บทพิสูจน์ความอดทน(2)
“แม่ขอโทษนะลูก เดี๋ยวแม่เช็ดตัวให้”
เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวก็ตระหนักรู้ว่าสิ่งที่เธอทำนั้นไม่ถูกต้อง เด็กน้อยไม่สบายและไม่ได้รับรู้ปัญหาระหว่างพ่อแม่ เธอไม่ควรที่จะเอาความเครียดและกดดันไปลงที่ลูกสาว
กชกรเช็ดตัวให้ลูกอยู่หลายชั่วโมงแต่ไข้ก็ไม่ลดเลย ก่อนที่กวินตรานั้นจะอาเจียนออกมาหลายต่อหลายครั้งจนเปรอะเปื้อนที่นอน
กชกรไม่รู้จะทำยังไงเธอมือไม้สั่นไปหมด คนเดียวที่นึกถึงในตอนนี้ก็คือสามี หญิงสาวพยายามต่อสายหาเขาแต่จนแล้วจนรอดครองภพก็ไม่ยอมรับสายเสียที
กชกรไม่รู้จะทำยังไง สามีก็ไม่ยอมรับสาย ลูกก็ร้องไห้งอแง เธอพยายามตั้งสติก่อนจะรีบเช็ดทำ ความสะอาดทุกอย่างและอุ้มกวินตราพาดบ่า ก่อนจะคว้ากุญแจรถและรีบตรงไปโรงพยาบาลทันที
ระหว่างทางกชกรก็พยายามติดต่อหาสามีเรื่อยๆ เธอทำถูกและส่งข้อความหาเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ติดต่อกลับมา
หญิงสาวรู้สึกผิดหวังในตัวสามีมาก ช่วงเวลาแบบนี้เขายังกล้าที่จะเมินเฉยอีก
น้ำตาหญิงสาวไหลพราก เธอพยายามกลั้นสะอื้นก่อนหันมองลูกสาวเป็นระยะ เด็กน้อยอ่อนเพลียและเริ่มหายใจโรยริน กชกรไม่รอช้ารีบเหยียบคันเร่งเพื่อไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
กชกรอยู่หน้าห้องฉุกเฉินเธอก็ยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะติดต่อกับสามี แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ยอมรับสาย กชกรไม่รู้จะทำยังไง ณ เวลานี้เธอต้องการใครสักคน จึงได้ตัดสินใจโทรหาแม่
“คุณแม่ หนูจะทำยังไงดี น้องครีมอาการหนักมาก”
กุสุมาที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ เธอกำลังหลับอยู่แต่เมื่อได้ยินว่าหลานสาวป่วยเข้าโรงพยาบาลก็ถึงกับตาสว่างและนอนไม่หลับ
“ตอนนี้น้องครีมอยู่ที่ไหนลูก”
“ตอนนี้อยู่ที่ห้องฉุกเฉินแล้วค่ะแม่”
หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่น มือและขาก็สั่นตามไปด้วย กชกรพยายามตั้งสติแต่เวลานี้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรนะลูกถึงมือหมอแล้ว ใจเย็นๆก่อน ตั้งสตินะลูก”
ผู้เป็นแม่พยายามปลอบโยนลูกสาว ในเวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับสติอีกแล้ว
“ลูกอยู่โรงพยาบาลไหนเดี๋ยวแม่จะรีบไป”
กชกรส่ายหน้าทั้งน้ำตา“แม่ไม่ต้องมาหรอกค่ะ มันมืดแล้วอันตราย น้องครีมถึงมือหมอแล้วเดี๋ยวก็หายค่ะ”
หญิงสาวพยายามตั้งสติเมื่อสำนึกได้ว่าเธอนั้นกำลังสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น แม่เธอไม่ควรมารับรู้เรื่องไม่สบายใจแบบนี้
“หนูขอโทษนะคะที่ทำให้คุณแม่ไม่สบายใจ”
หญิงสาวเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด เพราะความตื่นตลกตื่นตูมของเธอ ทำให้แม่นั้นพลอยไม่สบายใจไปด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่เข้าใจ ถ้าเป็นแม่ก็คงสติแตกแบบนี้แหละ แล้วครองภพไปไหนล่ะ”
ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม แต่คำตอบที่ได้รับเป็น ความเงียบ กุสุมารู้ได้ทันทีว่าน่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เธอจึงได้ปลอบใจลูกสาวไม่ให้คิดมาก
“ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรานะลูกนะ ที่นี่ยินดีต้อนรับเสมอ”
หญิงวัยกลางคนเอ่ย ไม่ว่ายังไงกชกรก็คือ ลูกสาวของเธอ ต่อให้แต่งงานไปแล้วแต่ลูกก็คือลูก วันใดวันหนึ่งหากผู้ชายคนนั้นไม่ต้องการลูกของเธออีกต่อไป เธอก็ยินดีที่จะอ้าแขนรับกลับมา
“ค่ะแม่”
ตลอดทั้งคืนกชกรคอยติดต่อกับกุสุมา เธอต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ จึงต้องรบกวนผู้เป็นแม่ให้คอยอยู่เคียงข้างระหว่างที่ลูกสาวของเธอนั้นถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน
กวินตราได้รับการรักษาจนหายดี เด็กหญิงน่าจะเผลอนำสิ่งสกปรกเข้าปากจึงทำให้ท้องร่วงและเป็นไข้ กชกรรู้สึกผิดที่ไม่ดูแลลูกให้ดี วันนี้ทั้งวันเธอมัวแต่หวั่นวิตกเรื่องของสามีจนไม่เป็นอันทำอะไรรู้ตัวอีกทีลูกสาวของเธอก็เกือบจะจากไปเสียแล้ว
เด็กหญิงยังคงต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ในระหว่างนี้โทรศัพท์ของกชกรก็ดันเสียทำให้เธอติดต่อใครไม่ได้ และไม่มีเวลาที่จะออกไปซื้อเครื่องใหม่
กวินตราพักรักษาตัวอยู่ในห้องพิเศษ โชคดีที่กชกรนั้นมีเงินเก็บอยู่มากพอสมควร เธอจึงไม่จำเป็นต้องรบกวนใคร
“เดี๋ยวคุณแม่ปอกผลไม้ให้นะคะ”
หญิงสาวเอ่ยกับเด็กตัวน้อยที่กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่บนเตียง กชกรโอบกอดลูกสาวด้วยความรักและหวงแหน เธอคิดไม่ออกเลยว่าหากเมื่อคืนเธอเสียลูกไปจะมีชีวิตอยู่อย่างไร
“กินแอปเปิ้ลก่อนนะลูก”
กชกรปอกเปลือกแอปเปิ้ลก่อนจะฝานบางๆและวางไว้ในจานของลูกสาว เธอมองดูเด็กน้อยที่เริ่มเจริญอาหารมากขึ้น ก่อนจะเล่านิทานให้กวินตราฟังและกล่อมอีกฝ่ายนอนจะหลับไป
เช้าวันต่อมาคุณหมออนุญาตให้เด็กน้อยกลับบ้าน กชกรไม่รอช้ารีบเก็บของเตรียมไว้ เมื่อถึงเวลาเธอก็พาลูกสาวขึ้นรถก่อนจะตรงกลับบ้านทันที