิบๆอยู่ด้านหลังของเขา
“อย่ากลืนน้ำลายตัวเองก็แล้วกัน” เธอแกล้งว่า
“ไม่มีทางหรอก...ฝันไปเถอะยัยเตี้ย”
“ถึงแล้วๆจอดค่ะ” ในที่สุดการพูดคุยกันก็จบลงเมื่อปั่นมาถึงที่หมายได้สำเร็จ พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่อยู่สูงที่สุดของดอยแห่งนี้ และพื้นที่ตรงนี้ยังสามารถนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินได้ชัดและสวยที่สุดเลยก็ว่าได้
ทั้งสองพากันมานั่งลงที่โขดหินขนาดใหญ่ด้วยกัน คุณหมอหยิบมือถือของตัวเองเล่นไปพลางๆ ส่วนปิ่นงามก็นั่งอยู่ข้างๆเขานั่นแหละ ซึ่งเธอยังไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจที่ได้ตั้งใจไว้ อยู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาว่า...
“ปิ่นขอจีบคุณหมอได้มั้ยคะ” คำขอของเธอทำให้นิ้วที่กำลังกดแป้นพิมพ์อยู่ที่หน้าจอมือถือหยุดชะงักไป แต่แล้วเมื่อเขาตั้งสติได้เขาจึงตอบกลับไปอย่างทีเล่นทีจริงว่า...
“ผมเป็นคนชอบคนยาก แต่อย่างอื่นง่าย”
“อะไรวะ...” เธองง
