บทที่ 3 แรกพบ
ปิ่นมณีมองตามรถของบิดาที่แล่นจากไปด้วยความรู้สึกเคว้งคว้างเหมือนพ่อกับแม่เอาเธอมาปล่อยไว้ที่โรงเรียนประจำแล้วก็จากไป แต่ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนประจำ มันเลวร้ายกว่านั้นมากในความรู้สึกของเธอ ไร้ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกไร้ความเจริญ ไม่มีคนคอยรับใช้คอยเอาใจเหมือนที่บ้านของเธอ
" หนูปิ่น เดี๋ยวลุงจะต้องไปทำธุระที่ต่างหมู่บ้านเสียหน่อย อ่อ เดี๋ยวพี่เขาจะให้คนงานมารับไปที่เรือนพักในสวนนะลูกนะ ถ้าหนูอยากจะเรียนรู้งานก็ต้องพักที่นั่น พี่เขาจะได้ดูแลหนูได้ ลุงเองไม่ค่อยได้อยู่บ้านสักเท่าไหร่ ต้องไปดูงานอีกสวนที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง หนูอยู่คนเดียวลุงก็อดที่จะห่วงไม่ได้น่ะ "
ลุงเถกิงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความใจดี และเอ็นดูในตัวหล่อนเหมือนลูกหลาน
" อ้าวแล้วพี่เค้าทำไมไม่มารับเองล่ะค่ะคุณลุง " หล่อนถามขึ้นคิ้วเรียวงามที่ตกแต่งไว้อย่างได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย
" พี่เขายุ่งอยู่น่ะมีพ่อค้ามารับทุเรียนในสวนพอดี หนูปิ่นรอหัวหน้าคนงานอยู่ที่นี่กับจำปาก่อนนะลุงคงต้องรีบไปแล้ว นัดเพื่อนไว้เดี๋ยวจะไปไม่ทันเวลา "
" ค่ะคุณลุง " หล่อนรับคำอย่างจำใจ นี่มันอะไรกันเนี่ย นี่ขนาดบ้านใหญ่ที่นี่ยังไม่ค่อนสะดวกสะบาย แล้วจะให้เราเข้าไปอยู่ในสวนทุเรียนตายแล้วไอ้ปิ่น จะลำบากแค่ไหนกันอีกนะ หล่อนคิดในใจอย่างท้อแท้
เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินยิ้มเข้ามา ดวงตาใสซื่อมองมาที่ปิ่นมณีอย่างชื่นชม
" สวัสดีค่ะพี่ปิ่นใช่มั้ยคะ "
" ใช่ค่ะ มีอะไรรึ " หล่อนถามกลับไปอย่างงงๆ เด็กสาวคนนั้นก็ยังคงมองหล่อนและยิ้มเขินไม่วางตา
" ลุงให้จำปามานั่งอยู่เป็นเพื่อนพี่ปิ่นค่ะ พี่สวยจังเลยค่ะสวยเหมือนดาราในทีวีเลย "
จำปามองหล่อนอย่างชื่นชมจนปิ่นมณีรู้สึกขวยเขิน
" ขอบใจจ้ะ จำปา พี่ไม่ใช่ดาราค่ะ แต่ที่นี่ร้อนจัง แอร์ก็ไม่มีอยู่กันได้ยังไงเนี่ย " หล่อนตอบออกไปพลางเริ่มบ่นถึงสภาพอากาศ ทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนเท่าใดนัก มีลมโชยมาอยู่เป็นระยะ
" ไม่เห็นจะร้อนเลยค่ะ แต่ว่าพี่คงจะไม่เคยชินกับอากาศแบบนี้ อยู่กรุงเทพอากาศคงจะเย็นมากใช่มั้ยคะ " จำปาถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เด็กสาวเคยดูแต่ในโทรทัศน์ไม่เคยไปเห็นสักที เขาว่ากรุงเทพเป็นเมืองฟ้าเมืองศิวิไลซ์ หล่อนก็อยากจะรู้บ้างว่ามันเป็นแบบไหนกัน
" โธ่เอ๊ย กรุงเทพน่ะถึงจะร้อนแต่บ้านฉันก็มีแอร์ติดอยู่แทบทุกห้อง จะไปไหนมาไหนก็สะดวก ห้างสรรพสินค้าเยอะแยะ จะกินจะช้อป อะไรก็แสนจะสะดวกสบาย ไม่เหมือนที่นี่ เซเว่นฯยังไม่มีเลย เห้อ "
ปิ่นกล่าวกับจำปาเหมือนได้โอกาสระบายความในใจ จำปามองหล่อนเพลินพยายามนึกภาพตามที่หล่อนพูดอย่างใช้ความคิด จนปิ่นต้องควักเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดภาพในโทรศัพท์ให้จำปาดู
" โอ้โห บ้านพี่ปิ่นสวยมากเลยค่ะ หลังเบ้อเริ่มเลย อู้หู นี่เหรอคะที่เขาเรียกว่าห้าง หนูไม่เคยไปไหนเลยค่ะพี่ปิ่น โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี แถวหมู่บ้านเรานี้ บ้านที่รวยๆ อย่างบ้านลุงเถกิง แล้วก็บ้านกำนันแดงเท่านั้นแหละพี่ที่เขาซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกเขาใช้ หนูอยากได้แต่แม่ไม่ไม่มีตังซื้อให้เหมือนกัน "
จำปาเป็นเด็กสาวข้างบ้านของคุณลุงเถกิง พ่อแม่เธอรับจ้างทำสวนให้กับคุณลุง ส่วนจำปาเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก็ไม่ได้เรียนต่อเพราะที่บ้านไม่มีเงินพอจะส่งเรียน จึงต้องออกมาช่วยพ่อแม่รับจ้างหากินไปตามเรื่อง วันนี้เธอไม่ค่อยสบายเลยอยู่บ้านนั่นเอง
" อ่อจ่ะ ว่าแต่ทำไมคนงานไม่มารับสักทีเนี่ย "
ปิ่นมณีเริ่มจะหงุดหงิดที่ต้องรอนาน จำปาก็ช่างพูดช่างซักจนหล่อนเริ่มจะรำคาญ เด็กบ้านนอกก็แบบนี้จะถามอะไรกันนักกันหนานะน่ารำคาญจริง
สักพักก็มีรถกระบะสี่ประตูสีบรอนซ์เงินขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เปิดประตูลงมาจากรถ ใบหน้าหล่อเหลามีเคราครึ้มที่สองข้างแก้ม คิ้วเข้มหนารับกับดวงตาคมดุที่จ้องมองขึ้นมาบนเรือนอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
" ทำไมเราต้องมาคอยดูแลยัยคุณหนูชาวกรุงด้วยวะ พ่อนะพ่อ เหมือนงานเรายังยุ่งไม่พออีกใช่มั้ยเนี่ย "
เมฆินทร์ หรือ เมฆ บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินขึ้นเรือนไปหาแขกที่เขาไม่ค่อยจะยินดีต้อนรับสักเท่าไหร่นัก ร่างสูงของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะเพิ่งกลับจากสวนก็รีบออกมาทันที ตอนแรกเขาคิดจะให้นายเปรมซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานมารับหล่อนแทน แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าอยากออกมาซื้อของใช้ส่วนตัวด้วย ก็เลยมาเสียเอง
" เอ้าพี่เมฆมาแล้ว " จำปาเรียกเขาอย่างดีใจทันทีที่เห็นร่างสูงก้าวขึ้นบันไดไป
ปิ่นมณีหันไปมองเมฆินทร์อย่างรู้สึกทึ่ง กับใบหน้าที่แสนจะหล่อเข้มดูมีเสน่ห์ภายใต้เสื้อผ้าที่ดูปอนๆ เก่าคร่ำแต่มันไม่สามารถบดบังความหล่อที่ทะลุออกมาจากเนื้อผ้านั้นได้เลย
' ไม่ยักกะรู้ว่าหัวหน้าคนงานที่นี่จะหล่อปานนายแบบ แต่ก็นั่นแหละนายแบบบ้านนอก ดูสิเหงื่อซกเลย ยี้ จะนั่งรถไปด้วยได้ยังไงเนี่ย ฉันจะไม่เป็นลมตายก่อนรึยังไงนะ '
หล่อนมองใบหน้าหล่อเหลาของเมฆ พลางคิดในใจเพลิน จนเขาเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าแทบจะชิดกับหัวเข่าเธอเลยทีเดียว หล่อนถึงได้สติ
