6.ยื่นหมูยื่นแมว 2
เกือบตีหนึ่งครึ่งและใกล้ถึงเวลานัดระหว่างผมกับ Single Dadk-8 เต็มที อีกฝ่ายคือชายนิรนามผู้ที่กำลังคุกคามชีวิตน้อยๆ ของผม ยามนี้ใจผมตุ้มๆ ต่อมๆ หลังจากแจ้งหมายเลขบัญชีให้เขา และเวลาผ่านไปราวๆ สองถึงสามนาทีก็มีข้อความแจ้งโอนเงินเข้ามา แต่เอาเข้าจริงๆ ผมโคตรปอดแหก ไม่กล้าไพรเวตกับอีกฝ่าย ถึงจะเคยได้ค่าขนมจากการขายสินค้าอื่นๆ มาบ้าง แต่ส่วนมากเป็นเสื้อยืด เสื้อกล้าม หากหนนี้ผมข้ามขั้นด้วยการโชว์เนื้อหนังขายกางเกงบ็อกเซอร์แถมต้องถอดโชว์ด้วย
ทั้งหมดนี้จะโทษใครได้ถ้าไม่ใช่พี่ชายของคีรี
สัญญาณกล่องข้อความไพรเวตกะพริบถี่ๆ ผมถอนหายใจอยู่หลายเฮือก ก่อนกดเข้าไปอ่าน
‘ขอให้ตรงเวลานะ เดี๋ยวโทร.เข้าไป’
ผมเครียดหนักเข้าไปอีกเมื่อถูกเวลาเร่งเร้า กระนั้นก็อยากต่อรองอีกฝ่าย หวังว่าเขาจะยอมรับข้อเสนอผม
‘ตอนนี้ดึกแล้ว และผมง่วงมาก เป็นพรุ่งนี้ได้ไหมครับพี่ เดี๋ยวซันจะทำเป็นคลิปส่งไปให้แทน’
ผมลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ อีกฝ่ายไม่รู้ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่อ่านข้อความผม
‘ผมไม่โกงนะครับ พรุ่งนี้จะรีบส่งคลิปแต่เช้า และกางเกงก็จะไปส่งด่วนให้ครับ แต่ผมยังไม่ได้ที่อยู่พี่เลย’
ผมรอให้เขาอ่านข้อความ รออยู่เกือบห้านาทีจนแทบอยากกดออกจากโปรแกรม แต่ทุกอย่างยังนิ่งสนิท
‘เดี๋ยวผมอัดเป็นคลิปอาบน้ำ เห็นข้างหน้าและข้างหลังเต็มๆ ดีไหมครับ นี่ผมยอมพี่สุดๆ แล้วนะ...’
เมื่อพิมพ์จบ ผมก็ยกมือไหว้ท่วมหัว ขอให้การเจรจาครั้งนี้สำเร็จด้วยเถิด ผมรออีกสิบนาที กระทั่งจวนถึงเวลานัดหมาย ข้อความจากอีกฝ่ายก็พิมพ์ตอบกลับมา
‘กางเกงไม่เอา คลิปก็ไม่อยากดู ขอวิดีโอคอลถอดบ็อกเซอร์ตัวต่อตัวเท่านั้น’
‘ถะ ถอดจริงๆ ตอนนี้เลยเหรอพี่ มันไม่ดึกไปหน่อยเหรอ’
‘ถอด!’
หลังเขาส่งข้อความคล้ายการข่มขู่ผม ก็มีสายโทร.เข้าจากอีกฝ่าย มือผมสั่นจัด ผมนับหนึ่งไปจนถึงสิบ ก่อนที่ผมจะกดตัดสายไปเสียดื้อๆ
“เฮ้ย ผะ ผมไม่ได้ตั้งใจนะ มือมันลั่น!!” ผมครางเสียงเครียดจัด
แต่ก็นั่นแหละ ผมทำพลาด พลาดตั้งแต่ยอมรับเงินหนึ่งหมื่นบาทของSingle Dadk-8!
ใจผมเต้นรัวแรง หลังจากกดตัดสายอีกฝ่ายไป และเขาก็โทร.กลับมาอีกรอบ
“ทำไมตัดสายฉันทิ้ง!”
เสียงเขาเข้มมาก และหน้าจอเขามีแสงไฟสลัวๆ ผมมองเห็นอีกฝ่ายไม่ชัด ส่วนห้องผมเปิดไฟสว่างโร่เพราะยังไม่ได้ตั้งตัว
“คือผมขอปิดไฟก่อนได้ไหม” ผมประหม่าและอายพิกล
“พูดเป็นเล่น ปิดไฟแล้วจะเห็นอะไรล่ะ อย่างอแง โตๆ กันแล้ว แฟร์หน่อยนะซัน...” น้ำเสียงและการพูดคุยของเขาฟังแล้วคุ้นเคยจนผมประหลาดใจ ความคุ้นเคยนี้ส่งผลต่อหัวใจผมอย่างแรง ราวกับผมเคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน...
“พี่จะดูอะไรล่ะครับ เราก็ผู้ชายเหมือนกัน”
ผมไม่ได้กวน แต่มันเขินและจั๊กจี้หากต้องมาทำอย่างนี้กับคนแปลกหน้าแถมเป็นผู้ชาย
ในการไลฟ์สดผมอาจดูกร้านโลก ไม่หวงเนื้อหวงตัว แต่เอาจริงๆ ผมโคตรขี้อาย เรื่องนี้พี่คีย์เป็นพยานได้
“ใช่ ฉันเป็นผู้ชาย แต่เราไม่เหมือนกันแน่นอน!” ปลายประโยคเขาประชดประชันผมฉิบหาย
“ถ้างั้นผมถามหน่อย แค่ถอดกางเกงทำไมพี่ต้องให้ราคาสูงขนาดนั้น”
“อืม บางอย่างมันก็ต้องแลกด้วยเงิน หรือนายไม่อยากได้ นี่ก็เห็นว่าต้องย้ายห้อง ฉันเลยช่วยเหลือนิดๆ หน่อยๆ พอให้ไม่ต้องเดือดร้อนจนเกินไป” เขาถามเหมือนว่าเป็นแฟนคลับตัวจริงของผม เพราะผมมักตัดพ้อชะตาชีวิตให้ FC ที่ตามดูผมในออนไลน์ฟัง
“ก็ทำนองนั้นแหละ เรื่องเฮงซวยเนี่ยต้นเหตุเพราะมีคนใจร้ายอยากให้ผมไม่มีที่ซุกหัวนอน ก็ไอ้...” เอ่ยถึงตรงนี้ผมก็เป็นโกรธเป็นแค้นอาเฮียของพี่คีย์ แต่ยังยั้งปากไว้ทัน เรื่องบางเรื่องผมไม่ควรเปิดเผยให้คนอื่นรู้
“เอ ใครมันกล้าทำแบบนี้กับคนน่ารักได้ลงคอ ใจร้ายใจดำจริงๆ” บทเขาจะสุภาพและอ่อยผมด้วยคำพูดหวานๆ ก็ทำให้ผมอายม้วนทีเดียว
“แหม อย่าชมผมมากดิ เขินหมดแล้ว เอาละ...ถ้าพี่อยากให้ผมทำผมก็ยอม แต่บอกก่อน ผมไม่เคยทำอย่างนี้กับใคร และผมถอดแค่กางเกงบ็อกเซอร์ ไม่มีสไลด์หนอนหรือโชว์ว่าว!” ผมบอกความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจน
“อืม...แล้วถ้าฉันอยากให้นายทำมากกว่านี้ นายจะว่าไง?” เขาถามเสียงทุ้มต่ำและแหบพร่า น้ำเสียงนั้นโคตรเซ็กซี่จนผมเกือบเผลอบ้าจี้เปลื้องผ้าลงต่อหน้าเขาในวินาทีนั้น!!
“เอาอีกแล้วเหรอครับ ผมไม่ได้ขายนะพี่ ถ้าพูดแบบนี้ผมโอนเงินคืนดีกว่า” หลุดปากไปอย่างนั้นทั้งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง
“ฉันยังไม่ได้บอกว่านายขายสักหน่อย ร้อนตัวไปได้”
“ก็พี่พูดแบบนี้อยากให้ผมเข้าใจเจตนายังไง” เสียงผมแข็งขึ้น
“ซัน...” เขาลากเสียงยาว ทั้งน้ำเสียงและวิธีการพูด บอกตามตรงว่ามันทำให้ผมขนลุกซู่!
“เหอๆ ให้ตายเถอะ พูดแบบนี้ยังกับเป็นพ่อผมแน่ะ” ผมท้วง
“โอ้ ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้น แต่ถ้าให้เป็น...”
เขาไม่ได้เอ่ยถ้อยคำตรงปลายประโยคออกมา แต่ผมรู้ชัดว่าจงใจหยาบคายใส่ผม
“มันไม่โอเคว่ะ พี่จงใจแกล้งปั่นหัวผม” ผมหัวร้อนมาก ไม่อยากสนทนากับอีกฝ่ายต่อ
“เอ๊ะ หยอกเล่นแค่นี้อายเหรอ ฮึๆ ทีทำเรื่องงามหน้าเอาไว้ไม่ยักมียางอาย คงเพราะคิดว่าไม่มีใครจับได้สินะ”
คราวนี้ผมหน้าชาเมื่อเขาต่อว่าผมตรงๆ
“อ้าว พี่หลอกด่ากันแบบนี้หมายความว่าไง” ผมโวยวาย หากเขาอยู่ใกล้ๆ คงถูกสอยปลายคางแน่
“โถๆ อยากได้เงินเยอะๆ ก็ต้องยอมสิ และฉันก็ใจป้ำพอถ้านายกล้ามากกว่านี้”
“ผมไม่ใช่ผู้ชายขายตัว และไม่ได้เป็นเกย์!” ผมประกาศจุดยืนแสดงศักดิ์ศรีของตัวเอง
“ไหน พูดให้ฉันได้ยินอีกครั้งสิ” เขาเล่นลิ้น
“ผมเป็นผู้ชาย คุณเข้าใจถูกแล้ว และถ้าคุณโรคจิตอยากนอนกับพวกเด็กขายก็เชิญไปห้องอื่น และถ้าไม่พอใจ ผมโอนเงินคืนให้ได้ เอาจริงนะ ผมไม่ชอบหลอกลวงใคร”
ผมเปลี่ยนสรรพนามอีกฝ่ายเสียใหม่ รู้สึกอยากกดตัดสายเขาในตอนนั้นเสียด้วยซ้ำ
“ฮ่าๆ พูดซะคล่องปากว่าไม่เคยหลอกใคร แถมยืนยันว่าแมนทั้งแท่ง แต่บอกเลยสิ่งที่นายทำอยู่เนี่ยมันยิ่งกว่าขายตัวเสียอีก แต่เอาเถอะ เดินมาทางนี้แล้วก็ขอไปให้สุดละกัน เดี๋ยวฉันจะคอยดูว่าจะเก่งสักแค่ไหน”
“เฮ้ย! ถ้าคุณไม่พอใจผม เข้ามายุ่งกับผมทำไมวะ มันไม่สนุกนะโว้ย”
“พูดไปนั่น ฉันชอบนายนะ ขาวๆ ก้นใหญ่ ปากสวยสีชมพู หุ่นก็น่าอุ้ม เอาละ ถามอีกครั้ง ถ้าให้มาถอดกางเกงให้ฉันดูต่อหน้า สองหมื่นห้าพอไหม” ราคาของเขาพุ่งสูงจนผมหน้ามืด แต่ผมยังมีศักดิ์ศรีและสติมากพอ แถมยังจำได้ว่าคำพูดเขาก่อนหน้านี้คือการดูถูก
ผมคำรามขึ้นมาหนึ่งหน หมดอารมณ์อยากได้เงินจากคนตัณหากลับ
“อย่าดูถูกกันเกินไป คุณไม่ได้มีดีกว่าคนอื่น และคนอย่างผมไม่งอมืองอเท้าขอใครกินแน่นอน คุณเอาเบอร์บัญชีมา เดี๋ยวโอนคืนให้เดี๋ยวนี้เลย”
“ขี้โมโหง่าย แถมใจร้อน เฮ้อ...ใครปั่นหัวนิดๆ หน่อยๆ ก็สติแตก เอางี้ไอ้น้อง นายไม่ต้องมาหาฉัน แต่ตามที่ตกลงไว้ นายต้องถอดกางเกงให้ฉันดู!”
“แหงละ ผมถอดก็ได้ แต่คุณต้องถอดเหมือนกัน แฟร์ๆ เอาไหม” เมื่อเขาโยนแผนนี้มา ผมก็หาทางตลบหลังกลับ
“เรื่องอะไรคนซื้อต้องถอดด้วยวะ นายเอาความคิดนี้มาจากไหน”
“ฮึ...ก็ผมจะซื้อสิ่งที่คุณนุ่งอยู่เหมือนกัน สามพันบาทพอไหมสำหรับผ้าขาวม้าเก่าๆ ผืนนั้น!”
คนที่อยู่ปลายสายเงียบไปอึดใจ เขาคงคิดไม่ถึงว่าผมจะมาไม้นี้
“ไหนว่าไม่ได้ชอบผู้ชายหรือเป็นเกย์ แล้วมาซื้อผ้าขาวม้าฉันทำไม”
“ก็...ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า คนอย่างผมฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ อีกอย่างถึงผมจะเต้นยั่วๆ ในไลฟ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากเป็นเด็กป๋าเด็กเสี่ยสักหน่อย” ผมยอมอ่อนลงมาอีกนิดเพื่อหลอกล่อเขา