บทที่ 1 คุณยายขายนิทาน
ณ Me You Café
กริ้ง กริ้ง
เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้น ฉันหันมองลูกค้าที่เข้ามาใหม่ แล้วยิ้มทักทายให้อย่างเป็นมิตร
“มียูคาเฟ่ยินดีต้อนรับค่ะ คุณลูกค้ารับอะไรดีคะ”
คุณยายถือไม้เท้าและสะพายกระเป๋าผ้าเก่าๆ ยิ้มหยีฟันที่ดำจากการผุให้ฉัน พูดด้วยเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“หนู….ยายขอน้ำเปล่ากับขนมปังที่ถูกที่สุดได้ไหม”
“ได้ค่ะ เชิญคุณลูกค้านั่งรอสักครู่นะคะ”
“ยายขอยืนรอตรงนี้นะ ไม่อยากให้เก้าอี้หนูเปื้อน…”
ยายพูดด้วยเสียงสั่นๆ พลางก้มลูบสัมผัสบนเสื้อที่มีรอยปะเย็บและคราบฝุ่นดินทั่วตัว ฉันเดินออกจากเคาน์เตอร์ ไปจับแขนยายเบาๆ แล้วยิ้มให้
“...ตัวยายสกปรกนะหนู”
“สกปรกอะไรกันคะ… ยายนั่งรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวหนูห่อขนมปังให้ค่ะ”
ฉันพูด พร้อมพายายไปนั่งที่โซฟา ยายทำท่าเกรงใจจะไม่ยอมนั่ง จนฉันเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ
ฉันห่อเค้กใส่กล่อง และใส่น้ำผลไม้สดกับน้ำเปล่าไปให้ด้วย ยายรับไปเปิดดูในถุงก็ทำสีหน้าตกใจ ก่อนจะวางของคืนให้ฉัน
“ยายซื้อได้แค่น้ำเปล่ากับขนมปังก้อนเล็กๆ นะลูก”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ หนูให้ฟรี …ทานให้อร่อยนะคะ”
“ไม่เอาลูก ของซื้อของขาย ยายไม่ได้อยากมาขอกินฟรี…”
“งั้น…ยายจ่ายเท่าที่มีได้เลยค่ะ”
“คือว่า ยายจ่ายเป็นอันนี้ได้ไหมหนู”
ยายพูด พลางหยิบหนังสือเก่าๆ เล่มนึงออกมาจากกระเป๋า แล้วส่งให้ฉัน
“หนังสือนิทานหรอคะ?”
“ใช่จ้ะ นิทานยายแต่งเอง ถึงมันจะโบราณและดูไร้สาระ แต่มันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของยายแล้ว”
ยายพูด พลางลูบปกหนังสือเล่มนั้นไปมา ด้วยใบหน้าที่หลากหลายความรู้สึก ยิ่งเห็นดวงตาที่มีน้ำใสๆ คลออยู่ ฉันยิ่งรู้สึกสงสาร
“ได้ค่ะ หนูชอบอ่านนิทานอยู่แล้ว ขอบคุณนะคะ”
ฉันรับหนังสือเก่าๆ นั้นมากอดไว้ แล้วยิ้มให้ยาย
”ยายดีใจจริงๆ ที่โลกใบนี้มีหนูอยู่“
”อ่าาา แหะๆ ค่ะ”
“เหนื่อยไหมลูก” ยายถาม
“เอ่อ ไม่เท่าไรค่ะ วันนี้ลูกค้าน้อย...”
“เปล่าลูก ยายถามถึงชีวิตนี้น่ะ”
“คะ?”
ฉันละสายตาจากหนังสือ เงยหน้าขึ้นมองยายด้วยความสงสัยในคำถาม
‘เหนื่อยสิ เหนื่อยมากๆ เหนื่อยจนบางครั้งก็อยากหายไป...’
ฉันคิดในใจ และทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ เพื่อซ่อนความรู้สึกไว้
“เอ่อ ว่าแต่บ้านยายอยู่แถวนี้หรือเปล่า ให้หนูเดินไปส่งไหมคะ หนูกำลังจะปิดร้านพอดี“ ฉันถามเปลี่ยนประเด็นก่อนที่น้ำตาจะไหล
”ไม่เป็นอะไรจ้ะหนู ยายไม่มีบ้านกับเขาหรอก เดินไปเรื่อยๆ น่ะ“
”อ่าาา ค่ะ งั้นวันไหนถ้ายายหิวอีก แวะมาหาหนูได้นะคะ“
”ขอบใจมากๆ จ้ะ …ยายไปแล้วนะ“
”ค่ะ เดินทางปลอดภัย รักษาสุขภาพด้วยนะคะยาย“
ยายยิ้มให้จนตาปิด ตีนกาขึ้นข้างขมับ ก่อนจะก้าวออกจากประตู ยายหันกลับมายิ้มอีกครั้ง แล้วทิ้งคำพูดชวนสงสัย
“....อ่านหนังสือจบแล้ว ขอให้หนูมีความสุขกับชีวิตใหม่อีกครั้ง”
กริ้ง
สิ้นเสียงกระดิ่งประตู ฉันยืนขนลุกและงุนงงกับคำพูดอวยพรของยาย
‘ชีวิตใหม่ อีกครั้ง‘ …หมายความว่ายังไงนะ
ฉันเมี่ยง สาววัย 24 ปี ปัจจุบันเป็นเจ้าของกิจการร้านคาเฟ่เล็กๆ ในเมือง ฉันเติบโตบนโลกใบนี้ด้วยลำแข้งและสมองของตัวเอง ไม่มีพ่อแม่ครอบครัว หรือญาติผู้ใหญ่ ใครบางคนทิ้งฉันไว้ที่หน้าสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเล็กๆ ด้วยเหตุผลที่เขียนใส่กระดาษว่า ...ไม่พร้อมที่จะดูแล
พออายุ 13 ปี ฉันต้องออกจากบ้านเด็กกำพร้า เข้าเรียนที่โรงเรียนรัฐบาล ตามสิทธิบังคับขั้นพื้นฐานของมนุษยชน หลังจากที่ตั้งใจเรียนอย่างหนักจนสอบชิงทุนมหาวิทยาลัยได้ ฉันก็หางานพาร์ทไทม์ทำระหว่างเรียนต่อจนจบ และได้ยื่นกู้เงินก้อนจากธนาคาร มาเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆ ของตัวเอง จนถึงปัจจุบัน
และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันค่อนข้างอ่อนไหว กับคนที่ต้องพยายามดิ้นรนใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เพราะฉันเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกดำมืดที่อยู่ภายใต้จิตใจ ว่า….
’ฉันเกิดมาบนโลกใบนี้ทำไม’
หลังปิดร้านเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ขึ้นชั้นบนมานอนห้องใต้หลังคา คว้าเอาหนังสือนิทานเก่าๆ ของยายขึ้นเปิดดู ลายมือสวย เส้นหวัดสีดำจากปากกาหมึกซึม ตัดกับกระดาษสีเหลืองเก่าๆ ฉันกะอ่านแก้เหนื่อยเล่นๆ แต่ดันปล่อยจอย อารมณ์และความอยากรู้ในเรื่องราวจนจบเล่ม
มันก็แค่นิทานรักๆ ใคร่ๆ ผสมการเมืองนิดๆ ที่ลงท้ายด้วยความผิดหวัง อิจฉา และความตาย แต่สิ่งที่นิทานเล่มนี้นำเสนอ ไม่ใช่คู่พระ-นาง แต่เป็น ‘อนาสตาเซีย’ คุณหนูตัวร้าย ที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนั้นขึ้น
..เธอตกหลุมรักแกรนด์ดยุกท่านหนึ่ง ซึ่งก็คือพระเอกของเรื่องนั่นเองและแน่นอนว่าพระเอกเขามีคนในใจเป็นนางเอกอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ของตัวร้าย เธอก็ได้บีบบังคับพ่อตัวเองให้ใช้เส้นสายในการทำให้พระเอกต้องมาแต่งงานกับเธอให้ได้
หลังจากที่นางร้ายได้แต่งสมตามใจอยาก แทนที่เธอจะมีความสุข แต่กลับยิ่งทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ สายตา คำพูด ความห่างเหินของพระเอกนั้น ทำให้เธอเกิดจุดดำมืดในจิตใจ และร้ายยิ่งกว่าเดิม เพราะความรักที่พระเอกมี ยกให้เพียงนางเอกของเรื่องเท่านั้น
เมื่อเธอรู้ถึงต้นตอในการใจร้ายของพระเอก เธอจึงลงมือฆ่านางเอก เพราะหวังว่าพระเอกจะหันมองเธอคนเดียว จนสุดท้ายความจริงถูกเปิดเผย เธอก็ถูกสั่งประหารทันทีและเพชรฆาตรคนนั้น ก็คือ สามีของเธอเอง !
ซึ่งเรื่องราวตั้งแต่เธอก้าวเข้าคฤหาสน์ของตระกูลพระเอก จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเธอ คือแค่ 2 เดือน เท่านั้น!!
‘ยายต้องผ่านเรื่องร้ายมาเยอะขนาดไหนนะ ถึงแต่งเรื่องได้เศร้าขนาดนี้‘