บทที่ 2 ความตาย คือ จุดเริ่มต้น
“ขอบคุณที่ใช้บริการ ขอให้เป็นวันที่ดีนะคะ”
ฉันยื่นขนมเค้กและชากุหลาบให้ลูกค้า พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“แตงโม เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อของเตรียมสต็อกเพิ่มนะ”
ฉันบอกแตงโม พนักงานที่เป็นรุ่นน้องนักเรียนทุนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่จ้างไว้ พลางถอดผ้ากันเปื้อนออก คว้ากระเป๋าคู่ใจมาสะพาย
“ให้หนูไปก็ได้ค่ะพี่เมี่ยง พี่นั่งพักอยู่ที่ร้านเถอะ”
“ไม่เป็นอะไรจ้ะ พี่จะไปหาดูขนมใหม่ๆ มาใส่หน้าร้านด้วยน่ะ ฝากดูแลร้านพี่ด้วยนะ”
“รับทราบ สบาย หายห่วงค่ะเจ้านาย”
เธอยกมือขึ้นตะเบ๊ะเหมือนพวกตำรวจ แล้วยิ้มแฉ่ง
“จ้ะ”
ขณะเดินอยู่ริมถนนกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ ต้นกล้า แม่บอกว่าอย่าวิ่ง!....“
ปึก!
” ว้าย ขะ ขอโทษด้วยค่ะ…”
เธอตะโกนไหล่หลังมา เมื่อลูกชายตัวแสบวัยกำลังซนของเธอวิ่งชนขาฉันจนเซไปหลายก้าว เด็กคนนั้นลุกขึ้นและวิ่งไล่จับลูกบอลที่กลิ้งอยู่
“ต้นกล้า !!! อย่าออกถนน …กรี้ดดดด ”
ฉันหันมองตามเสียงกรี้ด เด็กผู้ชายคนนั้นวิ่งตามลูกบอลที่กลิ้งไปกลางถนน รถยนต์กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ร่างกายฉันขยับโดยไม่ทันได้คิดไตร่ตรอง วิ่งเข้ากลางถนนไปผลักตัวเด็กคนนั้นให้พ้นระยะรถ
ปี้นนนนนนนนนน เอี้ยดดดดดดดดดด
ปั้ง!!!
“กรี้ดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงแตรและเบรคของรถดังลากยาว กึกก้องในหู ฉันรับรู้ได้ถึงแรงกระแทกที่จุกจนร่างกายชา แขนขาหนักจนไร้ความรู้สึก ภาพสุดท้ายที่มีแรงหันมอง คือเด็กนั่งร้องไห้กลางถนน และล้อรถ ...ที่เหยียบตัวฉันอยู่ครึ่งนึง
น้ำตาไหลลงข้างขมับ อากาศจุกอกเหมือนลมไม่สามารถผ่านเข้าไปได้แล้ว ฉันทิ้งเปลือกตาที่หนักอึ้งนี้ลงช้าๆ ดูภาพท้องฟ้าบนโลกใจร้ายนี่ ค่อยๆ มืดดำจนสุดท้าย…. ไม่รับรู้ความเจ็บปวดอะไรอีกเลย
-------------------------------------------------------------------------------------------
”...คุณหนูคะ“
”.....“
”คุณหนูคะ ได้เวลาเตรียมตัวแล้วค่ะ“
‘อ่าาา หนวกหูชะมัด คนจะนอน’
”คุณหนูอนาสตาเซียคะ…“
ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นจากแรงสกิดเบาๆ ของบุคคลปริศนา แสงอาทิตย์ลอดผ่านผ้าม่านโปร่งเข้ามา ฉันหลี่ตาลง ปรับสายตามองดูรอบๆ
“...โรงพยาบาลหรอ”
“คุณหนูคะ…”
เฮือกกก!
ฉันสะดุ้งตื่นเต็มตาอีกครั้ง เตียงใหญ่ หนานุ่ม อากาศที่ส่งกลิ่นหอมของดอกไม้อะไรสักอย่าง เฟอร์นิเจอร์หรูทรงโบราณฉบับพวกผู้ดีอังกฤษ และผู้หญิงที่ดูอายุมากกว่าฉัน นั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ปลายเท้า เธอแต่งชุดคล้ายๆ พวกเมดในการ์ตูน
”...ได้เวลาเตรียมตัวเจ้าสาวแล้วค่ะ คุณหนูอนาสตาเซีย“
เธอพูดเบาๆ โดยที่ยังก้มหน้าต่ำลงพื้น
เดี๋ยว !!! ธะ เธอพูดว่าอะไรนะ
เจ้าสาว ?!!!
คุณหนู ?!!!
อนาสตาเซีย ?!!!
คำมันคุ้น คุ้นมาก คุ้นสุดๆ …..ฉันรีบลุกวิ่งลงจากเตียง ไปหน้ากระจก
”กรี้ดดดดดดดด“
ฉันกรี้ดออกมาด้วยความตกใจ ยกมือเรียวเล็ก กุมใบหน้าสวยๆ ที่สะท้อนอยู่ในกระจกไว้ ดวงตากลมโต ผมยาวสลวยสีน้ำตาลทอง ผิวขาวอมชมพูไร้จุดตำหนิ ปากเล็ก บางกระจับสีแดง ตัวสูง หุ่นเพรียว เอวคอดเหมือนชีวิตไม่เคยรู้จักหมูกะทะ นี่มัน……
เพี้ยะ!
“โอ๊ย!!”
ฉันตีแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อหวังให้หลุดจากความฝันประหลาดนี่ แต่มันดันเจ็บจริง สาวที่ใส่ชุดเมดสะดุ้ง รีบก้มหน้าลงพื้น ตัวสั่น
“ไม่... ไม่จริง ไม่ใช่ ฉันต้องเพ้อเจ้อไปเองแน่ๆ”
ฉันพึมพำหน้ากระจก สิ่งสุดท้ายที่จะพิสูจน์ได้ ฉันรีบวิ่งไปเปิดประตูระเบียงห้อง เพื่อดูสภาพแวดล้อมภายนอก และ…
’…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี้ยยยยยยยยย‘
-------------------------------------------------------------------------------------------
นั่นคือเรื่องราวแรกที่ฉันพบเจอ หลังจากที่ (น่าจะ) ตุยเย่จากโลกปัจจุบัน และตอนนี้ฉันนั่งหงอยอยู่ในรถม้า มือถือช่อดอกไม้สวยๆ และใส่ชุดเจ้าสาวสุดอลัง กระโปรงบานเป็นสุ่มลากพื้น ที่คาดว่าน้ำหนักชุดน่าจะเกือบๆ 10 กิโลได้
… และวิญญาณฉันดันอยู่ในร่าง ’อนาสตาเซีย’ คุณหนูตัวร้าย ที่ฉันพึ่งอ่านนิทานย้อนยุคสุดปวดตับของยายไป
‘เพราะอะไร?? ‘
ฉันพยายามคิดแล้ว คิดอีกว่าทำไม เพราะอะไร เรื่องบ้าๆ นี่ถึงเกิดขึ้น แล้วกรรมหนักที่สุด คือ วันนี้ ดันเป็นวันส่งตัวเจ้าสาว !
พูดง่ายๆ ก็คือ ยัยคุณหนูอนาสตาเซียต้องก้าวขาเข้าคฤหาสน์ตระกูล ไรค์คิงฮาร์ต อย่างเป็นทางการ
ทำไมไม่มาให้ไวกว่านี้นะ… อย่างน้อยก็ขอเป็นตอนที่อนาสตาเซียขู่จะฆ่าตัวตาย ถ้าพ่อนางไม่ยอมใช้เส้นลากพระเอกมาแต่งงานด้วย หรือก่อน
ที่อนาสตาเซียจะตกหลุมรักพระเอกของเรื่องไปเลยยิ่งดี
เพราะฉันจะได้เปลี่ยนแปลงเรื่องราว ไม่ให้ตัวเองและอนาสตาเซีย ต้องมาพบกับจุดจบที่น่าสมเพชตามเส้นเนื้อเรื่องน่ะสิ
”เฮ้อ …แม่งเอ้ยยยยย“
ฉันสบถออกมาเบาๆ เด็ดกลีบดอกไม้ นับโชคชะตาที่น่าสมเพชนี้
”หนี … ไม่หนี …. หนี ….. ไม่หนี….“
ใช่ ฉันกำลังคิด ว่าจะหนีจากการแต่งงานบ้าๆ นี่ดีไหม หรือจะปล่อยชะตาไปตามเส้นเนื้อเรื่อง แล้วก็รอวันตายอีกครั้งดี
”...ตายอีกครั้ง“
’นี่ฉัน เกิดใหม่ เพื่อตายอีกครั้ง งั้นหรอ แถมยังต้องโดนบั่นคอด้วยน้ำมือคนที่เป็นสามีฉันเนี้ยนะ‘
ฉันยกมือขึ้นลูบคอตัวเองเบาๆ แล้วกลืนน้ำลายเอือกใหญ่อย่างลำบาก
‘แง้ ~~~~ นี่มันใจร้ายเกินไปแล้ววววว’
จะขอยกเลิกการแต่งก็ไม่ได้ เพราะฉัน ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ของขวัญประทานจากพระมหากษัตริย์’ ขนาดคนรับอย่างแกรนด์ดยุกไรค์คิงฮาร์ตยังไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเลย แล้วฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ
ต่อให้แอบหนีจากขบวนส่งตัวเจ้าสาวนี่ไป ก็ต้องโดนล่าจากคนของพระมหากษัตริย์ โดนพ่วงคดีกบฏ เพราะขัดคำสั่ง
หรือถ้าแต่งแล้วค่อยขอหย่า ยิ่งไม่ได้ไปใหญ่ เพราะจะมีทั้งเรื่องปัญหาการเมือง ปัญหาระหว่างครอบครัว และกฏหมายหญิงหม้ายต่างๆ นานา ตามมาอีกเป็นขบวน สุดท้ายก็ไม่พ้นเหี่ยวตายอยู่ดี
‘โอ๊ยยยย ปวดหัวค่าาาาาา‘