ตอนที่ 6 : ฉีจื่อหราน 1/1
ตอนที่
[4]
ฉีจื่อหราน
“คุณหนูทำเช่นนี้จะเป็นการดีหรือเจ้าคะ” อ้ายมี่เอ่ยถามขึ้นเมื่อกลับมาถึงเรือน นางไม่ได้เอ่ยถามสักครั้งว่าแผนการของคุณหนูมีแผนอย่างไรบ้าง แต่เพราะหากคุณหนูยังทำเช่นนี้ต่อไป เห็นทีต่อไปจะอยู่จวนตระกูลฉีได้อย่างลำบาก เอ๊ะหรือว่า….
ฉีจื่อหรานเห็นสาวใช้คนสนิทคล้ายจะตกผลึกบางอย่างได้จึงได้แย้มยิ้มออกมา
“ข้ามิคิดจะอยู่ที่นี่ จึงได้หาทางที่จะออกจากที่นี่ตามแบบฉบับของข้า”
“เป็นเช่นนี้เอง” อ้ายมี่พยักหน้า
“แล้วพวกเราจะไปจากที่นี่อย่างไรหรือเมื่อใดเจ้าคะ” ทันใดนั้นดวงตาของผู้เป็นนายก็เข้มขึ้น “เร็ว ๆ นี้ ส่วนวิธีการเจ้าก็ค่อยรอดู”
พอเสียทีกับชีวิตของสตรีนามว่าฉีจื่อหราน สตรีอาภัพที่ไม่มีผู้ใดต้องการ เดิมทีการเป็นบุตรสาวคนเล็กควรจะเป็นคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะบุตรคนเล็กจะอายุน้อยและมักจะดูน่าเอ็นดูกว่าใครเสมอ ทั้งในสายตาบิดามารดาและผู้อื่นที่ได้พบเห็น หากแต่กับนางนั้นมิใช่ นางเป็นคนที่บิดามารดาเกลียดชังและผลักไสให้มีชีวิตอย่างโดดเดี่ยว
หากจะย้อนไปยังจุดเริ่มต้น
บิดากับมารดาของนางแต่งงานกันด้วยความรักที่มีให้กัน ณ ขณะนั้น และผู้ใหญ่ต่างก็เห็นว่าทั้งคู่มีฐานะเท่าเทียมและเหมาะสมกันจึงได้ให้ตบแต่งกลายเป็นครอบครัวเดียวกันในที่สุด บิดาของนางกระหายที่จะได้บุตรชายเพื่อที่จะมีผู้สืบสกุลต่อเป็นอย่างมาก แต่จนแล้วจนรอดความพยายามทั้งหมดตลอดหลายปีก็มักจะล้มเหลว เมื่อบุตรคนที่สี่ออกมาก็ยังคงเป็นสตรี บิดาคิดจะรับอนุอยู่หลายครั้งหากแต่มารดาได้ขอร้องเอาไว้ว่าขอโอกาสให้นางอีกสักครั้ง แต่สุดท้ายแล้วบุตรคนที่ห้าก็ยังคงเป็นบุตรสาว ครานี้บิดาของนางจึงเริ่มคิดที่จะรับอนุอย่างจริงจัง เมื่อถึงตรงนี้มารดาก็ยังคงขอร้องบิดาอีกครั้ง ยื้อยุดกันอยู่นานสุดท้ายบิดาจึงได้ยอมให้โอกาส แต่อนิจจา วันที่ห้องเต็มไปด้วยความวุ่นวายเหล่าหมอตำแยต่างวิ่งวุ่น และความร้อนใจของผู้บิดาที่เดินไปมาหน้าห้องทำคลอด เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น หมอตำแยก็เริ่มออกไปรายงานขุนนางฉีด้วยความรวดเร็วทันที
‘เป็นคุณหนูน้อยเจ้าค่ะ’
เพียงเท่านั้นฉีหวังก็หันหน้าหมุนกายออกจากเรือนไปไม่แม้แต่จะเข้าไปดูอาการของภรรยาที่เพิ่งคลอดบุตรออกมาอย่างยากลำบากเลยสักนิด และจากนั้นเพียงแค่วันเดียวเขาก็รับอนุเข้าจวนมาถึงห้าคน
เรื่องนี้ทำให้ฉีฮูหยินถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ ด้วยร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงหลังจากคลอดบุตรรวมกับอาการทางใจที่สามีรับสตรีอื่นเข้ามาในจวน ทำให้จวนตระกูลฉีไร้ผู้ดูแลเรือนไปพักใหญ่ จนกระทั่งฉีหวังเอ่ยว่าจะให้อนุผู้หนึ่งขึ้นมาดูแลแทน ฉีฮูหยินจึงได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ กระนั้นความไม่ยินยอม ความขุ่นข้องหมองใจก็มีอยู่เต็มอก เมื่อไม่สามารถจะไประบายใส่สามีได้ สุดท้ายนางจึงได้เอาสิ่งไม่ดีเหล่านี้ไปใส่บุตรสาวที่เพิ่งเกิดใหม่ ที่แม้จะเกิดมาได้จะเข้าสองเดือนแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดคิดจะตั้งชื่อให้นาง หนำซ้ำผู้เป็นมารดายังไม่คิดจะให้นางดื่มนมจากเต้าเสียด้วยซ้ำ เด็กน้อยถูกผลักไปให้แม่นมเป็นผู้ดูแลโดยสิ้นเชิง
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชีวิตที่น่าสงสารของฉีจื่อหราน ต่อมาหลังจากนั้นไม่นานบิดาผู้แข็งแรงมาโดยตลอดก็ล้มป่วยและเมื่อท่านหมอมาตรวจก็พบว่าบิดาเป็นโรคบุรุษร้ายแรง ต้องทำการรักษาเป็นการด่วน และการรักษาต้องใช้เวลา เรื่องนี้ต้องปิดเอาไว้เป็นความลับให้ลึกที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่น่าอายและเกี่ยวพันถึงชื่อเสียง
และเรื่องนี้ทำให้การผลิตทายาทที่ต้องการบุตรชายของบิดาจะต้องยืดเวลาออกไป เรื่องนี้คล้ายจะเป็นผลดีต่อมารดาที่บิดาจะไม่ต้องไปหลับนอนกับสตรีอื่น แต่สุดท้ายกลับทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ลงกว่าเดิม และบิดาผู้นั้นก็มาก่นด่าเด็กน้อยที่ไม่ทันรู้เรื่องราวอันใดว่าเป็นสาเหตุทำให้เขาต้องเป็นโรคบุรุษ หากนางเกิดมาเป็นลูกชายทุกอย่างก็ไม่ต้องเป็นเช่นนี้
‘เป็นเพราะเจ้า ตัวซวย!!’
เขาเอาความผิดทั้งหมดมาโทษที่นาง หากไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่ต้องไปรับอนุที่ผู้หนึ่งเป็นคณิกาจากหอนางโลมมา ว่ากันว่าสาเหตุของโรคมาจากสตรีผู้นั้น
หึ นางอยากจะขำเสียเหลือเกิน เป็นเพราะนางหรือเป็นเพราะบิดามักมาก จนอยากได้คณิกาอันดับหนึ่งของหอโคมเขียวในยามนั้นมาร่วมหลับนอนด้วยเป็นแน่ ถึงขั้นทุ่มเงินจากการขายที่ดินผืนหนึ่งแถวนอกเมืองเพื่อไปไถ่ตัวนางมา
สุดท้ายเมื่อเห็นว่าบิดาเกลียดชังและไม่ชอบใจในบุตรสาวคนเล็ก ผู้เป็นมารดาก็ยิ่งพลอยไม่ชอบใจบุตรสาวเข้าไปด้วย รวมถึงพี่น้องคนอื่น ๆที่เริ่มห่างเหิน สุดท้ายพวกเขาก็คงจะลืมไปแล้วว่านางเป็นน้องสาวคนสุดท้องของพวกนาง แต่ที่จริงที่เหล่าพี่สาวไม่ชอบนางนั้นก็มีสาเหตุอื่นอยู่ ในตอนเด็กนางไม่รู้แต่ยิ่งโตมากลับมองได้ชัดขึ้น